ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ในวงการสื่อกีฬาโดยเฉพาะสายฟุตบอลไทย เหยี่ยวข่าวทุกท่านย่อมคุ้นชื่อ พินิจ งามพริ้ง เป็นอย่างดีจากบทบาทแกนนำกลุ่ม “เชียร์ไทย เพาเวอร์” ผู้ต่อสู้กับความถูกต้องและเรียกร้องความโปร่งใสจากทีมงานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯในอดีตเป็นอย่างดี ก่อนจะเงียบหายแล้วเป็นที่ฮือฮาบนโลกออนไลน์ เมื่อเปิดเผยตัวตนทางเพศที่แท้จริง แม้สังคมไทยอาจยังไม่คุ้นชินจนเป็นเรื่องอึ้ง แต่ที่เมืองนอกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพวกเขาก็มีคนกีฬาที่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดจนต้องแสดงตัวตนที่ซ่อนไว้เหมือนกัน
อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมลูกหนังไทย ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวอีกอันที่ชื่อว่า “พอลลีน งามพริ้ง” พร้อมรูปภาพที่แสดงรูปลักษณ์สวยงามดังผู้หญิง จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เผยความลับที่เก็บงำไว้มานานว่าตนเองมีจิตใจที่เป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ด้วยสถานะทางสังคมและความคาดหวังจากคนรอบข้าง จึงต้องปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ กระทั่งย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ ซาน ฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา จึงเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง ก่อนบอกว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่จะตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยให้กระจ่าง
การเปลี่ยนแปลงจาก “นาย” เป็น “นาง” ของ พินิจ หรือ พอลลีน เป็นข่าวฮือฮาไม่น้อยในวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะแฟนบอลที่คุ้นเคยรู้จักติดตามผลงานของเขามานาน ซึ่งบ้านเราอาจมองเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่วงการกีฬาต่างประเทศ ก็เคยมีเรื่องราวลักษณะนี้เช่นกัน โดยเป็นถึงบุคคลในวงการกีฬาที่ได้รับการยอมรับทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะแสดงความเป็นตัวเองที่แตกต่างครั้นยามแก่เฒ่า
คนแรกที่เป็นข่าวดัง คือ บรูซ เจนเนอร์ ที่คนยุคปัจจุบันรู้จักเขาดีในฐานะคุณพ่อของ ไคลีย์-เคนดัลล์ เจนเนอร์ สองนางแบบสาวสวยขวัญใจคนรุ่นใหม่ ในอดีตเขาคือชายผู้ยิ่งใหญ่แห่ง สหรัฐอเมริกา ลงแข่งขันทศกรีฑาแล้วได้เหรียญทอง โอลิมปิก เกมส์ ปี 1976 ที่แคนาดา เขากลายเป็นที่รักของคนทั้งประเทศ แต่งงานมีลูกมีครอบครัวเมื่อเลิกเล่นกีฬา แต่เดือนเมษายนปี 2015 บรูซ ก็ทำให้คนทั้งโลกช็อกเมื่อเผยโฉมใหม่ในฐานะ “ผู้หญิง”
บรูซ ที่เปลี่ยนชื่อเป็น แคธลิน พร้อมเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเรียบร้อย เคยบอกสื่อว่าเธอมีความสุขมากที่ได้เป็นตัวของตัวเองเสียที หลังจากที่ต้องคอยเก็บซ่อนตัวตนมาอย่างยาวนานเพื่อสถานะทางสังคมและปกป้องครอบครัว กระทั่งเมื่อโลกเปลี่ยนไป รสนิยมทางเพศที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องน่าอาย เธอจึงเลือกที่จะก้าวออกมา ก่อนเดินสายออกสื่อเพื่อคุยถึงเรื่องนี้ รวมถึงโพสต์ข้อความลง ทวิตเตอร์ จนมีคนกดติดตามกันกระฉูดแตก ว่า “ยินดีต้อนรับสู่โลกของ แคธลิน รอไม่ไหวแล้วที่จะเชิญชวนให้ทุกคนรู้จักเธอคนนี้”
อีกคนที่ฮือฮาพอกัน ก็คือ แฟรงค์ มาโลนีย์ คอหมัดมวยคงต้องคุ้นชื่อหน้าตากันดี เพราะเขาคือหนึ่งในบุคคลสำคัญในแวดวงกำปั้นโลก มีเครดิตปั้น เลนน็อกซ์ ลูอิส ขึ้นเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวตและโด่งดังครองสถานะดาวค้างฟ้า ชีวิตของ แฟรงค์ ดูมีความสุขดีทุกประการ เพราะได้รับการยอมรับนับถือจากคนในวงการ แต่งงานกับ เทรซีย์ และมีลูกด้วยกันอีก 3 คน แต่นั่นก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเพราะต้องปกปิดรสนิยมทางเพศเอาไว้ข้างใน
โบราณว่า ความลับไม่มีในโลก เดือนสิงหาคม ปี 2014 แฟรงค์ เปลี่ยนชื่อแซ่เป็น เคลลีย์ เข้ารับการผ่าตัดแปลงกายเป็นผู้หญิง เปิดตัวในชุดเดรสสีน้ำเงินพร้อมผมสีทองชนิดที่ลูกศิษย์อย่าง ลูอิส เห็นแล้วก็อึ้งทึ่งกันไป แต่กระนั้นก็เคารพการตัดสินใจของชายที่ปลุกปั้นเขาให้มีชื่อเสียง นอกจากนี้ เคลลีย์ ยังถูกจับภาพว่าคบหากับชายหนุ่มคนหนึ่งระหว่างออกไปทานมื้อค่ำนอกบ้านด้วย ส่วนภรรยาแม้จะเลิกราไปแล้ว ทว่า ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและผลัดกันดูแลลูกเหมือนปกติ
สมัยก่อนหากคนในวงการกีฬาบอกว่าตนเป็นเพศที่สาม มักถูกสังคมรุมประณามหยามเหยียด แถมยังส่งผลกระทบต่อชีวิตคนในครอบครัวอย่างหนักชนิดว่ากลายเป็นหัวข้อให้ชาวบ้านนินทากันไม่จบสิ้น แต่ในยุคโลกาภิวัตน์เช่นนี้ การประกาศตัวเรื่องรสนิยมทางเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย สังคมเปิดรับเรื่องดังกล่าวมากขึ้น ถึงจะยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มคนเพศทางเลือกก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจกว่าเดิม ดังนั้น หากกลุ่มคนเหล่านี้ไม่แสดงพฤติกรรมเสื่อมเสียต่อสังคมก็อยากให้ทุกคนมองพวกเขาเหมือนคนปกติเพราะอย่างน้อยเขาก็คือ “มนุษย์” เหมือนเรา
เรื่องโดย - วัลลภ สวัสดี