เอเยนซี – ศึกเทนนิส เอทีพี ทัวร์ เดินทางมาถึงฉากสุดท้ายของปี 2016 กับศึก เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ การดวลแร็กเกตของ 8 นักหวดหนุ่มที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดประจำปี ซึ่งยังคงเลือกใช้สังเวียน โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเวทีห้ำหั่นกันเช่นเคย โดยเปิดฉากไปแล้ววันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมเงินรางวัลรวมยั่วใจอยู่ที่ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 247 ล้านบาท) รวมถึงบทพิสูจน์ระหว่าง แอนดี เมอร์เรย์ กับ โนวัค ยอโควิช
สำหรับนักหวดชายเดี่ยวทั้ง 8 ราย ที่ผ่านการควอลิฟายเข้ามาลงแข่งที่เมืองผู้ดี นำโดย แอนดี เมอร์เรย์ (สหราชอาณาจักร), โนวัค ยอโควิช (เซอร์เบีย), สแตน วาวรินกา (สวิตเซอร์แลนด์), มิลอส ราโอนิค (แคนาดา), เคอิ นิชิโคริ (ญี่ปุ่น), กาแอล มงฟิลส์ (ฝรั่งเศส), มาริน ซิลิช (โครเอเชีย) และ โดมินิค ธีม (ออสเตรีย) โดยแต่ละคนก็ชื่อชั้นไม่ธรรมดา เคยผ่านสังเวียนแห่งนี้มาแล้วยกเว้น ธีม ที่เป็นน้องใหม่ของรายการ
ไฮไลต์ประจำรายการจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากการลงสนามของ แอนดี เมอร์เรย์ นักหวดเจ้าถิ่นที่เพิ่งสร้างเกียรติยศให้กับตัวเองด้วยการนั่งตำแหน่งมือ 1 โลก ซึ่งแย่งมาจาก โนวัค ยอโควิช เพื่อนร่วมอาชีพ จากผลงานอันแข็งแกร่งคว้า 4 แชมป์ในช่วง “เอเชียน สวิง” ไล่ตั้งแต่ ไชนา โอเพน, เซี่ยงไฮ้ มาสเตอร์ส ก่อนข้ามไปรายการยุโรป เวียนนา โอเพน และ ปารีส มาสเตอร์ส ก่อนถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ของรายการ
หวดหนุ่มวัย 29 ปี ลงแข่ง ไฟนอลส์ หนที่ 8 อยู่กลุ่มเดียวกับ วาวรินกา, นิชิโคริ และ ซิลิช หากวิเคราะห์ดูน่าจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มไม่ยากเพราะสถิติเหนือขาดกว่าทุกคน มีเพียง วาวรินกา ที่ค่อนข้างสูสี 9-7 อย่างไรก็ตาม ผลงานรายการนี้ของ “บิ๊ก แอนดี” ยังขาดความสม่ำเสมอ เคยไปไกลสุดถึงรอบตัดเชือก ปี 2008, 2010, 2012 ส่วน 2 หนหลังสุดปี 2014-2015 จอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม ดังนั้นหวดเลือดสกอต ต้องกล่าวขอพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าปีนี้จะแตกต่างไป
ขณะเดียวกัน เจ้าของ แกรนด์ สแลม 3 สมัย ยังต้องการจบปี 2016 ด้วยตำแหน่งสูงสุดของวงการ เพราะยังมีสิทธิ์ถูก ยอโควิช ทวงคืนบัลลังก์ได้ในรายการนี้ “ถือเป็นปีที่ผมเล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผมแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากเสียเวลาพูดถึงเรื่องเก่าๆ เพราะอยากมุ่งสมาธิทำผลงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสิ่งที่ผมกำลังไขว่คว้าอยู่”
ข้ามฝั่งมาที่ ยอโควิช ปีนี้ถูกวิจารณ์เรื่องความกระหายในสนามเพราะหลังซิว แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพน ที่ใฝ่ฝัน ผลงานก็เริ่มถดถอยกลายเป็นคนที่สามารถแพ้ใครก็ได้ ที่น่าผิดหวังสุดคือตกรอบแรก โอลิมปิก 2016 ที่บราซิล ทั้งที่เป็นตัวเต็ง ก่อนในที่สุดจะเสียตำแหน่งมือ 1 โลกที่ยึดครองมาตลอด 122 สัปดาห์ให้แก่เพื่อนซี้ แต่เพราะแต้มที่ยังไม่ขาด ห่างกันแค่ 405 แต้ม ทำให้ “โนเล” เดินทางมาที่เมืองผู้ดี เพื่อทวงสิ่งที่ควรเป็นของตัวเองกลับมาในฐานะแชมป์เก่า
“การได้ แกรนด์ สแลม ครบทุกรายการ มันเป็นสิ่งน่าปลาบปลื้ม แต่นั่นก็ทำให้ผมหลุดจากอารมณ์ความกระหายเก่าๆไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ผมมีความสุขกับฤดูกาลของตัวเอง และมาที่นี่ก็เพื่อจบฤดูกาลด้วยผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เจ้าของแชมป์ ไฟนอลส์ 5 สมัย ซึ่งอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับ ราโอนิค, มงฟิลส์ และ ธีม กล่าวบ้าง
หวดเลือดเซิร์บ มีโอกาสทวงศักดิ์ศรีให้ตัวเองหากคว้าแชมป์ ไฟนอลส์ สมัยที่ 6 ซึ่งนั่นจะทำให้มีสถิติเทียบเท่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หวดรุ่นพี่ชาวสวิสที่เก็บแชมป์ ไฟนอลส์ สูงสุดในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับตำแหน่งมือ 1 โลกประจำฤดูกาลนี้ ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะรอบแบ่งกลุ่ม 2 แมตช์ แล้วชูโทรฟี ที่ โอทู อารีนา ส่วน เมอร์เรย์ สถานการณ์คือต้องได้แชมป์ต่อหน้าแฟนๆที่บ้านเกิด หากทำสำเร็จก็จะเป็นนักหวดคนที่ 17 ของ เอทีพี ที่จบปีด้วยตำแหน่งมือ 1 โลก
นอกจากการห้ำหั่นของทั้งคู่ ยังมีอีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าสนใจคือ โดมินิค ธีม มือ 9 ของโลกจาก ออสเตรีย ที่สร้างเซอร์ไพรส์เข้ามาเล่นรายการใหญ่เป็นครั้งแรก จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมเกินอายุ 23 ปี ได้แชมป์ 4 รายการที่ บัวโนสไอเรส, อคาปุลโก, นีซ และ สตุ๊ตการ์ท จนได้สิทธิ์เข้ามาชิงชัยที่ อังกฤษ ท่ามกลางคู่ต่อสู้มือพระกาฬ จุดเด่นอยู่ที่เกมรับอันเหนียวแน่นและลูกแบ็คแฮนด์มือเดียวที่ทรงพลังจนอาจสร้างความอึดอัดให้นักหวดสายบุกในกลุ่มอย่าง ยอโควิช, ราโอนิค ไม่น้อย
เรียกได้ว่าศึก ไฟนอลส์ ปีนี้ถึงไร้สองซูเปอร์สตาร์ ซึ่งเข้าสู่วัยร่วงโรยอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล ที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนจนปิดเทอมไปก่อน แต่ก็ยังมีเรื่องราวน่าตื่นเต้นให้ติดตาม ขณะเดียวกันยังถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญสำหรับ เมอร์เรย์ เช่นกัน หากว่าคว้าแชมป์ที่บ้านเกิดพร้อมกับจบปีด้วยตำแหน่งมือ 1 โลก ก็จะได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในนักหวดที่ยิ่งใหญ่อีกคนในประวัติศาสตร์วงการ หลังจากก่อนหน้านี้โดน ยอโควิช ผูกขาดแชมป์มาตลอด 2-3 ปีหลัง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *