คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ทัพนักเตะทีมชาติไทย คว้าตั๋วลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านชี้ชะตา ได้สำเร็จ ทว่าแผนการเก็บตัวเตรียมทีมก่อนฟาดแข้งยังไม่ได้ข้อสรุป และเป็นข้อถกเถียงกันว่าสมควรจะเลือกแบบไหนดี
ในด่านสุดท้ายจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม จับสลากวันที่ 12 เมษายนนี้ ลงแข่งแบบเหย้า - เยือน พบกันหมด ประเดิมฟาดแข้งวันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป คัดอันดับ 1 - 2 ของแต่ละกลุ่มรวม 4 ทีม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ส่วนอันดับ 3 ของทั้ง 2 กลุ่ม จะเล่นเพลย์ออฟกัน หาผู้ชนะไปชิงตั๋วใบสุดท้ายกับทีมจากทวีปคอนคาเคฟ
ส่วนเรื่องแผนการเตรียมทีมทั้งการเก็บตัว เกมอุ่นเครื่อง และการดำเนินการต่างๆนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ให้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ช้างศึก และ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคลูกหนังไทย ร่วมวางแผนการทำงานมานำเสนอ ก่อนจะประชุมหาข้อสรุปร่วมกันกับทั้ง 18 สโมสรในไทยลีก
ขณะที่ฝั่งแฟนบอลมีความเห็นต่างกันเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแรกมองว่าควรเก็บตัวและทำทุกอย่างตามที่สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติ หรือ ฟีฟ่า ระบุไว้ในกำหนดการเรียกผู้เล่นเข้าแคมป์ช่วงฟีฟ่าเดย์ เนื่องจากมองว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ทั่วโลกใช้ และที่สำคัญจะไม่ส่งผลกระทบถึงสโมสร โดยเฉพาะเรื่องโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีก เพราะเมื่อทำตามกฎทุกทีมย่อมไม่มีสิทธิ์คัดค้าน
ส่วนอีกฝ่ายมองว่า การที่ทีมชาติไทยได้เข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ยาวนานกว่า 15 ปีแล้วนับจากการคัดเลือก ฟุตบอลโลก เมื่อปี 2002 ดังนั้นควรต้องเตรียมตัวให้เต็มที่ ทุกฝ่ายต้องยอมเสียสละให้กับประเทศมากขึ้น การเก็บตัวอาจจะเลยลิมิตที่ฟีฟ่ากำหนดไว้บ้างก็ไม่เป็นไร หากเป็นการส่งผลดีต่อทัพช้างศึก
เช่นเดียวกับการเก็บตัวต่างประเทศ ที่มีข่าวว่า “ซิโก้” ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ อะคาเดมี ของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี จ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก ต้องการที่จะยกพลไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษ ในแคมป์ “จิ้งจอก” ที่มีศักยภาพติด 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดของเมืองผู้ดี ซึ่งมีโอกาสสูงเนื่องจากทางสโมสรพร้อมให้การต้อนรับอย่างดีและแย้มว่าเตรียมออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย ที่สำคัญ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานทีม ยังซี้ปึ้กกับ “บิ๊กอ๊อด” อีกต่างหาก
ทว่าเรื่องนี้กลับได้เสียงคัดค้านจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคลูกหนังไทย ที่มองว่าการไปเก็บตัวที่อังกฤษ ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่างจากการเก็บตัวเมืองไทย สู้หาทีมดีๆมาอุ่นเครื่อง แบบเหย้าและเยือนเพื่อให้เด็กเคยชินจะดีกว่า ซึ่งคำแนะนำของกุนซือวัย 62 ปีรายนี้ ได้รับการเห็นด้วยจากแฟนบอลจำนวนมาก เพราะหากยกพลไปเก็บตัวที่เมืองผู้ดี 1 สัปดาห์ ก็คงจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย หรือถ้านานกว่านั้นก็จะกระทบต่อโปรแกรมลีกที่แน่นขนัด
ส่วนตัวมองว่า “ซิโก้” คุมทีมมา 3 ปีกว่าแล้ว รู้แล้วว่าใครคือ 11 ตัวจริง ใครคือตัวสำรอง ทุกคนเข้าขาและเข้าใจแทคติกกันดีอยู่แล้ว เข้ามารวมตัวกันไม่กี่วันก็คงเพียงพอ ขณะการเก็บตัวต่างแดนนั้นถ้ามีเกมอุ่นเครื่องพ่วงมาด้วยก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากไปฝึกซ้อมเฉยๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่นัก
เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ “สมาคมกีฬาฟุตบอลชุดใหม่” ต้องตัดสินใจให้ดี วางแผนให้เด็ดขาดตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นมาตรฐานในปีต่อๆไป แม้จะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่เชื่อเหอะว่าทุกคนทำเพื่อชาติแน่นอน
ทัพนักเตะทีมชาติไทย คว้าตั๋วลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านชี้ชะตา ได้สำเร็จ ทว่าแผนการเก็บตัวเตรียมทีมก่อนฟาดแข้งยังไม่ได้ข้อสรุป และเป็นข้อถกเถียงกันว่าสมควรจะเลือกแบบไหนดี
ในด่านสุดท้ายจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม จับสลากวันที่ 12 เมษายนนี้ ลงแข่งแบบเหย้า - เยือน พบกันหมด ประเดิมฟาดแข้งวันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป คัดอันดับ 1 - 2 ของแต่ละกลุ่มรวม 4 ทีม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ส่วนอันดับ 3 ของทั้ง 2 กลุ่ม จะเล่นเพลย์ออฟกัน หาผู้ชนะไปชิงตั๋วใบสุดท้ายกับทีมจากทวีปคอนคาเคฟ
ส่วนเรื่องแผนการเตรียมทีมทั้งการเก็บตัว เกมอุ่นเครื่อง และการดำเนินการต่างๆนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ให้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ช้างศึก และ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคลูกหนังไทย ร่วมวางแผนการทำงานมานำเสนอ ก่อนจะประชุมหาข้อสรุปร่วมกันกับทั้ง 18 สโมสรในไทยลีก
ขณะที่ฝั่งแฟนบอลมีความเห็นต่างกันเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแรกมองว่าควรเก็บตัวและทำทุกอย่างตามที่สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติ หรือ ฟีฟ่า ระบุไว้ในกำหนดการเรียกผู้เล่นเข้าแคมป์ช่วงฟีฟ่าเดย์ เนื่องจากมองว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่ทั่วโลกใช้ และที่สำคัญจะไม่ส่งผลกระทบถึงสโมสร โดยเฉพาะเรื่องโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีก เพราะเมื่อทำตามกฎทุกทีมย่อมไม่มีสิทธิ์คัดค้าน
ส่วนอีกฝ่ายมองว่า การที่ทีมชาติไทยได้เข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ยาวนานกว่า 15 ปีแล้วนับจากการคัดเลือก ฟุตบอลโลก เมื่อปี 2002 ดังนั้นควรต้องเตรียมตัวให้เต็มที่ ทุกฝ่ายต้องยอมเสียสละให้กับประเทศมากขึ้น การเก็บตัวอาจจะเลยลิมิตที่ฟีฟ่ากำหนดไว้บ้างก็ไม่เป็นไร หากเป็นการส่งผลดีต่อทัพช้างศึก
เช่นเดียวกับการเก็บตัวต่างประเทศ ที่มีข่าวว่า “ซิโก้” ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ อะคาเดมี ของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี จ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก ต้องการที่จะยกพลไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษ ในแคมป์ “จิ้งจอก” ที่มีศักยภาพติด 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดของเมืองผู้ดี ซึ่งมีโอกาสสูงเนื่องจากทางสโมสรพร้อมให้การต้อนรับอย่างดีและแย้มว่าเตรียมออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย ที่สำคัญ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานทีม ยังซี้ปึ้กกับ “บิ๊กอ๊อด” อีกต่างหาก
ทว่าเรื่องนี้กลับได้เสียงคัดค้านจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคลูกหนังไทย ที่มองว่าการไปเก็บตัวที่อังกฤษ ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่างจากการเก็บตัวเมืองไทย สู้หาทีมดีๆมาอุ่นเครื่อง แบบเหย้าและเยือนเพื่อให้เด็กเคยชินจะดีกว่า ซึ่งคำแนะนำของกุนซือวัย 62 ปีรายนี้ ได้รับการเห็นด้วยจากแฟนบอลจำนวนมาก เพราะหากยกพลไปเก็บตัวที่เมืองผู้ดี 1 สัปดาห์ ก็คงจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย หรือถ้านานกว่านั้นก็จะกระทบต่อโปรแกรมลีกที่แน่นขนัด
ส่วนตัวมองว่า “ซิโก้” คุมทีมมา 3 ปีกว่าแล้ว รู้แล้วว่าใครคือ 11 ตัวจริง ใครคือตัวสำรอง ทุกคนเข้าขาและเข้าใจแทคติกกันดีอยู่แล้ว เข้ามารวมตัวกันไม่กี่วันก็คงเพียงพอ ขณะการเก็บตัวต่างแดนนั้นถ้ามีเกมอุ่นเครื่องพ่วงมาด้วยก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากไปฝึกซ้อมเฉยๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่นัก
เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ “สมาคมกีฬาฟุตบอลชุดใหม่” ต้องตัดสินใจให้ดี วางแผนให้เด็ดขาดตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นมาตรฐานในปีต่อๆไป แม้จะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่เชื่อเหอะว่าทุกคนทำเพื่อชาติแน่นอน