คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
พลิกล็อกชนิดเซียนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว สำหรับแชมป์โลกชาวไทยที่กลายเป็นอดีตไปหมาด ๆ ซึ่งก็คือ “ไอ้หนูหมัดปืนกล” ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ ที่ขึ้นสังเวียนป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวตขององค์กรมวยโลก WBO กับรองแชมป์โลกอันดับ 1 จากฟิลิปปินส์ มาร์ลอน ตาปาเลส
โดยกำปั้นไทยของเราเดินสาวกำปั้นใส่จนได้ถึง 2 นับ ในยกที่ 5 แต่กลับเก็บไม่ลงแถมหมดแรงดื้อ ๆ โดนต่อยร่วงพ่ายน็อกไปในยกที่ 11 เข็มขัดกระเด็นจากเอวอย่างน่าเสียดาย
ไฟต์นี้นั้นถือเป็น “ไฟต์บังคับ” แถมไม่มีออปชันแก้มืออีกต่างหาก ก่อนชกดูรูปการแล้วแชมป์โลกชาวไทยถือว่าได้เปรียบ เพราะชกในบ้าน แถมลงเวลาชกตามคิวถ่ายทอดสดได้ตอนบ่ายสองโมง ผู้ท้าชิงน่าจะแพ้อากาศเหี่ยวปลายตามธรรมชาติแน่นอน เริ่มการชกมา “เจ้าบอมบ์” เดินเข้าหาตามสไตล์แถมรัวหมัดใส่นักชกฟิลิปปินส์ไม่ยั้ง จนยก 5 ได้ตุ๊ยท้องหนัก ๆ สลับขึ้นบนส่งผู้ท้าชิงลงไปนั่งฟังกรรมการนับ 8 พอลุกขึ้นมานักชกไทยยังเดินเข้าสาวหมัดใส่ต่อจนตาปาเลสร่วงลงไปโดนนับถึง 8 อีกที คราวนี้ตอนแรกทำท่าเหมือนไม่อยากลุกแล้วด้วยซ้ำ
ที่ไหนได้พอลุกขึ้นมาประคองตัวจนหมดยก จากนั้นจากยก 6 จนยก 10 มาร์ลอน ตาปาเลส กลับเป็นฝ่ายเข้าทำได้จะแจ้งกว่าเยอะ เรียกคะแนนที่เสียไปคืนได้หมด แถมแชมป์โลกชาวไทยกลับออกอาการ “หมดแรง” ยืนรับหมัดเป็นชุด ๆ ซะงั้น มีโต้บ้างแต่น้ำหนักหมัดหายหมด จนยก 11 นักชกฟิลิปปินส์จ้วงซ้ายเข้าเต็มลำตัวแล้วแถมด้วยขวาตรงเต็มหน้า “เจ้าบอมบ์” กลิ้งโค่โล่ลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10 เข็มขัดกระเด็นยกนี้เอง
ดูแล้วก็น่าเสียดายแทน เพราะ ผึ้งหลวง นั้นปกติเป็นนักมวยใจสิงห์แถมลีลาน้ำหนักหมัดถือว่าถูกใจแฟนมวย มาคราวนี้ไม่ทราบเกิดอะไรทำไมหมดเอาง่าย ๆ แบบนี้ หลังการชกทางค่ายออกมาให้ข่าวว่ากรามหักตั้งแต่ยก 9 ก็ถือว่าน่าเห็นใจ แต่ยกที่ทำได้แล้วไม่สามารถเก็บคู่ต่อสู้ลงไปได้ พอยกต่อมากลับหมดแรงแบบเห็นได้ชัดก็ต้องตั้งคำถามถึงการเตรียมตัวแล้ว จากนี้ไปก็อยู่ที่ต้นสังกัด ว่าจะสนับสนุนให้กลับมาทวงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 อีกหรือเปล่า แต่อายุเพิ่ง 26 ปีก็ยังมีเวลา
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากไฟต์นี้ คือ จังหวะที่แชมป์คนใหม่ชาวฟิลิปปินส์ตอนที่ยังเป็นผู้ท้าชิงอยู่และโดน ผึ้งหลวง ต่อยร่วงไปนั้น ทั้งสองนับจะเห็นว่านักชกฟิลิปปินส์รายนี้ไม่รีบลุกขึ้นมา นั่งพักอยู่ที่พื้นพยายามให้ฟื้นตัวก่อน ลุกมาตอนกรรมการนับ 8 พอดี เรียกว่าใช้เวลา 8 วินาทีแบบคุ้มสุด ๆ ต่างจากนักมวยไทยเราเวลาโดนต่อยนับมักเคยตัวรีบลุกเพราะกลัวเสีย “รูปมวย” ทั้ง ๆ ที่มวยสากลระดับโลกนั้นไม่มีคะแนนรูปมวยนะครับ อีกจุดหนึ่งคือในยกที่ 5 ที่เขาโดนนักมวยเราไล่ซ้ำอยู่นั้น ทาง ตาปาเลส “ใส่หมวกกันน็อก” ยกการ์ดแน่นเลย เพื่อป้องกันตัวเอาตัวเองให้พ้นจากภาวะวิกฤตตรงนั้นไปก่อน ซึ่งก็รอดมาได้จริง ๆ แถมมาไล่อัดนักชกเราจนพ่ายไปอีกด้วยซ้ำ ก็ต้องฝากไว้ครับว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หลายครั้งมีผลเลยทีเดียวที่จะพลิกสถานการณ์จากแพ้ให้เป็นชนะได้
ตอนนี้แชมป์โลกของเราก็เริ่มร่อยหรอลงไปอีกแล้ว วันที่ข้อเขียนนี้ออกสู่สายตาท่าน 2 ส.ค. แชมป์โลกของเราอีกราย วันเฮง กระทิงแดงยิม ก็มีคิวขึ้นป้องกัน “ไฟต์บังคับ” เช่นกัน ก็ต้องช่วยกันเชียร์ให้รักษาเข็มขัดโลกไว้ได้ให้แฟน ๆ ได้เฮกันบ้าง ไม่งั้นวงการเราคงหงอยน่าดู
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
พลิกล็อกชนิดเซียนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว สำหรับแชมป์โลกชาวไทยที่กลายเป็นอดีตไปหมาด ๆ ซึ่งก็คือ “ไอ้หนูหมัดปืนกล” ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ ที่ขึ้นสังเวียนป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวตขององค์กรมวยโลก WBO กับรองแชมป์โลกอันดับ 1 จากฟิลิปปินส์ มาร์ลอน ตาปาเลส
โดยกำปั้นไทยของเราเดินสาวกำปั้นใส่จนได้ถึง 2 นับ ในยกที่ 5 แต่กลับเก็บไม่ลงแถมหมดแรงดื้อ ๆ โดนต่อยร่วงพ่ายน็อกไปในยกที่ 11 เข็มขัดกระเด็นจากเอวอย่างน่าเสียดาย
ไฟต์นี้นั้นถือเป็น “ไฟต์บังคับ” แถมไม่มีออปชันแก้มืออีกต่างหาก ก่อนชกดูรูปการแล้วแชมป์โลกชาวไทยถือว่าได้เปรียบ เพราะชกในบ้าน แถมลงเวลาชกตามคิวถ่ายทอดสดได้ตอนบ่ายสองโมง ผู้ท้าชิงน่าจะแพ้อากาศเหี่ยวปลายตามธรรมชาติแน่นอน เริ่มการชกมา “เจ้าบอมบ์” เดินเข้าหาตามสไตล์แถมรัวหมัดใส่นักชกฟิลิปปินส์ไม่ยั้ง จนยก 5 ได้ตุ๊ยท้องหนัก ๆ สลับขึ้นบนส่งผู้ท้าชิงลงไปนั่งฟังกรรมการนับ 8 พอลุกขึ้นมานักชกไทยยังเดินเข้าสาวหมัดใส่ต่อจนตาปาเลสร่วงลงไปโดนนับถึง 8 อีกที คราวนี้ตอนแรกทำท่าเหมือนไม่อยากลุกแล้วด้วยซ้ำ
ที่ไหนได้พอลุกขึ้นมาประคองตัวจนหมดยก จากนั้นจากยก 6 จนยก 10 มาร์ลอน ตาปาเลส กลับเป็นฝ่ายเข้าทำได้จะแจ้งกว่าเยอะ เรียกคะแนนที่เสียไปคืนได้หมด แถมแชมป์โลกชาวไทยกลับออกอาการ “หมดแรง” ยืนรับหมัดเป็นชุด ๆ ซะงั้น มีโต้บ้างแต่น้ำหนักหมัดหายหมด จนยก 11 นักชกฟิลิปปินส์จ้วงซ้ายเข้าเต็มลำตัวแล้วแถมด้วยขวาตรงเต็มหน้า “เจ้าบอมบ์” กลิ้งโค่โล่ลงไปนอนฟังกรรมการนับ 10 เข็มขัดกระเด็นยกนี้เอง
ดูแล้วก็น่าเสียดายแทน เพราะ ผึ้งหลวง นั้นปกติเป็นนักมวยใจสิงห์แถมลีลาน้ำหนักหมัดถือว่าถูกใจแฟนมวย มาคราวนี้ไม่ทราบเกิดอะไรทำไมหมดเอาง่าย ๆ แบบนี้ หลังการชกทางค่ายออกมาให้ข่าวว่ากรามหักตั้งแต่ยก 9 ก็ถือว่าน่าเห็นใจ แต่ยกที่ทำได้แล้วไม่สามารถเก็บคู่ต่อสู้ลงไปได้ พอยกต่อมากลับหมดแรงแบบเห็นได้ชัดก็ต้องตั้งคำถามถึงการเตรียมตัวแล้ว จากนี้ไปก็อยู่ที่ต้นสังกัด ว่าจะสนับสนุนให้กลับมาทวงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 อีกหรือเปล่า แต่อายุเพิ่ง 26 ปีก็ยังมีเวลา
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากไฟต์นี้ คือ จังหวะที่แชมป์คนใหม่ชาวฟิลิปปินส์ตอนที่ยังเป็นผู้ท้าชิงอยู่และโดน ผึ้งหลวง ต่อยร่วงไปนั้น ทั้งสองนับจะเห็นว่านักชกฟิลิปปินส์รายนี้ไม่รีบลุกขึ้นมา นั่งพักอยู่ที่พื้นพยายามให้ฟื้นตัวก่อน ลุกมาตอนกรรมการนับ 8 พอดี เรียกว่าใช้เวลา 8 วินาทีแบบคุ้มสุด ๆ ต่างจากนักมวยไทยเราเวลาโดนต่อยนับมักเคยตัวรีบลุกเพราะกลัวเสีย “รูปมวย” ทั้ง ๆ ที่มวยสากลระดับโลกนั้นไม่มีคะแนนรูปมวยนะครับ อีกจุดหนึ่งคือในยกที่ 5 ที่เขาโดนนักมวยเราไล่ซ้ำอยู่นั้น ทาง ตาปาเลส “ใส่หมวกกันน็อก” ยกการ์ดแน่นเลย เพื่อป้องกันตัวเอาตัวเองให้พ้นจากภาวะวิกฤตตรงนั้นไปก่อน ซึ่งก็รอดมาได้จริง ๆ แถมมาไล่อัดนักชกเราจนพ่ายไปอีกด้วยซ้ำ ก็ต้องฝากไว้ครับว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หลายครั้งมีผลเลยทีเดียวที่จะพลิกสถานการณ์จากแพ้ให้เป็นชนะได้
ตอนนี้แชมป์โลกของเราก็เริ่มร่อยหรอลงไปอีกแล้ว วันที่ข้อเขียนนี้ออกสู่สายตาท่าน 2 ส.ค. แชมป์โลกของเราอีกราย วันเฮง กระทิงแดงยิม ก็มีคิวขึ้นป้องกัน “ไฟต์บังคับ” เช่นกัน ก็ต้องช่วยกันเชียร์ให้รักษาเข็มขัดโลกไว้ได้ให้แฟน ๆ ได้เฮกันบ้าง ไม่งั้นวงการเราคงหงอยน่าดู
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *