คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังติดตามชม ริโอ 2016 มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอยู่นั้น เราได้สูญเสียบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลกคือ ชูเอา อาเวลั้นช์ (Joao Havelange) อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ชาวบราซิว ที่ครองตำแหน่งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 1974 ยัน 1998 โดยเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ชูเอา เกิดในปี 1916 หลังจากที่พ่อของเขาย้ายจาก เบลเจี้ยม มาอยู่ที่ บราซิว ได้ 3 ปี ในวัยหนุ่มตอนอายุได้ 20 ปี เขายังเป็นนักว่ายน้ำอยู่เลย ได้ร่วมแข่ง โอลิมปิค เกมส์ ในปี 1936 แถมตอนอายุ 36 ปี ก็ร่วมทีมโปโลน้ำไปแข่ง โอลิมปิค เกมส์ 1952 กีฬาคงเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีสุขภาพแข็งแรงมากจนมีอายุยืนยาวถึง 1 ศตวรรษ
หลังจากได้ปริญญาเอกทางด้านกฎหมายก็เริ่มงานบริหารธุรกิจ รวมทั้ง บริหารด้านกีฬามามากมาย รวมทั้ง เป็นสมาชิกในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งบราซิวด้วย เขาเข้าชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าในปี 1974 กับ เซ่อร์ สแตนลี่ย์ เร้าส์ (Sir Stanley Rous) ประธานฟีฟ่าที่ครองตำแหน่งชาวอังกฤษ โดยหอบหิ้ว เปเล่ ที่เพิ่งนำทีมชาติบราซิวคว้าแช้มพ์ฟุตบอลโลก 3 สมัยไปด้วย พร้อมกับนโยบายนำฟุตบอลกระจายไปทั่วโลก พัฒนาฟุตบอลในชาติต่างๆ รวมทั้ง ฟุตบอลเยาวชนโลกที่เปิดโอกาสให้ชาติใดๆก็สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันได้
เมื่อได้เป็นประธานสมใจ ตอนนั้น ฟีฟ่า ไม่มีเงินเลย แต่ด้วยประสบการณ์ทางธุรกิจ ชูเอา จึงดึง อาดีด๊าส และ โคคา-โคล่า มาเป็นผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี ฟีฟ่า มีเงินทองเหลือเฟือ เป็นการพลิกโฉมขององค์กรกีฬาครั้งใหญ่ ทำให้องค์กรกีฬาอื่นๆอีกหลายแห่งต้องหันมาจับตามองและพยายามเลียนแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ชูเอา เริ่มนำลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทางโทรทัศน์เป็นสินค้าออกขายไปทั่วโลก ทำเงินให้ ฟีฟ่า อย่างมหาศาลถล่มทลายทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ ชูเอา ดำรงตำแหน่งนั้น มันก็มีเรื่องฉาวเกี่ยวกับการรับสินบนอยู่มาก โดยเฉพาะกับ ISL (International Sport and Leisure) บริษัทที่ก่อตั้งโดยลูกชายของเจ้าของ อาดีด๊าส นั่นเอง ที่ได้สิทธิ์เข้ามาดูแลการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 1982 และเจ๊งไปในปี 2001 โดยตัวเลขที่ทาง ISL จ่ายใต้โต๊ะให้กับบุคคลต่างๆของ ฟีฟ่า นั้นคือ 105 ล้าน ยูโร ซึ่งเรื่องมาจบตรงที่ผู้ถูกกล่าวหายอมจ่ายเงินชดใช้เป็นจำนวน 5.5 ล้าน สวิส ฟร็องก์
ในระยะเวลา 24 ปีที่ ชูเอา เป็น ประธานฟีฟ่า นั้น ผลงานที่เขาได้สร้างไว้ยังมีอีกมากเหลือล้น นั่นคือ สร้างสำนักงานของ ฟีฟ่า ให้เป็นฐานใหญ่อย่างมั่นคงที่ เมืองซูริค ให้สมกับที่เป็นองค์กรที่ช่วยสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมฟุตบอล รวมทั่วโลก ไม่น้อยกว่า 2.5 แสนล้าน ยูเอ๊ส ดอลเล่อร์ส ต่อปี จากที่ก่อนหน้านั้นเคยใช้เพียงบ้านคนธรรมดาเป็นสำนักงาน
เขาเป็นผู้เพิ่มจำนวนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย จาก 16 ทีม จนล่าสุดกลายเป็น 32 ทีม ก่อกำเนิดฟุตบอลหญิงชิงแช้มพ์โลก นำฟุตบอลหญิงเข้าสู่ โอลิมปิค เกมส์ ถึงกระนั้น เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ ชูเอา มีอายุครบ 100 ปีพอดี แต่ ฟีฟ่า ก็ตัดสินใจไม่จัดงานเฉลิมฉลองให้ อันนี้อาจเพราะ ชูเอา อาเวลั้นช์ เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องทุจริต ซึ่งผู้คนยังประณามว่า เขาเป็นผู้สร้างทายาททุจริตในองค์กรอีกหลายคน เช่น เซ้พ บลัทเท่อร์ และ มีเชล ปลาตีนี
ถึงกระนั้น เราก็ต้องยอมรับนะครับว่า เขาเป็นบุคคลที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ทีเดียวที่เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดในองค์กรที่มีสินทรัพย์มหาศาลขนาดร่วม 1340 ล้าน ยูเอ๊ส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 46,900 ล้าน บาท และที่สำคัญ เขาเป็นผู้ที่ทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเหนือกว่ากีฬาอื่นใด หรือแม้จะเปรียบกับวงการอื่นใด ฟีฟ่า ก็ยังมีชาติสมาชิกจากทั่วโลกรวม 211 ชาติ มากกว่า องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) เสียอีก
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังติดตามชม ริโอ 2016 มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอยู่นั้น เราได้สูญเสียบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของโลกคือ ชูเอา อาเวลั้นช์ (Joao Havelange) อดีตประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ชาวบราซิว ที่ครองตำแหน่งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 1974 ยัน 1998 โดยเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ชูเอา เกิดในปี 1916 หลังจากที่พ่อของเขาย้ายจาก เบลเจี้ยม มาอยู่ที่ บราซิว ได้ 3 ปี ในวัยหนุ่มตอนอายุได้ 20 ปี เขายังเป็นนักว่ายน้ำอยู่เลย ได้ร่วมแข่ง โอลิมปิค เกมส์ ในปี 1936 แถมตอนอายุ 36 ปี ก็ร่วมทีมโปโลน้ำไปแข่ง โอลิมปิค เกมส์ 1952 กีฬาคงเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีสุขภาพแข็งแรงมากจนมีอายุยืนยาวถึง 1 ศตวรรษ
หลังจากได้ปริญญาเอกทางด้านกฎหมายก็เริ่มงานบริหารธุรกิจ รวมทั้ง บริหารด้านกีฬามามากมาย รวมทั้ง เป็นสมาชิกในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งบราซิวด้วย เขาเข้าชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่าในปี 1974 กับ เซ่อร์ สแตนลี่ย์ เร้าส์ (Sir Stanley Rous) ประธานฟีฟ่าที่ครองตำแหน่งชาวอังกฤษ โดยหอบหิ้ว เปเล่ ที่เพิ่งนำทีมชาติบราซิวคว้าแช้มพ์ฟุตบอลโลก 3 สมัยไปด้วย พร้อมกับนโยบายนำฟุตบอลกระจายไปทั่วโลก พัฒนาฟุตบอลในชาติต่างๆ รวมทั้ง ฟุตบอลเยาวชนโลกที่เปิดโอกาสให้ชาติใดๆก็สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันได้
เมื่อได้เป็นประธานสมใจ ตอนนั้น ฟีฟ่า ไม่มีเงินเลย แต่ด้วยประสบการณ์ทางธุรกิจ ชูเอา จึงดึง อาดีด๊าส และ โคคา-โคล่า มาเป็นผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี ฟีฟ่า มีเงินทองเหลือเฟือ เป็นการพลิกโฉมขององค์กรกีฬาครั้งใหญ่ ทำให้องค์กรกีฬาอื่นๆอีกหลายแห่งต้องหันมาจับตามองและพยายามเลียนแบบ ยิ่งไปกว่านั้น ชูเอา เริ่มนำลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทางโทรทัศน์เป็นสินค้าออกขายไปทั่วโลก ทำเงินให้ ฟีฟ่า อย่างมหาศาลถล่มทลายทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ ชูเอา ดำรงตำแหน่งนั้น มันก็มีเรื่องฉาวเกี่ยวกับการรับสินบนอยู่มาก โดยเฉพาะกับ ISL (International Sport and Leisure) บริษัทที่ก่อตั้งโดยลูกชายของเจ้าของ อาดีด๊าส นั่นเอง ที่ได้สิทธิ์เข้ามาดูแลการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 1982 และเจ๊งไปในปี 2001 โดยตัวเลขที่ทาง ISL จ่ายใต้โต๊ะให้กับบุคคลต่างๆของ ฟีฟ่า นั้นคือ 105 ล้าน ยูโร ซึ่งเรื่องมาจบตรงที่ผู้ถูกกล่าวหายอมจ่ายเงินชดใช้เป็นจำนวน 5.5 ล้าน สวิส ฟร็องก์
ในระยะเวลา 24 ปีที่ ชูเอา เป็น ประธานฟีฟ่า นั้น ผลงานที่เขาได้สร้างไว้ยังมีอีกมากเหลือล้น นั่นคือ สร้างสำนักงานของ ฟีฟ่า ให้เป็นฐานใหญ่อย่างมั่นคงที่ เมืองซูริค ให้สมกับที่เป็นองค์กรที่ช่วยสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมฟุตบอล รวมทั่วโลก ไม่น้อยกว่า 2.5 แสนล้าน ยูเอ๊ส ดอลเล่อร์ส ต่อปี จากที่ก่อนหน้านั้นเคยใช้เพียงบ้านคนธรรมดาเป็นสำนักงาน
เขาเป็นผู้เพิ่มจำนวนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย จาก 16 ทีม จนล่าสุดกลายเป็น 32 ทีม ก่อกำเนิดฟุตบอลหญิงชิงแช้มพ์โลก นำฟุตบอลหญิงเข้าสู่ โอลิมปิค เกมส์ ถึงกระนั้น เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ ชูเอา มีอายุครบ 100 ปีพอดี แต่ ฟีฟ่า ก็ตัดสินใจไม่จัดงานเฉลิมฉลองให้ อันนี้อาจเพราะ ชูเอา อาเวลั้นช์ เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องทุจริต ซึ่งผู้คนยังประณามว่า เขาเป็นผู้สร้างทายาททุจริตในองค์กรอีกหลายคน เช่น เซ้พ บลัทเท่อร์ และ มีเชล ปลาตีนี
ถึงกระนั้น เราก็ต้องยอมรับนะครับว่า เขาเป็นบุคคลที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์ทีเดียวที่เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดในองค์กรที่มีสินทรัพย์มหาศาลขนาดร่วม 1340 ล้าน ยูเอ๊ส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 46,900 ล้าน บาท และที่สำคัญ เขาเป็นผู้ที่ทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเหนือกว่ากีฬาอื่นใด หรือแม้จะเปรียบกับวงการอื่นใด ฟีฟ่า ก็ยังมีชาติสมาชิกจากทั่วโลกรวม 211 ชาติ มากกว่า องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) เสียอีก
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
