ลูอิส แฮมิลตัน นักขับ ฟอร์มูลา วัน ชาวอังกฤษ ยังรักษาโอกาสลุ้นตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้ต่อไป หลังเหยียบคันเร่งสุดปลายเท้า คว้าแชมป์ศึก ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่ สหรัฐอเมริกา แบบไม่มีใครไล่ตามทัน และนับเป็นชัยชนะที่ 50 ของตัวเองในการเป็นนักขับอาชีพ
ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฟอร์มูลา วัน สนามที่ 18 ของปี รายการ ยูเอส กรังด์ ปรีซ์ ณ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกา ความยาวต่อรอบ 5.513 กม. เมืองออสติน สหรัฐอเมริกา โดยวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดวลกันทั้งหมด 56 รอบสนาม
สิ้นสัญญาณไฟ ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งจาก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ออกตัวจาก โพล โพซิชัน และรักษาตำแหน่งผู้นำได้เป็นอย่างดี ขณะที่ นิโค รอสเบิร์ก เพื่อนร่วมทีมซึ่งเป็นจ่าฝูงบนตารางคะแนน ไล่หลังมาแต่ก็โดน แดเนียล ริคคิอาร์โด จาก เรด บูลล์ แซงขึ้นมาได้
การแข่งขันดำเนินไปโดยที่ แฮมิลตัน นำไปตลอดทางไม่มีใครตามทัน และในที่สุดนักซิ่งจากเมืองผู้ดี ก็วิ่งเข้าป้ายรับธงหมากรุกคันแรก เวลา 1 ชั่วโมง 38 นาที 12.618 วินาที ตามด้วย รอสเบิร์ก ที่ฮึดแซงกลับมาเข้าอันดับ 2 และ ริคคิอาร์โด ขึ้นโพเดียมอันดับ 3
ผลงานแชมป์ของ แฮมิลตัน ทำให้เจ้าตัวคว้าแชมป์ เอฟวัน เป็นสนามที่ 50 พร้อมเก็บเพิ่มเป็น 305 แต้ม ไล่ตาม รอสเบิร์ก อยู่ 26 แต้ม ความกดดันคือหากสนามถัดไปที่ เม็กซิโก หาก รอสเบิร์ก ได้แชมป์แล้วเจ้าตัวกลับพลาดรีไทร์ ไม่มีแต้ม แชมป์โลกจะเป็นของนักซิ่งจากเมืองเบียร์ทันที
“นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีม และสำหรับผม แม้จะมีช่วงที่ทำให้รู้สึกกังวลบ้าง แต่ก็ถือเป็นสัปดาห์ที่ดีของเรา ผมหวังว่าจะรักษาผลงานแบบนี้ไว้ได้ต่อไป เพราะตอนนี้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น การขับขี่ด้วยความมั่นใจคือสิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้” แฮมิลตัน กล่าว
สำหรับศึก เอฟวัน สนามต่อไปซึ่งเป็นเรซที่ 19 ของปี จะเดินทางไปแข่งกันต่อแบบทันทีไม่มีพักในรายการ เม็กซิกัน กรังด์ ปรีซ์ ณ สนาม ออโตโดรโม เฮอร์มานอส โรดริเกวซ ประเทศเม็กซิโก วันที่ 28 - 30 ตุลาคม นี้
