คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จบสิ้นกันไปแล้วสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ อย่าง “ริโอเกมส์ 2016” ซึ่งพิธีปิดที่ยิ่งใหญ่อลังการของเจ้าภาพบราซิล กลายเป็นเพียงน้ำจิ้ม เมื่อเจอช็อตขโมยซีนของเจ้าภาพครั้งต่อไป จากการขนเหล่าบรรดาตัวการ์ตูนอันโด่งดังไปทั่วโลกจากญี่ปุ่น ทั้ง โดราเอมอน, คิตตี้, กัปตันซึบาสะ ปิดท้ายด้วย การเป็น มาริโอ หนวดงามของ ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีแดนอาทิตย์อุทัย เป็นการปิดท้าย กลายเป็นประเด็นให้ถูกจับมากล่าวขานยาวนานอีกหลายเพลา
ซึ่งเมืองฟ้าอมรสยามประเทศ ก็พูดถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรามักถูกปลูกฝังว่าเรื่องของการ์ตูนเอย เกมกดเอย ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ หาแก่นสารอะไรมายึดเหนี่ยวไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นสิ่งสำคัญดึงดูดให้ถูกนำไปใช้ในพิธีส่งมอบเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 อย่างที่คนทั้งโลกไม่อาจแกล้งลืมเลือนได้เลย จึงเกิดประเด็นขึ้นว่า “หากโอลิมปิกจัดที่ประเทศไทย” ผลจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะพิธีเปิด - ปิด ชาวโลกออนไลน์เขาก็เล่นใหญ่เลย เรื่องการเสียดสี ประชดประชัน โดยเฉพาะโลกแห่งทวิตเตอร์ที่โพสต์กันสนุกมือ ไม่ว่าจะต้องมี รำสี่ภาค ออกมาอวดสายตาชาวโลก หรือการนำผีคุณอุบล จากละครดังมารำโชว์ให้โลกประจักษ์
นอกจากวัฒนธรรมเก่าอันเป็นรากแห่งนาฏศิลป์ทั้งหลาย ยังลามไปถึงเรื่องอาจได้เห็นขบวนรบช้าง - ม้าโบราณ ไปถึงการนำรถตุ๊กตุ๊ก หรือสามล้อเครื่อง อันเป็นที่ชื่นชอบของฝรั่งต่างประเทศมาวิ่งโบกธงไสวไปรอบสนาม คิดแล้วก็รู้สึกบันเทิงดี อย่าไปคิดมากว่าลบหลู่วัฒนธรรมอะไรเลย คิดไปก็ปวดหัวไม่ได้อะไรขึ้นมา
แต่สิ่งที่ต้องกลับมาคิด คือ หากว่าเราเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจริง ๆ จะมีความเป็นไปได้ไหม เพราะตั้งแต่มหกรรมกีฬานี้เกิดขึ้นเป็นร้อยปี บ้านเราที่จัดมหกรรมกีฬาต่าง ๆ มาแทบทุกชนิดก็ยังไม่เคยได้เป็นเจ้าภาพเลย ตอบเลยว่ายากมาก ว่ากันว่า ญี่ปุ่น อาจต้องลงทุนในภาคการก่อสร้างให้มีสนามแข่งขัน รวมถึงปรับปรุงสนามเดิมให้กลับมาทันสมัยสมใจเจ้าภาพกันทั้งหมด 37 สนาม เงินลงทุนไม่ต้องพูดถึง คาดว่า “โตเกียวเกมส์” ครั้งนี้ มีเงินทุ่มถึงหลัก 6 พันล้านดอลลาร์ (เงินไทยน่าจะราว ๆกว่า 2 แสนล้านบาท)
เห็นตัวเลขแล้วจะเป็นลม มองดูแล้วเราคงสู้ไม่ไหวแน่ แต่ก็มีอีกแนวทางหนึ่ง ที่เมื่อหลายปีก่อนคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ก็เคยยอมรับว่า มีความคิดจะนำสมาชิกอาเซียนมาระดมกันเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันรายการ โอลิมปิก เหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนว่า ไม่ง่ายที่จะรวมตัว รวมเงินกันขนาดนี้ ที่สำคัญย้อนหลังไปดูเจ้าภาพโอลิมปิก แต่ละครั้งที่ผ่านมา อย่าง ออสเตรเลีย จัดโอลิมปิก 2000 ผลาญเงินไป 6.6 พันล้านดอลลาร์ เกินกว่าที่ตั้งไว้ร้อยละ 108 หลังจากนั้น สนามแข่งขันหลายแห่ง แม้พยายามจะนำมาปรับใช้เป็นสวนสาธารณะ หรืออื่น ๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ได้เงินคืนกลับมา
มีอีกแนวความคิดว่าหากลองหันกลับไปเน้นจัดโอลิมปิก แบบไม่ต้องเน้นทุ่มทุนสร้างสูง ๆ ตัดกีฬาหลาย ๆ ชนิด อาทิ ฟุตบอล ที่มีทั้งฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ออกไปบ้าง เพื่อเจ้าภาพจะได้ไม่ต้องแบกภาระมากนัก ก็น่าจะดี แต่จะเป็นไปได้หรือในเมื่อแต่ละชาติที่อยากจัดเขาทุ่มเทกันหมดหน้าตัก ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งกันทั้งนั้น ประเทศเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างไทยแลนด์แดนสไมล์ ก็นั่งหาทางพัฒนานักกีฬาขึ้นไปเทียบเคียงกับระดับโลกให้ได้จะเป็นประโยชน์กว่าเยอะ
ปล. ทุกวันนี้ผมยังติดตากับภาพสนาม อบต. ที่นำงบเฉียด 13 ล้านบาท ส่งมอบกันไป 2 เดือน แต่พื้นผิวทรุดโทรม แถมหญ้ารกจนแทบจะเป็นป่าดงดิบอยู่เลย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
จบสิ้นกันไปแล้วสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ อย่าง “ริโอเกมส์ 2016” ซึ่งพิธีปิดที่ยิ่งใหญ่อลังการของเจ้าภาพบราซิล กลายเป็นเพียงน้ำจิ้ม เมื่อเจอช็อตขโมยซีนของเจ้าภาพครั้งต่อไป จากการขนเหล่าบรรดาตัวการ์ตูนอันโด่งดังไปทั่วโลกจากญี่ปุ่น ทั้ง โดราเอมอน, คิตตี้, กัปตันซึบาสะ ปิดท้ายด้วย การเป็น มาริโอ หนวดงามของ ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีแดนอาทิตย์อุทัย เป็นการปิดท้าย กลายเป็นประเด็นให้ถูกจับมากล่าวขานยาวนานอีกหลายเพลา
ซึ่งเมืองฟ้าอมรสยามประเทศ ก็พูดถึงประเด็นนี้เช่นกันว่า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรามักถูกปลูกฝังว่าเรื่องของการ์ตูนเอย เกมกดเอย ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ หาแก่นสารอะไรมายึดเหนี่ยวไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นสิ่งสำคัญดึงดูดให้ถูกนำไปใช้ในพิธีส่งมอบเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 อย่างที่คนทั้งโลกไม่อาจแกล้งลืมเลือนได้เลย จึงเกิดประเด็นขึ้นว่า “หากโอลิมปิกจัดที่ประเทศไทย” ผลจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะพิธีเปิด - ปิด ชาวโลกออนไลน์เขาก็เล่นใหญ่เลย เรื่องการเสียดสี ประชดประชัน โดยเฉพาะโลกแห่งทวิตเตอร์ที่โพสต์กันสนุกมือ ไม่ว่าจะต้องมี รำสี่ภาค ออกมาอวดสายตาชาวโลก หรือการนำผีคุณอุบล จากละครดังมารำโชว์ให้โลกประจักษ์
นอกจากวัฒนธรรมเก่าอันเป็นรากแห่งนาฏศิลป์ทั้งหลาย ยังลามไปถึงเรื่องอาจได้เห็นขบวนรบช้าง - ม้าโบราณ ไปถึงการนำรถตุ๊กตุ๊ก หรือสามล้อเครื่อง อันเป็นที่ชื่นชอบของฝรั่งต่างประเทศมาวิ่งโบกธงไสวไปรอบสนาม คิดแล้วก็รู้สึกบันเทิงดี อย่าไปคิดมากว่าลบหลู่วัฒนธรรมอะไรเลย คิดไปก็ปวดหัวไม่ได้อะไรขึ้นมา
แต่สิ่งที่ต้องกลับมาคิด คือ หากว่าเราเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจริง ๆ จะมีความเป็นไปได้ไหม เพราะตั้งแต่มหกรรมกีฬานี้เกิดขึ้นเป็นร้อยปี บ้านเราที่จัดมหกรรมกีฬาต่าง ๆ มาแทบทุกชนิดก็ยังไม่เคยได้เป็นเจ้าภาพเลย ตอบเลยว่ายากมาก ว่ากันว่า ญี่ปุ่น อาจต้องลงทุนในภาคการก่อสร้างให้มีสนามแข่งขัน รวมถึงปรับปรุงสนามเดิมให้กลับมาทันสมัยสมใจเจ้าภาพกันทั้งหมด 37 สนาม เงินลงทุนไม่ต้องพูดถึง คาดว่า “โตเกียวเกมส์” ครั้งนี้ มีเงินทุ่มถึงหลัก 6 พันล้านดอลลาร์ (เงินไทยน่าจะราว ๆกว่า 2 แสนล้านบาท)
เห็นตัวเลขแล้วจะเป็นลม มองดูแล้วเราคงสู้ไม่ไหวแน่ แต่ก็มีอีกแนวทางหนึ่ง ที่เมื่อหลายปีก่อนคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ก็เคยยอมรับว่า มีความคิดจะนำสมาชิกอาเซียนมาระดมกันเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันรายการ โอลิมปิก เหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนว่า ไม่ง่ายที่จะรวมตัว รวมเงินกันขนาดนี้ ที่สำคัญย้อนหลังไปดูเจ้าภาพโอลิมปิก แต่ละครั้งที่ผ่านมา อย่าง ออสเตรเลีย จัดโอลิมปิก 2000 ผลาญเงินไป 6.6 พันล้านดอลลาร์ เกินกว่าที่ตั้งไว้ร้อยละ 108 หลังจากนั้น สนามแข่งขันหลายแห่ง แม้พยายามจะนำมาปรับใช้เป็นสวนสาธารณะ หรืออื่น ๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ได้เงินคืนกลับมา
มีอีกแนวความคิดว่าหากลองหันกลับไปเน้นจัดโอลิมปิก แบบไม่ต้องเน้นทุ่มทุนสร้างสูง ๆ ตัดกีฬาหลาย ๆ ชนิด อาทิ ฟุตบอล ที่มีทั้งฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ออกไปบ้าง เพื่อเจ้าภาพจะได้ไม่ต้องแบกภาระมากนัก ก็น่าจะดี แต่จะเป็นไปได้หรือในเมื่อแต่ละชาติที่อยากจัดเขาทุ่มเทกันหมดหน้าตัก ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งกันทั้งนั้น ประเทศเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างไทยแลนด์แดนสไมล์ ก็นั่งหาทางพัฒนานักกีฬาขึ้นไปเทียบเคียงกับระดับโลกให้ได้จะเป็นประโยชน์กว่าเยอะ
ปล. ทุกวันนี้ผมยังติดตากับภาพสนาม อบต. ที่นำงบเฉียด 13 ล้านบาท ส่งมอบกันไป 2 เดือน แต่พื้นผิวทรุดโทรม แถมหญ้ารกจนแทบจะเป็นป่าดงดิบอยู่เลย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *