คอลัมน์ “ตอดทุกเรื่อง” โดย “หญิงตอด”
แฟนบอลบางทีมในไทยลีก คงจะไม่ค่อยถูกจริตกับเสียงเชียร์ฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะสไตล์การเชียร์แบบฮาร์ดคอร์ มีแต่เสียงของผู้หญิงตะโกนด่าตลอดเวลา โทรโข่งดังทะลุจอ ทำให้เสียงปลุกใจดูแปลก ๆ ไม่ธรรมชาติ ไม่น่าจะสร้างความฮึกเหิมเลย แต่บรรดา GU12 ก็ยังร้องเพลงเชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตา จนเป็นที่มาของ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” ให้แฟนบอลทีมยักษ์ใหญ่นำไปล้อเลียนในสนาม จนเกิดการฟาดฝีปากกันในโลกออนไลน์มาแล้ว
เรื่องดังกล่าวหายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จะทำการตรวจสอบการใช้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มี “ซ้อต่าย” กรุณา ชิดชอบ นั่งตำแหน่งนายก อบจ. อยู่นั้น โดยมีรายงานที่เผยแพร่ในสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า มีการนำงบหลวงไปใช้สำหรับขนกองเชียร์ ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหาร และ เบี้ยเลี้ยง เข้าชมการแข่งขันของทีม บุรีรัมย์ฯ ที่เดินทางไปแข่งขันยังสนามในจังหวัดอื่น ๆ ปีละ 20 ล้านบาท ตรวจพบย้อนหลัง 3 ปี รวมประมาณ 60 ล้านบาท
ตามหลักเกณฑ์ของ สตง. เมื่อตรวจพบก็จะเรียกคืนเงินที่มีการใช้จ่ายเงินแบบไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ความวุ่นวายในเมืองปราสาทหินเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ เพราะ อบจ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่า ไม่ใช่ความผิดขององค์กร เนื่องจากมีหน้าที่เบิกงบให้หน่วยงานในจังหวัดแค่นั้น พร้อมโบ้ยให้ สมาคมกีฬาบุรีรัมย์ เป็นผู้รับผิดที่ได้นำเงินไปให้ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใช้จ้างคนไปเชียร์เอง
แต่ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว ถึงจะเป็นที่ตื่นตูมให้หลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว ตนก็ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ว่ากันตามหลักการหากใครทำผิดต้องดำเนินการสอบสวนตามข้อเท็จจริง มีการลงโทษทั้งทางวินัย ทางอาญา หรือทางแพ่งตามกฎหมาย พร้อมเตรียมใช้มาตรา 44 หากมีคำสั่งออกมา
นอกจากนี้ ยังมีกระแสเชื่อมโยงกันว่าหัวเรือใหญ่เซราะกราว “เนวิน ชิดชอบ” มีความเกี่ยวข้องคุ้นเคยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน ที่พ่วงตำแหน่งรองหัวหน้าและประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าแม่บ้านขาโหดของ “บิ๊กเน” จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาไปแบบขาวสะอาดไร้มลทิน
เพราะหากมีการเอาผิดจริง คงจะต้องมีการลงโทษเฉกเช่นเดียวกับกรณีของ อนุสรณ์ นาคาศัย อบจ.ชัยนาท ซึ่ง สตง. สอบพบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ หมวดเงินอุดหนุนสนับสนุนสมาคมกีฬาจังหวัดชัยนาท ที่นายอนุสรณ์ เป็นนายกสมาคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของสโมสรฟุตบอลจังหวัดชัยนาท ที่มีน้องชาย “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ประธานนกใหญ่พิฆาต เป็นผู้จัดการทีม และใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมแข่งขันชกมวยสากลระดับโลก รวมจำนวนเงิน 44,800,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 10,070,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย โครงการมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพ ในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งประชาติ ปี 2554 ของ อบจ.ชัยนาท ทำให้ถูกเรียกเงินส่งคืนคลัง บจ.ชัยนาท รวมจำนวน 54,870,000 บาท พร้อมถูกสั่งพักงานตามมาตรา 44 อีกด้วย
ส่วนตัวมองว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังไปได้ไกลในระดับเอเชีย ทีมเล็กทีมน้อยยึดเป็นแนวทางไว้เจริญรอยตาม แม้ต้นฤดูกาล 2016 ผลงานในไทยลีกของ “เซราะกราว” จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ จนทำให้ผลงานช่วงต้นฤดูกาลสะดุด แต่ก็ยังรักษามาตรฐานกลับมารั้งอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังมีลุ้นแชมป์บอลถ้วย FA CUP เพื่อเป็นตัวแทนสโมสรไทยไปสร้างความยิ่งใหญ่ในเอเชียเหมือนที่เคยผ่านมาแล้ว
ก็ได้แต่หวังว่า “กองเชียร์ข้าวกล่อง” จะไม่เป็นรอยด่างที่ทำให้สโมสรฯ หมดความน่าเกรงขามลงไป เพราะ “หญิงตอด” ยังอยากให้ “GU12” เป็นมนต์เสน่ห์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทีมเหย้า - ทีมเยือน หวาดกลัวด้วยความน่าเกรงขาม และฮึกเหิม ไม่ใช่มองเป็นแค่ทีมกีฬาสี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
แฟนบอลบางทีมในไทยลีก คงจะไม่ค่อยถูกจริตกับเสียงเชียร์ฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะสไตล์การเชียร์แบบฮาร์ดคอร์ มีแต่เสียงของผู้หญิงตะโกนด่าตลอดเวลา โทรโข่งดังทะลุจอ ทำให้เสียงปลุกใจดูแปลก ๆ ไม่ธรรมชาติ ไม่น่าจะสร้างความฮึกเหิมเลย แต่บรรดา GU12 ก็ยังร้องเพลงเชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตา จนเป็นที่มาของ “กองเชียร์ข้าวกล่อง” ให้แฟนบอลทีมยักษ์ใหญ่นำไปล้อเลียนในสนาม จนเกิดการฟาดฝีปากกันในโลกออนไลน์มาแล้ว
เรื่องดังกล่าวหายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จะทำการตรวจสอบการใช้เงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มี “ซ้อต่าย” กรุณา ชิดชอบ นั่งตำแหน่งนายก อบจ. อยู่นั้น โดยมีรายงานที่เผยแพร่ในสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า มีการนำงบหลวงไปใช้สำหรับขนกองเชียร์ ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหาร และ เบี้ยเลี้ยง เข้าชมการแข่งขันของทีม บุรีรัมย์ฯ ที่เดินทางไปแข่งขันยังสนามในจังหวัดอื่น ๆ ปีละ 20 ล้านบาท ตรวจพบย้อนหลัง 3 ปี รวมประมาณ 60 ล้านบาท
ตามหลักเกณฑ์ของ สตง. เมื่อตรวจพบก็จะเรียกคืนเงินที่มีการใช้จ่ายเงินแบบไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ความวุ่นวายในเมืองปราสาทหินเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ เพราะ อบจ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่า ไม่ใช่ความผิดขององค์กร เนื่องจากมีหน้าที่เบิกงบให้หน่วยงานในจังหวัดแค่นั้น พร้อมโบ้ยให้ สมาคมกีฬาบุรีรัมย์ เป็นผู้รับผิดที่ได้นำเงินไปให้ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใช้จ้างคนไปเชียร์เอง
แต่ล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว ถึงจะเป็นที่ตื่นตูมให้หลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว ตนก็ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ว่ากันตามหลักการหากใครทำผิดต้องดำเนินการสอบสวนตามข้อเท็จจริง มีการลงโทษทั้งทางวินัย ทางอาญา หรือทางแพ่งตามกฎหมาย พร้อมเตรียมใช้มาตรา 44 หากมีคำสั่งออกมา
นอกจากนี้ ยังมีกระแสเชื่อมโยงกันว่าหัวเรือใหญ่เซราะกราว “เนวิน ชิดชอบ” มีความเกี่ยวข้องคุ้นเคยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน ที่พ่วงตำแหน่งรองหัวหน้าและประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าแม่บ้านขาโหดของ “บิ๊กเน” จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาไปแบบขาวสะอาดไร้มลทิน
เพราะหากมีการเอาผิดจริง คงจะต้องมีการลงโทษเฉกเช่นเดียวกับกรณีของ อนุสรณ์ นาคาศัย อบจ.ชัยนาท ซึ่ง สตง. สอบพบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ หมวดเงินอุดหนุนสนับสนุนสมาคมกีฬาจังหวัดชัยนาท ที่นายอนุสรณ์ เป็นนายกสมาคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของสโมสรฟุตบอลจังหวัดชัยนาท ที่มีน้องชาย “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ประธานนกใหญ่พิฆาต เป็นผู้จัดการทีม และใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมแข่งขันชกมวยสากลระดับโลก รวมจำนวนเงิน 44,800,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 10,070,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย โครงการมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพ ในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งประชาติ ปี 2554 ของ อบจ.ชัยนาท ทำให้ถูกเรียกเงินส่งคืนคลัง บจ.ชัยนาท รวมจำนวน 54,870,000 บาท พร้อมถูกสั่งพักงานตามมาตรา 44 อีกด้วย
ส่วนตัวมองว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังไปได้ไกลในระดับเอเชีย ทีมเล็กทีมน้อยยึดเป็นแนวทางไว้เจริญรอยตาม แม้ต้นฤดูกาล 2016 ผลงานในไทยลีกของ “เซราะกราว” จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีการเปลี่ยนแปลงโค้ช ผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ จนทำให้ผลงานช่วงต้นฤดูกาลสะดุด แต่ก็ยังรักษามาตรฐานกลับมารั้งอันดับ 3 ได้อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังมีลุ้นแชมป์บอลถ้วย FA CUP เพื่อเป็นตัวแทนสโมสรไทยไปสร้างความยิ่งใหญ่ในเอเชียเหมือนที่เคยผ่านมาแล้ว
ก็ได้แต่หวังว่า “กองเชียร์ข้าวกล่อง” จะไม่เป็นรอยด่างที่ทำให้สโมสรฯ หมดความน่าเกรงขามลงไป เพราะ “หญิงตอด” ยังอยากให้ “GU12” เป็นมนต์เสน่ห์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทีมเหย้า - ทีมเยือน หวาดกลัวด้วยความน่าเกรงขาม และฮึกเหิม ไม่ใช่มองเป็นแค่ทีมกีฬาสี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
