คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
หลังจากที่ วิทยา เลาหกุล เทรนเนอร์มากประสบการณ์ ยิ้มแก้มปริ เมื่อคราวที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ชนะเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี เนื่องจากตนเองได้ถูกทาบเชิญมานั่งแท่น “ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย” ตำแหน่งที่ตนโหยหามาค่อนชีวิต ทว่า ผ่านไปเพียงครึ่งปีดูเหมือนเจ้าตัวจะมีเรื่องให้อึดอัดใจเสียแล้ว
ประธานพัฒนาเทคนิค ในความคิดของ “โค้ชเฮง” ก็คือ ผู้ที่จะคุมหางเสือทีมชาติไทยทุกชุด ทั้งชุดใหญ่ ชุดเยาวชน ตลอดจนฟุตบอลหญิง ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีแบบแผน โดยงานแรกของเจ้าตัว คือ การร่างแผนการทำงาน และโรดแมปให้ “บิ๊กอ๊อด” ได้รับทราบ จากนั้นเรียกประชุมทุกฝ่ายเพื่อคัดเลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่เหมาะสมให้กับทัพ “ช้างศึก” ทุกชุด ก่อนจะได้โฉมหน้าค่าตาออกมาให้เห็นกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในส่วนของทีมเยาวชนชายที่ได้โค้ชใหม่ ประกอบด้วย สราวุฒิ สุขแสวง (ยู-14), ชังยง ขำเปี่ยม (ยู-16), เฉลิมวุฒิ สง่าพล (ยู-19) และ วรวุธ ศรีมะฆะ (ยู-21)
เมื่อได้เฮดโค้ช ทีมชาติทุกชุดก็เดินหน้าฝึกซ้อมและลงลับแข้งในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องกับต่างชาติตามแต่วาระโอกาส ซึ่งงานของ “โค้ชเฮง” ในช่วงนี้คือไล่ติดตามและประเมินผลงานของทุกทีมทั้งในออฟฟิศและภาคสนาม จึงมักเห็นคุณลุงวัย 62 ปี ถือสมุดและปากกา เดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณสนามซ้อม เป็นประจำ ก่อนจะหอบแฟ้มหนาปึ้กหลายสิบแฟ้มกลับไปวิเคราะห์ต่อที่โต๊ะทำงาน
ทว่า ที่ผ่านมา การทำงานของเจ้าของฉายา “เฮงซัง” ก็ไม่ได้ราบรื่น มีเสียงค่อนขอดจากแฟนบอลบางกลุ่มเป็นระยะ เนื่องจากหลายครั้งมีนโยบายที่สุดโต่งเหนือความคาดหมาย ตลอดจนมีความเห็นบางเรื่องที่ไม่ตรงกับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ขวัญใจมหาชน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องจำพวกนี้ไม่ได้ทำให้คนชื่อวิทยาเครียดมากนัก ผิดกับการแทรกแซงจากภายในที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหัวเสียไม่น้อย
หากใครได้พูดคุยกับ “โค้ชเฮง” ถึงการทำงานในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา เจ้าตัวมักจะบ่นให้ฟังเป็นประจำในเรื่องไม่ได้รับความสำคัญจากเบื้องบนมากนัก หลายครั้งที่เกิดการทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา ทั้งที่ตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิค คือ ผู้อยู่จุดยอดสุดของปิระมิดการทำทีมฟุตบอล ไม่ว่าการที่สมาคมฟุตบอล ปลด สราวุฒิ สุขแสวง ออกจากการเป็นโค้ช ยู-14 โดยที่ตนไม่รับรู้ รวมถึง พล.ต.อ.สมยศ ด้วยเช่นกัน หรือจู่ ๆ หลังจากที่โค้ชกลับมารับตำแหน่งตามเดิม ได้มีมือวิเศษดึงเด็กชุดนี้ไปเก็บตัวที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่เฮงซังไม่ค่อยจะเห็นด้วยมากนัก
ล่าสุด มีกระแสข่าวเปลี่ยนแปลงกุนซือชุด ยู-19 และ ยู-21 อีก ซึ่ง “โค้ชเฮง” ก็ยอมรับว่า มีการกระซิบเรื่องนี้จริง ทั้งที่ “บิ๊กอ๊อด” นายใหญ่ยังอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด เนื่องจาก ทั้ง “โค้ชหนุ่ย” และ “โค้ชโย่ง” เพิ่งจะเข้ามาเตรียมทีม ที่สำคัญ ทั้งคู่ยังไม่มีทัวร์นาเมนต์ระดับชาติอย่างเป็นทางการให้ได้ลองฝีมือเลย ซึ่งรายหลังได้ลองส่งทีมไปอุ่นเครื่องรายการ เนชัน คัพ ที่มาเลเซีย และสามารถคว้าแชมป์ได้ถึงถิ่นเสือเหลือง จึงน่าจะเป็นเหมือนการปูทางที่ดีไปสู่การป้องกันแชมป์ ซีเกมส์ 2017 แต่กลับจะโดนปลดเสียอย่างนั้น
แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้ทำให้ “โค้ชเฮง” อึดอัดใจมากทีเดียว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตนโดยตรง แต่กลับถูกทำเหมือนข้ามหน้าข้ามตา ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้อยากให้มองว่าทุกคนต้องแคร์ตน แต่อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับตำแหน่งนี้อย่างจริงจังเหมือนที่ทุกชาติระดับโลกทำอยู่
ก่อนหน้านี้ หลายคนเคยค่อนขอดผู้บริหารสมาคมฟุตบอลชุดก่อน ว่า มีผู้ถืออำนาจคอยชักใยการทำงานอยู่เบื้องหลัง มีประธานพัฒนาเทคนิคก็เพียงตั้งมาแต่ชื่อไม่เคยเห็นทำงานจริง แต่ ณ วันนี้ เราได้ประธานพัฒนาเทคนิคที่หลายคนเห็นพ้อง เดินทางท่องยุทธภพลูกหนังมาทั่วโลก มีประสบการณ์สูงกว่าผู้บริหารทุกคนในสมาคมด้วยซ้ำ ทว่า ปัญหาเรื่อง “มือวิเศษ” ยังเหมือนจะไม่หมดไป เพียงแต่เปลี่ยนเป็นมือข้างใหม่เท่านั้น
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจากที่ วิทยา เลาหกุล เทรนเนอร์มากประสบการณ์ ยิ้มแก้มปริ เมื่อคราวที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ชนะเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี เนื่องจากตนเองได้ถูกทาบเชิญมานั่งแท่น “ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย” ตำแหน่งที่ตนโหยหามาค่อนชีวิต ทว่า ผ่านไปเพียงครึ่งปีดูเหมือนเจ้าตัวจะมีเรื่องให้อึดอัดใจเสียแล้ว
ประธานพัฒนาเทคนิค ในความคิดของ “โค้ชเฮง” ก็คือ ผู้ที่จะคุมหางเสือทีมชาติไทยทุกชุด ทั้งชุดใหญ่ ชุดเยาวชน ตลอดจนฟุตบอลหญิง ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีแบบแผน โดยงานแรกของเจ้าตัว คือ การร่างแผนการทำงาน และโรดแมปให้ “บิ๊กอ๊อด” ได้รับทราบ จากนั้นเรียกประชุมทุกฝ่ายเพื่อคัดเลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่เหมาะสมให้กับทัพ “ช้างศึก” ทุกชุด ก่อนจะได้โฉมหน้าค่าตาออกมาให้เห็นกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในส่วนของทีมเยาวชนชายที่ได้โค้ชใหม่ ประกอบด้วย สราวุฒิ สุขแสวง (ยู-14), ชังยง ขำเปี่ยม (ยู-16), เฉลิมวุฒิ สง่าพล (ยู-19) และ วรวุธ ศรีมะฆะ (ยู-21)
เมื่อได้เฮดโค้ช ทีมชาติทุกชุดก็เดินหน้าฝึกซ้อมและลงลับแข้งในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องกับต่างชาติตามแต่วาระโอกาส ซึ่งงานของ “โค้ชเฮง” ในช่วงนี้คือไล่ติดตามและประเมินผลงานของทุกทีมทั้งในออฟฟิศและภาคสนาม จึงมักเห็นคุณลุงวัย 62 ปี ถือสมุดและปากกา เดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณสนามซ้อม เป็นประจำ ก่อนจะหอบแฟ้มหนาปึ้กหลายสิบแฟ้มกลับไปวิเคราะห์ต่อที่โต๊ะทำงาน
ทว่า ที่ผ่านมา การทำงานของเจ้าของฉายา “เฮงซัง” ก็ไม่ได้ราบรื่น มีเสียงค่อนขอดจากแฟนบอลบางกลุ่มเป็นระยะ เนื่องจากหลายครั้งมีนโยบายที่สุดโต่งเหนือความคาดหมาย ตลอดจนมีความเห็นบางเรื่องที่ไม่ตรงกับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ขวัญใจมหาชน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องจำพวกนี้ไม่ได้ทำให้คนชื่อวิทยาเครียดมากนัก ผิดกับการแทรกแซงจากภายในที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหัวเสียไม่น้อย
หากใครได้พูดคุยกับ “โค้ชเฮง” ถึงการทำงานในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา เจ้าตัวมักจะบ่นให้ฟังเป็นประจำในเรื่องไม่ได้รับความสำคัญจากเบื้องบนมากนัก หลายครั้งที่เกิดการทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา ทั้งที่ตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิค คือ ผู้อยู่จุดยอดสุดของปิระมิดการทำทีมฟุตบอล ไม่ว่าการที่สมาคมฟุตบอล ปลด สราวุฒิ สุขแสวง ออกจากการเป็นโค้ช ยู-14 โดยที่ตนไม่รับรู้ รวมถึง พล.ต.อ.สมยศ ด้วยเช่นกัน หรือจู่ ๆ หลังจากที่โค้ชกลับมารับตำแหน่งตามเดิม ได้มีมือวิเศษดึงเด็กชุดนี้ไปเก็บตัวที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่เฮงซังไม่ค่อยจะเห็นด้วยมากนัก
ล่าสุด มีกระแสข่าวเปลี่ยนแปลงกุนซือชุด ยู-19 และ ยู-21 อีก ซึ่ง “โค้ชเฮง” ก็ยอมรับว่า มีการกระซิบเรื่องนี้จริง ทั้งที่ “บิ๊กอ๊อด” นายใหญ่ยังอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด เนื่องจาก ทั้ง “โค้ชหนุ่ย” และ “โค้ชโย่ง” เพิ่งจะเข้ามาเตรียมทีม ที่สำคัญ ทั้งคู่ยังไม่มีทัวร์นาเมนต์ระดับชาติอย่างเป็นทางการให้ได้ลองฝีมือเลย ซึ่งรายหลังได้ลองส่งทีมไปอุ่นเครื่องรายการ เนชัน คัพ ที่มาเลเซีย และสามารถคว้าแชมป์ได้ถึงถิ่นเสือเหลือง จึงน่าจะเป็นเหมือนการปูทางที่ดีไปสู่การป้องกันแชมป์ ซีเกมส์ 2017 แต่กลับจะโดนปลดเสียอย่างนั้น
แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้ทำให้ “โค้ชเฮง” อึดอัดใจมากทีเดียว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตนโดยตรง แต่กลับถูกทำเหมือนข้ามหน้าข้ามตา ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้อยากให้มองว่าทุกคนต้องแคร์ตน แต่อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับตำแหน่งนี้อย่างจริงจังเหมือนที่ทุกชาติระดับโลกทำอยู่
ก่อนหน้านี้ หลายคนเคยค่อนขอดผู้บริหารสมาคมฟุตบอลชุดก่อน ว่า มีผู้ถืออำนาจคอยชักใยการทำงานอยู่เบื้องหลัง มีประธานพัฒนาเทคนิคก็เพียงตั้งมาแต่ชื่อไม่เคยเห็นทำงานจริง แต่ ณ วันนี้ เราได้ประธานพัฒนาเทคนิคที่หลายคนเห็นพ้อง เดินทางท่องยุทธภพลูกหนังมาทั่วโลก มีประสบการณ์สูงกว่าผู้บริหารทุกคนในสมาคมด้วยซ้ำ ทว่า ปัญหาเรื่อง “มือวิเศษ” ยังเหมือนจะไม่หมดไป เพียงแต่เปลี่ยนเป็นมือข้างใหม่เท่านั้น
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
