xs
xsm
sm
md
lg

สัญญา “ซิโก้” กี่ปีดี / ชมณัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”

ทัพนักเตะทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้าสู่รอบ 3 หรือ 12 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้สำเร็จ ทว่าข้างสนามกลับมีข่าวไม่รื่นหู ระหว่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ กับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคป้ายแดง รวมถึงเรื่องสัญญาของเจ้าตัวด้วยเช่นกัน

กระแสความไม่ลงรอยกันระหว่าง “ซิโก้” กับ “โค้ชเฮง” นั้นคงจะจบเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งคู่จับมือแสดงสปิริต เป็นการแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน ในตัวรุ่นพี่และรุ่นน้องทีมชาติไทย โดยมี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นสื่อกลางสานสัมพันธ์

ส่วนแฟนบอลใจเร็วเองก็ควรจะเก็บเก้าอี้ เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทีมคนนู้น ทีมคนนี้ หรือพูดเสียๆหายๆได้แล้วเช่นกัน จริงอยู่ที่ทั้งคู่อาจมีความเห็นที่ขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็มีเหตุผลในตัวเอง อาทิ การเก็บตัวทีมชาติ ที่ “ซิโก้” อยากไปเข้าแคมป์ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ประเทศอังกฤษ โดยเจ้าตัวเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ ซึ่งแนวทางนี้แน่นอนว่านักฟุตบอลเห็นชอบด้วยแน่นอน แต่ “โค้ชเฮง” ก็มองในอีกมุมหนึ่งว่ามันไม่คุ้ม ยิ่งในช่วงที่ตารางแข่งขันอัดแน่นแบบนี้ด้วยแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีใครผิดใครถูก แล้วแต่จะตัดสินใจกันในขั้นสุดท้าย

ถัดมาที่เรื่องสัญญาของ “ซิโก้” ที่ปัจจุบันเจ้าตัวยอมรับว่ายังไม่มีการเซ็นลงนามแต่อย่างใด โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ซึ่งมีพรายแอบกระซิบกระซาบกันว่า ติดขัดในเรื่องระยะเวลาของสัญญา ส่วนค่าจ้างนั้นไร้ปัญหา เป็นที่ยอมรับได้ เพราะอยู่ระดับเดียวกับที่โค้ชต่างชาติเคยได้รับ (เดากันว่าตกประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน บวกลบไม่เกิน 2 แสน เหมือนที่ วินฟรีด เชเฟอร์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ได้รับ)

สาเหตุนั้นคาดกันว่า กุนซือวัย 42 ปี ต้องการจรดปากกาเซ็นสัญญายาว 4 ปี แต่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องการเซ็นเพียง 2 ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ “โค้ชเฮง” ที่เตรียมให้สัญญาระยะสั้นกับโค้ชระดับเยาวชนทุกชุด ทั้ง ยู-16, ยู-19 และ ยู-21 ที่เซ็นกันคนละปีเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหากพูดกันตามเนื้อผ้า ผู้สันทัดกรณีหลายรายต่างมองในทางเดียวกันว่า “ซิโก้” ควรได้รับสัญญายาว 4 ปี เนื่องจากเจ้าตัวมีผลงานที่ชัดเจนจับต้องได้ ถือเป็นโค้ชไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานี้ แถมยังเป็นผู้เข้ามาวางระบบและเลือกใช้นักเตะรุ่นใหม่ที่ตนไว้วางใจ ตั้งแต่ ซีเกมส์ 2013 จนต่อยอดความสำเร็จเรื่อยมาถึงทุกวันนี้ หากสามารถผ่านรอบ 12 ทีมคัดบอลโลกได้ก็จะเป็นโปรไฟล์สุดหรูของเจ้าตัว

หรือถ้าต้องจอดป้ายก็ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะนั่นก็เหมาะสมแล้วไม่ใช่หรือที่เจ้าตัวจะได้รับโอกาสให้นำประสบการณ์และบทเรียนสำคัญครั้งนี้ กลับไปแก้มืออีกครั้งใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่ง ณ เวลานั้นเหล่าขุนพลช้างศึกชุดนี้ ก็กำลังอยู่ในช่วงสุกงอม หรือช่วงพีคของชีวิตค้าแข้งพอดีเช่นกัน แล้วจะให้ใครอื่นเป็นคนนำทัพนอกจาก “ซิโก้” ที่คลุกคลีมาจนรู้ใจนักบอลทั้งทีม

ดังนั้นสัญญา 4 ปีจึงไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ในเมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ให้ “ซิโก้” เป็นผู้ร่วมวางแผนการทำงานของทัพ “ช้างศึก” จากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้า แล้วไฉนจะใจแคบไม่ให้เจ้าตัวได้ลงมือตามแผนงานที่ตนเป็นผู้ปูพรม


กำลังโหลดความคิดเห็น