ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ในที่สุดศึก แอลพีจีเอ ทัวร์ ก็ดวลวงสวิงกันมาถึงเมเจอร์สุดท้ายของปี 2016 รายการ “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” ระหว่างวันที่ 15-18 กันยายนนี้ชิงเงินรางวัลรวม 3,250,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 113 ล้านบาท) ณ เอเวียง รีสอร์ต กอล์ฟ คลับ ระยะ 6,482 หลา พาร์ 71 ประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล สาวไทย มีลุ้นคว้าเกียรติยศเพียบ หลังจากค้นพบปีทองของตนเองกวาดมาแล้ว 5 แชมป์ ส่วนไฮไลต์อื่นๆ ก็มีที่ต้องจับตาอีกดังต่อไปนี้
ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี
ขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนี้ถึงเมเจอร์สุดท้ายของปี จากนั้นก็จะเหลืออีก 8 รายการ โดยเข้าสู่ช่วงเอเชียซีซันแล้วไปปิดท้ายกันที่ เม็กซิโก กับ ฟลอริดา สำหรับศึก “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” จะมีมือดี 22 คนจากท็อป 25 ของโลกในตาราง “โรเล็กซ์ เวิลด์ แรงกิง” ลงชิงชัย เสียดายที่ขาด ปาร์ค อินบี เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิก 2016 จากเกาหลีใต้ ที่ประกาศถอนตัว เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายที่รังควานมาตลอดทั้งปี
แชมป์เมเจอร์ที่ดีที่สุด
หลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์เมเจอร์กันมาแล้ว 4 รายการ หลังจบศึก “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” ก็จะทราบว่าใครจะได้รางวัล “โรเล็กซ์ แอนนิกา เมเจอร์ อวอร์ด” มอบให้กับนักกอล์ฟหญิงที่ทำผลงานระดับเมเจอร์ได้ดีที่สุดในแต่ละปี สำหรับแชมป์เมเจอร์จะได้สูงสุด 60 แต้ม ลดหลั่นกันไปที่ 2 ได้ 24 แต้มโดยอันดับสุดท้ายที่มีแต้มคือที่ 10 จะได้ 2 แต้ม
สถานการณ์ตอนนี้ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล สาวไทยดีกรีมือ 2 ของโลก เจ้าของแชมป์เมเจอร์ “ริโกห์ วีเมนส์ บริติช โอเพน” มี 92 แต้ม ตาม ลิเดีย โค สาวน้อยจาก นิว ซีแลนด์ มือ 1 ของโลก อยู่เพียงแค่ 10 คะแนน ส่วนที่ 3 เป็น บรู๊ก เฮนเดอร์สัน (แคนาดา) 62 แต้มและ บริททานีย์ แลง (สหรัฐอเมริกา) 60 แต้ม
ลิเดีย โค คว้าแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตก็คือ “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” เมื่อปี 2015 ก่อนจะคว้าเมเจอร์ที่ 2 ของตนเองเมื่อต้นปี 2016 จาก “เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน” ดังนั้นที่ฝรั่งเศสจะลงเล่นในฐานะแชมป์เก่า โดยปีนี้ทั้ง 4 คนคว้าแชมป์เมเจอร์คนละรายการ แต่สาวน้อยวัย 19 ปีจาก นิว ซีแลนด์ นำอยู่ เพราะผลงานคงเส้นคงวาที่สุดคือจบท็อปทรีถึง 3 จาก 4 อีเวนต์ ด้าน เอรียา นั้นก็ไม่ธรรมดาปีนี้ผลงานระดับเมเจอร์จบท็อป 4 ถึง 3 จาก 4 อีเวนต์
ต่อยอดจากโอลิมปิก
โปรหญิง 34 รายที่ลงสนามในสัปดาห์นี้ล้วนเพิ่งเป็นตัวแทนประเทศลุยศึก โอลิมปิก ริโอ เกมส์ ที่บราซิล เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวถึงความประทับใจที่ได้ร่วมมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติรวมถึงได้รับประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งรอบ 112 ปีที่กอล์ฟกลับมาบรรจุแข่งนับรวมทั้งชายและหญิง
คาโรไลน์ แมสสัน ที่เพิ่งลงเล่นโดยมีธงเยอรมนีติดที่หน้าอก กลับมายังเวที แอลพีจีเอ ทัวร์ ก็สามารถปลดล็อคได้แชมป์แรกที่รอมาจนถึงอายุ 27 ปีจากรายการล่าสุด “มานูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก” ส่วนคนอื่นๆ ก็มี ลิเดีย โค เหรียญเงินจาก นิว ซีแลนด์ และ ซานซาน เฟิง เหรียญทองแดงจากจีน ตามด้วย ชุน อิน จี (เกาหลีใต้) เอเลนา ชาร์ป (แคนาดา) และ สเตซีย์ ลูอิส (สหรัฐอเมริกา)
รวมยอดฝีมือแชมป์เมเจอร์
26 คนล้วนเคยได้แชมป์เมเจอร์มาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ซูซานน์ เพ็ตเตอร์สัน (นอร์เวย์) กับ ฮโย จู คิม (เกาหลีใต้) แชมป์ “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” เมื่อปี 2013 กับ 2014 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีคุณป้าลอรา เดวีส์ วัย 52 ปีจากอังกฤษ ดีกรี 4 แชมป์เมเจอร์ รวมถึง แคร์รี เว็บบ์ จอมเก๋าจากออสเตรเลีย 7 แชมป์ระดับเมเจอร์ โดยปีนี้ เว็บบ์ เป็นคนเดียวที่มีลุ้นทำสถิติเป็นแชมป์ 6 เมเจอร์ที่แตกต่างกัน ก่อนหน้านี้ได้จาก เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน, วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปียนชิป, ยูเอส วีเมนส์ โอเพน, เดอ เมอริเออร์ คลาสสิก และ วีเมนส์ บริติช โอเพน
สปิริตจากแชมป์
มีผู้เล่น 13 รายที่คว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ ฤดูกาลนี้ลงล่าแชมป์ “ดิ เอเวียง แชมเปียนชิป” รวมคนที่ปลดล็อคได้แชมป์แรกในปีนี้อย่าง เจนนี ชิน (เกาหลีใต้) ได้จากรายการ “โวลันเทียร์ส ออฟ อเมริกา เท็กซัส ชูตเอาต์” ตามด้วย ฮารุ โนมูระ (ญี่ปุ่น) จากแชมป์ “ไอเอสพีเอส ฮานดะ วีเมนส์ ออสเตรเลียน โอเพน” ก่อนจะมาได้รายการที่ 2 คือ “สวิงกิง สเกิร์ตส์ แอลพีจีเอ คลาสสิก” นอกจากนี้ยังมี เล็กซี ธอมป์สัน (สหรัฐอเมริกา) แชมป์ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” และ แอนนา นอร์ดควิสต์ (สวีเดน) ที่ป้องกันแชมป์ “ช็อปไรต์ แอลพีจีเอ คลาสสิก” ได้สำเร็จ
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล