ตร.ฟันแล้วชุมนุมปิดถนนในภูเก็ตออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดี

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ฟันแล้วปิดถนน 3 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับหลายราย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ย้ำจัดการเด็ดขาดสร้างความเดือดร้อนรำคาญ และทำลายความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แถลงผลการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหากรณีชุมนุมปิดถนนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในห้วงที่ผ่านมา มีการชุมนุมปิดถนนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเกิดขึ้น 3 ครั้ง ซึ่งประกอบด้วย เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 00.30 น. ได้มีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่งชุมนุมปิดถนนหลายจุดในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องหา กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจล่อจับกุมรถรับจ้างแท็กซี่ และตุ๊กตุ๊กในพื้นที่ป่าตอง ซึ่งกระทำผิดในเรื่องเสรีภาพต่อผู้อื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจากับทางผู้ชุมนุมจนยอมเปิดถนนในวันเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในการชุมนุมปิดถนนดังกล่าวในข้อหาร่วมกันทำการปิดกั้นทางหลวง หรือวางวัตถุที่แหลม หรือมีคม หรือนำสิ่งใดมาขวาง หรือวางบนทางหลวง หรือกระทำการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจจะเกิดอันตราย หรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล ร่วมกันวางตั้ง หรือแขวนสิ่งใดหรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มั่วสุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยกระทำการเป็นหัวหน้า หรือสั่งการไว้แล้วนั้น โดยขณะนี้มีการขอออกหมายจับผู้กระทำความผิดในกรณีปิดถนนที่ป่าตองไปแล้ว จำนวน 10 ราย และวันนี้ มีนายจักรพงษ์ ลิ่มสกุล อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กระทำความผิดได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กะทู้ พนักงานจึงได้แจ้งขอกล่าวหาให้รับทราบ และนำตัวมาสอบสวนขยายผล

ขณะที่กรณีการปิดถนนบริเวณสามแยกบ้านหมากปรก หมู่ที่1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง เมื่อวันที่ 23.00 น. เวลา 15.00 น. เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย ไปขอโทษกรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาผิดตัวในคดีชิงทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะโทรมหญิง โดยใช้เวลาปิดถนนประมาณ 8 ชั่วโมง ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในการชุมนุมปิดถนนดังกล่าว จำนวน 10 ราย ในข้อหา ร่วมกันปิดกั้นทางหลวง หรือวางวัตถุที่แหลม หรือมีคม หรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทางหลวง หรือกระทำการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจจะเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล ร่วมกันวางตั้ง หรือแขวนสิ่งใดหรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มั่วสุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยกระทำการเป็นหัวหน้า หรือสั่งการไว้แล้วนั้น ล่าสุดวันนี้ (5 มิ.ย.) เวลาประมาณ 15.00 น. นายสมศักดิ์ ผะสารพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ออกหมายจับ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ และดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลังฐานต่อไป

กรณีการปิดถนนเมื่อวันที่ 27 เม.ย. เวลาประมาณ 11.30 น. ได้มีกลุ่มมวลชนปิดถนนบริเวณทางโค้งหน้าวังถลาง ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก หมู่ที่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มาพบเพื่อเร่งรัดให้แก้ปัญหาด้านการจราจรกรณีทางโค้งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดอันตรายเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ซึ่งในขณะนั้นทางผู้ว่าราชการ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงสามารถเปิดถนนได้ในเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในการชุมนุมปิดถนน ข้อหา ร่วมกันปิดกั้นทางหลวง หรือวางวัตถุที่แหลม หรือมีคม หรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทางหลวง หรือกระทำการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจจะเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล ร่วมกันวางตั้ง หรือแขวนสิ่งใดหรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยกระทำการเป็นหัวหน้า หรือสั่งการไว้แล้วนั้น ล่าสุด วันนี้ (5 มิ.ย.) เวลาประมาณ 14.30 น. นายศิริชัย แสงปรีชากุล อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กระทำผิดที่ถูกออกหมายจับได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาให้ทราบ และนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม

พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องของการปิดถนนถือว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติต่างก็กังวลต่อกรณีการปิดถนน เพราะกลัวว่าถ้ามีการปิดถนนไม่สามารถที่จะเดินทางไปไหนได้ โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายศิริชัย แสงปรีชากุล อายุ 42 ปี กล่าวว่า การปิดถนนในพื้นที่วิชิตเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานราชการเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องถนน เนื่องจากจุดดังกล่าวมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายราย ซึ่งการกระทำในวันนั้นก็เพื่อต้องการให้มีการแก้ไขปัญหา ไม่คิดว่าจะมีผลตามมาแบบนี้ ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ และคงจะไม่ทำอีก

เช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ ผะสารพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งถูกออกหมายจับในข้อหาปิดถนนที่บริเวณสามแยกบ้านหมากปรก กล่าวว่า วันนั้นขับรถกลับจากไปส่งแขกที่โรงแรมในพื้นที่ไม้ขาว และขณะที่กำลังขับรถจะกลับบ้านพักรถตนเป็นรถคันแรกที่ขับออกมาก็เรียกให้จอดซึ่งจอดขวางถนนพอดี โดยตนไม่รู้ว่าเค้าปิดถนนกันทำไม แต่หลังจากนั้นตนก็ได้เลื่อนรถออกไปจอดข้างทาง แต่ตนเองก็ไปร่วมดูเหตุการณ์ด้วยเพราะเห็นคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่มาร่วมกัน