ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ภาค 8 เผยผลปฏิบัติการจับกุมกลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งกลุ่มแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รวมตัวปิดถนนในพื้นที่ป่าตองแล้วกว่า 60 คน ขณะที่อดีตนายกเล็กเมืองป่าตอง และลูกชายยังไร้วี่แวว
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภะรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ทหารบก ทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร และตำรวจต่างหน่วยที่มาร่วมปฏิบัติ
ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลกระทำผิดกฎหมาย และกลุ่มแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊กที่กระทำผิดกฎหมาย โดยการชุมนุมปิดถนนในพื้นที่หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต หลังมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตเข้าปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 82 หมาย แยกเป็น 2 กลุ่มดังนี้ 1.กลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล จำนวน 28 หมาย ผู้ต้องหา 27 คน (มีหมายจับซ้ำ 2 หมาย จำนวน 1 คน) 2.กลุ่มแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊กที่ชุมนุมปิดถนน จำนวน 55 หมาย ผู้ต้องหา 55 คน
สำหรับผลการดำเนินการปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา และมีผู้ต้องหาเดินทางมารมอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง จนถึงขณะนี้จับได้แล้วกว่า คน จำนวน 73 หมายจับ ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่จะต้องติดตามจับกุมมาดำเนินคดี จำนวน 13 หมาย ผู้ต้องหา 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับฐานอั้งยี่ ซึ่งในจำนวนนั้นมีอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตอง และลูกชายรวมอยู่ด้วย ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาคดีปิดถนน และยึดที่หน้าโรงแรม
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า ตำรวจภูธรภาค 8 ขอเน้นย้ำต่อผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างทุกประเภท โดยเฉพาะแท็กซี่ และรถตุ๊กตุ๊กที่รวมกลุ่มกันแล้วกระทำตนเป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่ ข่มเหง รังแก ทำร้ายร่างกาย เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นโดยวิธีการต่างๆ ขอให้ยุติพฤติการณ์ดังกล่าวให้หมดสิ้น หากพบว่าผู้ใดยังคงกระทำการละเมิดผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ให้การสนับสนุน ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการก็จะดำเนินการโดยเฉียบขาด ไม่มีการละเว้น
เพราะฉะนั้นขอให้ประกอบอาชีพโดยสุจริต ทุกฝ่ายก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข มีเกียรติ และศักดิ์ศรีตามสถานภาพของตน มีความเจริญก้าวหน้า บ้านเมืองมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ และขอเรียนย้ำต่อพี่น้องประชาชนทั่วไปขอให้มีความมั่นใจได้ว่าตำรวจภูธรภาค 8 จะพยายามคุ้มครอง ดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยวอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สะดวกปลอดภัยอย่างยั่งยืนสืบไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (28 ส.ค.) ในส่วนของกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดยศูนย์ปราบปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยกองกำลังทหารเรือทัพเรือภาค 3 เข้าตรวจค้นบ้านพักอาศัยของกลุ่มบุคคลที่ได้รับการร้องเรียนว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต 3 ราย โดยจุดแรก ไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 218 ม.3 ต.กะรน ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 248/2557 ลงวันที่ 27 ส.ค.57 และใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จากการเข้าตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
จุดที่ 2 เข้าตรวจต้นที่บ้านเลขที่ 3/6 ซ.ปฏัก 12 ถนนปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 247/2557 ลงวันที่ 27 ส.ค.2557 แต่ปรากฏว่า บ้านที่เข้าตรวจค้นเป็นบ้านเลขที่ 1/15 หมู่ 3 ต.กะรน ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 เข้าทำการตรวจค้น พบอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 7 นัด อาวุธปืนลูกซองขนาด 12 มีทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ตรวจยึดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินการต่อไป
จุดที่ 3 กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 65/6 ซ.ท่าจีน ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 249 /2557 ลงวันที่ 27 ส.ค. และใช้อำนาจกฎอัยการศึก จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ 9 มม.จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน อาวุธปืนลูกซองยาวกึ่งอัตโนมัติ จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน นอกจากนั้น ยังมีกระสุนปืน 36 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภะรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ทหารบก ทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร และตำรวจต่างหน่วยที่มาร่วมปฏิบัติ
ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลกระทำผิดกฎหมาย และกลุ่มแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊กที่กระทำผิดกฎหมาย โดยการชุมนุมปิดถนนในพื้นที่หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต หลังมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่นำหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตเข้าปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 82 หมาย แยกเป็น 2 กลุ่มดังนี้ 1.กลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล จำนวน 28 หมาย ผู้ต้องหา 27 คน (มีหมายจับซ้ำ 2 หมาย จำนวน 1 คน) 2.กลุ่มแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊กที่ชุมนุมปิดถนน จำนวน 55 หมาย ผู้ต้องหา 55 คน
สำหรับผลการดำเนินการปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา และมีผู้ต้องหาเดินทางมารมอบตัวต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง จนถึงขณะนี้จับได้แล้วกว่า คน จำนวน 73 หมายจับ ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่จะต้องติดตามจับกุมมาดำเนินคดี จำนวน 13 หมาย ผู้ต้องหา 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับฐานอั้งยี่ ซึ่งในจำนวนนั้นมีอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตอง และลูกชายรวมอยู่ด้วย ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องหาคดีปิดถนน และยึดที่หน้าโรงแรม
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า ตำรวจภูธรภาค 8 ขอเน้นย้ำต่อผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างทุกประเภท โดยเฉพาะแท็กซี่ และรถตุ๊กตุ๊กที่รวมกลุ่มกันแล้วกระทำตนเป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่ ข่มเหง รังแก ทำร้ายร่างกาย เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นโดยวิธีการต่างๆ ขอให้ยุติพฤติการณ์ดังกล่าวให้หมดสิ้น หากพบว่าผู้ใดยังคงกระทำการละเมิดผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ให้การสนับสนุน ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการก็จะดำเนินการโดยเฉียบขาด ไม่มีการละเว้น
เพราะฉะนั้นขอให้ประกอบอาชีพโดยสุจริต ทุกฝ่ายก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข มีเกียรติ และศักดิ์ศรีตามสถานภาพของตน มีความเจริญก้าวหน้า บ้านเมืองมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ และขอเรียนย้ำต่อพี่น้องประชาชนทั่วไปขอให้มีความมั่นใจได้ว่าตำรวจภูธรภาค 8 จะพยายามคุ้มครอง ดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยวอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สะดวกปลอดภัยอย่างยั่งยืนสืบไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (28 ส.ค.) ในส่วนของกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดยศูนย์ปราบปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยกองกำลังทหารเรือทัพเรือภาค 3 เข้าตรวจค้นบ้านพักอาศัยของกลุ่มบุคคลที่ได้รับการร้องเรียนว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต 3 ราย โดยจุดแรก ไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 218 ม.3 ต.กะรน ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 248/2557 ลงวันที่ 27 ส.ค.57 และใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จากการเข้าตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
จุดที่ 2 เข้าตรวจต้นที่บ้านเลขที่ 3/6 ซ.ปฏัก 12 ถนนปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 247/2557 ลงวันที่ 27 ส.ค.2557 แต่ปรากฏว่า บ้านที่เข้าตรวจค้นเป็นบ้านเลขที่ 1/15 หมู่ 3 ต.กะรน ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 เข้าทำการตรวจค้น พบอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. มีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 7 นัด อาวุธปืนลูกซองขนาด 12 มีทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ตรวจยึดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินการต่อไป
จุดที่ 3 กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 65/6 ซ.ท่าจีน ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 249 /2557 ลงวันที่ 27 ส.ค. และใช้อำนาจกฎอัยการศึก จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ 9 มม.จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน อาวุธปืนลูกซองยาวกึ่งอัตโนมัติ จำนวน 1 กระบอก มีทะเบียนอาวุธปืน นอกจากนั้น ยังมีกระสุนปืน 36 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป