คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
แม้เกมจะจบไปแล้วสำหรับฟุตบอลถ้วย “ช้าง เอฟเอ คัพ 2016” รอบ 16 ทีมสุดท้าย พร้อมกับได้ 8 ทีมผ่านเข้าไปฟาดแข้งชิงถ้วยน็อกเอาต์ แต่ด้วยความที่ถูกยกให้เป็น “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” แห่งวงการฟุตบอลบ้านเรา จึงมีประเด็นพูดถึงมากมาย ชัยชนะเหนือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ หลังจากก่อนหน้านั้นเป็นลูกทีมของ เนวิน ชิดชอบ ที่เหนือกว่าเยอะ ซึ่งแต่ก่อนไม่ว่าจะด้วยผลงานของโค้ชไทย โค้ชนอก เมืองทอง ก็เหมือนเป็นทีมที่แพ้ทางมาโดยตลอด แต่ภายใต้การคุมทีมของ “สุภาพบุรุษลูกหนัง” ธชตวัน ศรีปาน กลับลบล้างอาถรรพ์อันไม่เคยชนะ บุรีรัมย์ ลงได้ แถมเจอกัน 3 นัด ก็ชนะทั้ง 3 นัด ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้เพื่อนซี้ของ “ซิโก้”
จะว่าไปแล้ว บุรีรัมย์ เองไม่ใช่ว่าไม่เก่ง เพียงแต่ทุกอย่างมันยังไม่ลงตัว เพราะเพิ่งล้างไพ่กันใหม่กลางฤดูกาล มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาหลายคน ขณะที่ตัวหลักอย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม รวมถึง กรวิทย์ นามวิเศษ กองหลังตัวยืนก็ดันมาเจ็บยาว ต้องเข็น สุรีย์ สุขะ กองหลังตัวเก๋ามายืนแนวรับแทน แถมโค้ชก็เพิ่งอิมพอร์ตมาจากอิหร่านแบบนี้ คงต้องใช้เวลาปรับจูนกันพอสมควร หากสังเกตจะเห็นได้ว่าแม้จะขยันวิ่งไล่บี้คู่แข่ง แต่ความเข้าใจในกันและกัน แบบเข้าขารู้ใจ ยังมีให้เห็นน้อย แตกต่างจากเจ้าถิ่น “กิเลนผยอง” นักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เล่นดีกรีทีมชาติไทย แล้วจะด้อยกว่าได้อย่างไรในเมื่อเล่นร่วมกันมานานแล้ว ปีนี้ลูกทีม เนวิน อาจจะเหลือลุ้นแค่แชมป์ลีก คัพ แต่ถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ เจอจุดลงตัวพบส่วนผสมที่เข้ากัน อาจกลับมาผงาดอีกครั้งได้ปีหน้าเช่นกัน
ที่สำคัญ หลังจบเกม อเล็กซานเดอร์ กามา อดีตโค้ช บุรีรัมย์ มาชมเกมด้วย (ตอนแรกได้ข่าวว่าจะมาคุมทีมชาติชุด ยู 21 แต่ดันโดนเบรกเลยแวะมาดูเกมเสียหน่อย) มันมาดรามาตรงที่ว่า “เจ้าอุ้ม” ธีราทร เด็กเก่าของ บุรีรัมย์ แต่ใหม่ของเมืองทอง ดันวิ่งไปกอดอดีตคุณครูลูกหนังคนเก่าต่อหน้าแฟนบอล ภาพนั้นไม่รู้ว่าจะมีใครเจ็บกันบ้างไหม แต่โค้ชชาวบราซิลบอกว่าเซอร์ไพรส์อยู่พอสมควร เพราะไม่นึกว่า “อุ้ม” จะมองเห็นแก มันเป็นมิตรภาพที่ทั้งสวยงาม และน่าประทับใจ
เรื่องผู้ตัดสินระดับ “ฟีฟา” ชาวญี่ปุ่น อย่าง ทาคูโตะ โอกาเบะ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สั่งตรงจาก “เจลีก” ก็ทำหน้าที่ดีจนได้รับคำชมว่าทันเกม และเด็ดขาดมาก โดยเฉพาะจังหวะชักใบแดงไล่ บรูโน โมเรย์รา กองหน้าโปรตุเกสของ บุรีรัมย์ ที่ไปนอกเกมใส่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ในครึ่งแรก น่าคิดเหมือนกันว่าถ้ากลับกันวันนั้นเป็นผู้ตัดสินชาวไทย จะกล้าชูใบแดงให้ไหม จะมีเกรงใจใครที่ม้านั่งสำรองหรือไม่ และหากทำแบบนั้นไปแล้วจะโดนด่าหรือเปล่า
นอกจากต้องชมผู้ตัดสิน ยังต้องชมไปถึงต้นตอการดึงมาทำหน้าที่อย่าง พล.ต.อ.สมยศ นายกสมาคมฯ ด้วย เพราะก่อนหน้านี้โดนด่าเรื่องผู้ตัดสินกันเยอะ ไม่รู้จะแก้ยังไงให้ดีขึ้นทันใจทันตา กรรมการก็เหมือนนักฟุตบอล กว่าจะเก่งมันก็ต้องฝึก ต้องซ้อม ต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ จะมาเปิดฝากดน้ำร้อนแล้วกินได้เลยเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันไม่มีหรอก แต่ระหว่างนี้ถ้ายังไม่สามารถยกระดับคุณภาพผู้ตัดสินไทยได้ ก็ใช้ผู้ตัดสินจากต่างแดนไปเฉพาะเกมสำคัญก็น่าจะโอเค
สุดท้ายกองเชียร์เจ้าบ้าน ไม่อยากพูดถึงเลย แต่ก็ควรมีสติกันหน่อย หลังเกมเดินไปตะโกนด่านักเตะผู้มาเยือนแจกกล้วยกันสนุก รู้ว่าเมืองนอกก็มี แต่มันไม่ดีก็ไม่เห็นต้องเลียนแบบเลย อีกเรื่องที่อยากจะขอ รู้ใช่มั้ยว่าสโลแกนนายกสมาคมฯแกคือ “FAIR” ดังนั้น อย่าจุด “FLARE” เลย สโมสร เมืองทอง เองก็เคยโดนลงโทษเรื่องนี้มาหลายครั้งโดนปรับรวม ๆ กันแล้วไม่รู้ว่ากี่แสน แต่มากกว่าทุกทีมในลีกแน่ ๆ ที่ผ่านมา ผู้บริหารก็รณรงค์มาตลอด รักทีมจริงต้องไม่ทำให้ทีมเดือดร้อน แต่ถ้าอยากจุดรับผิดชอบค่าปรับให้ทีมด้วยจะดีมาก...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
แม้เกมจะจบไปแล้วสำหรับฟุตบอลถ้วย “ช้าง เอฟเอ คัพ 2016” รอบ 16 ทีมสุดท้าย พร้อมกับได้ 8 ทีมผ่านเข้าไปฟาดแข้งชิงถ้วยน็อกเอาต์ แต่ด้วยความที่ถูกยกให้เป็น “ซูเปอร์บิ๊กแมตช์” แห่งวงการฟุตบอลบ้านเรา จึงมีประเด็นพูดถึงมากมาย ชัยชนะเหนือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ หลังจากก่อนหน้านั้นเป็นลูกทีมของ เนวิน ชิดชอบ ที่เหนือกว่าเยอะ ซึ่งแต่ก่อนไม่ว่าจะด้วยผลงานของโค้ชไทย โค้ชนอก เมืองทอง ก็เหมือนเป็นทีมที่แพ้ทางมาโดยตลอด แต่ภายใต้การคุมทีมของ “สุภาพบุรุษลูกหนัง” ธชตวัน ศรีปาน กลับลบล้างอาถรรพ์อันไม่เคยชนะ บุรีรัมย์ ลงได้ แถมเจอกัน 3 นัด ก็ชนะทั้ง 3 นัด ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้เพื่อนซี้ของ “ซิโก้”
จะว่าไปแล้ว บุรีรัมย์ เองไม่ใช่ว่าไม่เก่ง เพียงแต่ทุกอย่างมันยังไม่ลงตัว เพราะเพิ่งล้างไพ่กันใหม่กลางฤดูกาล มีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาหลายคน ขณะที่ตัวหลักอย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม รวมถึง กรวิทย์ นามวิเศษ กองหลังตัวยืนก็ดันมาเจ็บยาว ต้องเข็น สุรีย์ สุขะ กองหลังตัวเก๋ามายืนแนวรับแทน แถมโค้ชก็เพิ่งอิมพอร์ตมาจากอิหร่านแบบนี้ คงต้องใช้เวลาปรับจูนกันพอสมควร หากสังเกตจะเห็นได้ว่าแม้จะขยันวิ่งไล่บี้คู่แข่ง แต่ความเข้าใจในกันและกัน แบบเข้าขารู้ใจ ยังมีให้เห็นน้อย แตกต่างจากเจ้าถิ่น “กิเลนผยอง” นักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เล่นดีกรีทีมชาติไทย แล้วจะด้อยกว่าได้อย่างไรในเมื่อเล่นร่วมกันมานานแล้ว ปีนี้ลูกทีม เนวิน อาจจะเหลือลุ้นแค่แชมป์ลีก คัพ แต่ถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ เจอจุดลงตัวพบส่วนผสมที่เข้ากัน อาจกลับมาผงาดอีกครั้งได้ปีหน้าเช่นกัน
ที่สำคัญ หลังจบเกม อเล็กซานเดอร์ กามา อดีตโค้ช บุรีรัมย์ มาชมเกมด้วย (ตอนแรกได้ข่าวว่าจะมาคุมทีมชาติชุด ยู 21 แต่ดันโดนเบรกเลยแวะมาดูเกมเสียหน่อย) มันมาดรามาตรงที่ว่า “เจ้าอุ้ม” ธีราทร เด็กเก่าของ บุรีรัมย์ แต่ใหม่ของเมืองทอง ดันวิ่งไปกอดอดีตคุณครูลูกหนังคนเก่าต่อหน้าแฟนบอล ภาพนั้นไม่รู้ว่าจะมีใครเจ็บกันบ้างไหม แต่โค้ชชาวบราซิลบอกว่าเซอร์ไพรส์อยู่พอสมควร เพราะไม่นึกว่า “อุ้ม” จะมองเห็นแก มันเป็นมิตรภาพที่ทั้งสวยงาม และน่าประทับใจ
เรื่องผู้ตัดสินระดับ “ฟีฟา” ชาวญี่ปุ่น อย่าง ทาคูโตะ โอกาเบะ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย สั่งตรงจาก “เจลีก” ก็ทำหน้าที่ดีจนได้รับคำชมว่าทันเกม และเด็ดขาดมาก โดยเฉพาะจังหวะชักใบแดงไล่ บรูโน โมเรย์รา กองหน้าโปรตุเกสของ บุรีรัมย์ ที่ไปนอกเกมใส่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ในครึ่งแรก น่าคิดเหมือนกันว่าถ้ากลับกันวันนั้นเป็นผู้ตัดสินชาวไทย จะกล้าชูใบแดงให้ไหม จะมีเกรงใจใครที่ม้านั่งสำรองหรือไม่ และหากทำแบบนั้นไปแล้วจะโดนด่าหรือเปล่า
นอกจากต้องชมผู้ตัดสิน ยังต้องชมไปถึงต้นตอการดึงมาทำหน้าที่อย่าง พล.ต.อ.สมยศ นายกสมาคมฯ ด้วย เพราะก่อนหน้านี้โดนด่าเรื่องผู้ตัดสินกันเยอะ ไม่รู้จะแก้ยังไงให้ดีขึ้นทันใจทันตา กรรมการก็เหมือนนักฟุตบอล กว่าจะเก่งมันก็ต้องฝึก ต้องซ้อม ต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ จะมาเปิดฝากดน้ำร้อนแล้วกินได้เลยเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันไม่มีหรอก แต่ระหว่างนี้ถ้ายังไม่สามารถยกระดับคุณภาพผู้ตัดสินไทยได้ ก็ใช้ผู้ตัดสินจากต่างแดนไปเฉพาะเกมสำคัญก็น่าจะโอเค
สุดท้ายกองเชียร์เจ้าบ้าน ไม่อยากพูดถึงเลย แต่ก็ควรมีสติกันหน่อย หลังเกมเดินไปตะโกนด่านักเตะผู้มาเยือนแจกกล้วยกันสนุก รู้ว่าเมืองนอกก็มี แต่มันไม่ดีก็ไม่เห็นต้องเลียนแบบเลย อีกเรื่องที่อยากจะขอ รู้ใช่มั้ยว่าสโลแกนนายกสมาคมฯแกคือ “FAIR” ดังนั้น อย่าจุด “FLARE” เลย สโมสร เมืองทอง เองก็เคยโดนลงโทษเรื่องนี้มาหลายครั้งโดนปรับรวม ๆ กันแล้วไม่รู้ว่ากี่แสน แต่มากกว่าทุกทีมในลีกแน่ ๆ ที่ผ่านมา ผู้บริหารก็รณรงค์มาตลอด รักทีมจริงต้องไม่ทำให้ทีมเดือดร้อน แต่ถ้าอยากจุดรับผิดชอบค่าปรับให้ทีมด้วยจะดีมาก...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *