ผู้จัดการรายวัน 360 - บรรยากาศวันสุดท้ายศึก “เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ 2016” ที่สนาม อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ถือว่าสุขเศร้าเคล้าน้ำตา เพราะทันทีที่วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย จบอันดับ 6 ด้วยความพ่ายแพ้แก่ จีน 0-3 เซต 23-25, 23-25, 12-25 “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้ประกาศอำลาตำแหน่ง พร้อมเตรียมย้ายสู่สถานีต่อไปคุมทีม ปักกิ่ง ออโตโมบิล เวิร์คส์ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ย้อนไปปี 2540 “โค้ชอ๊อต” เริ่มเข้ามารับบทบาทกุนซือลูกยางไทย โดยคุมทีมยุวชนหญิง ซึ่งปีนั้นไทยได้เป็นเจ้าภาพ และคว้าอันดับที่ 5 มาครอง ถัดมาเพียง 1 ปี ก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติชุดใหญ่ และสร้างประวัติศาสตร์พาทีมเข้าไปเล่นรายการเวิลด์แชมเปียนชิป ที่ประเทศญี่ปุ่น และพาทีมจบอันดับที่ 15
จากนั้นปี 2543 สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ประกาศให้ไทยเป็นทีมวอลเลย์บอลที่มีพัฒนาการยอดเยี่ยมเป็นอันดับที่ 2 ของโลก พาทีมหญิงชุดมหาวิทยาลัยโลก คว้าอันดับที่ 3 ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกที่จีน และพาทีมผ่านเข้าแข่งขัน รายการ เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ เป็น 1-8 ทีมได้สำเร็จ (ปีนั้น ใช้ระบบ 8 ทีม)
การยกระดับแบบก้าวกระโดดไม่หยุดแค่นั้น ภายใต้บังเหียน “โค้ชอ๊อต” ความสำเร็จไหลมาเทมาปี 2552 วอลเลย์บอลหญิงคว้าแชมป์ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 15 โดยการโค่นจีน ซึ่งอยู่ในอันดับ 4 ของโลกในขณะนั้นได้สำเร็จ, ปี 2554 พาทีมหญิงไทย คว้าอันดับ 6 เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และคว้าอันดับ 4 ในรายการชิงแชมป์เอเชีย, ปี 2555 พาทีมคว้าอันดับ 4 เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และคว้าอันดับ 1 ในรายการชิงแชมป์ เอเชียน คัพ
ปี 2556 พาทีมชาติไทย คว้าแชมป์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2013 โดยการชนะทีมชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นทีมอันดับ 3 ของโลก และเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกครั้งที่ 30 กระทั่งพาทีมจบอันดับที่ 6 ในเวิลด์กรังซ์ปรีซ์ 2016 ที่ประเทศไทย
โดย กุนซือลูกยางวัย 50 ปี เผยก่อนอำลา ว่า “ขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทยที่คอยให้กำลังใจมาตลอดการใช้ชีวิตในวงการลูกยาง สิ่งที่ผมอยากขอบคุณมากที่สุด คือ คุณพ่อ ที่สนับสนุนให้เล่นกีฬาวอลเลย์บอลตั้งแต่เด็ก รวมทั้งสนับสนุนให้เป็นโค้ช ส่วนตัวรู้สึกโชคดีที่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ และทำงานร่วมกับนักกีฬาด้วยความรัก ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้รวมกว่า 20 ปี ผมได้ฝึกสอนนักกีฬามา 5 รุ่น ทำให้เห็นความพัฒนาของทีม และดาวรุ่งใหม่ ๆ ในปัจจุบัน สามารถขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ได้ ซึ่งทำให้หายห่วงในการตัดสินใจอำลาทีม”
ทั้งนี้ “โค้ชอ๊อต” ยอมรับว่า สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจอำลาทีมชาติ เป็นเพราะต้องการย้ายไปอยู่ที่จีนกับ เฝิง คุน ภรรยา รวมทั้งคุมทีม ปักกิ่ง ออโตโมบิล เวิร์คส์ อย่างเต็มที่ “ผมเชื่อว่าในอนาคต 3 - 4 ปีต่อจากนี้ ทีมจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาทุกคนมีความพากเพียรในการฝึกซ้อม ทำให้ประสบความสำเร็จ ต่างจากตอนแรกที่ไม่มีใครรู้จักกีฬาวอลเลย์บอล แต่ตอนนี้สามารถขึ้นมาเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทยได้”
“สำหรับหน้าที่สุดท้ายของการเป็นโค้ช คือ อยากจะฝากให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้ดี นำความรู้ความสามารถของตนเองออกมาใช้ ส่วนตัวผมเองตลอดชีวิตการเป็นโค้ชประทับใจในเวลาที่เราทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ แต่ทุกคนไม่ทิ้งกัน คอยให้กำลังใจกัน เพราะการแข่งขันกีฬามีทั้งแพ้และชนะ แต่ทุกคนรวมใจทำอย่างเต็มที่ ไม่เคยต้องเสียดายทีหลังในการทำหน้าที่รับใช้ประเทศไทย”
“หลังจากนี้ ผมจะเดินทางไปอยู่ที่จีน เพื่อทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนที่นั่น ซึ่งเซ็นสัญญาไว้ 3 ปี รวมทั้งอาศัยอยู่กับครอบครัว ทำให้ไม่สามารถแบ่งเวลามาคุมทีมชาติไทยได้ แต่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่าง ๆ ก็อาจจะกลับมานั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมชาติไทย หากทีมต้องการ ส่วนตัวยืนยันว่าจะกลับมาเยี่ยมทีมเสมอไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน” กุนซือลูกยางไทย กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ วรรณา บัวแก้ว ก็ประกาศอำลาทีมชาติ หลังรับใช้มานาน 16 ปี เช่นกัน โดยเจ้าตัวยกล่าวว่าจากนี้จะเข้ามาทำหน้าที่อื่นในสมาคมฯ “รู้สึกดีใจที่ได้ลงเล่นวันนี้ เพราะตั้งใจฝากฝีไม้ลายมือไว้ให้แฟน ๆ จดจำ ซึ่งอยากขอบคุณสมาคมที่ให้โอกาสเด็กบ้านนอกคนนึง ได้มาทำหน้าที่ในสนาม ได้เดินตามความฝันของตัวเองมาอย่างยาวนาน ถึงจะเลิกเล่นก็ยังไม่ไปไหน เพราะคุยกับผู้ใหญ่ในสมาคมแล้วว่าจะมาช่วยงาน แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าให้ทำหน้าที่อะไร ก็ยังอยู่กับคนไทยต่อไปอีกนาน เพียงแต่เปลี่ยนบทบาทเท่านั้น
ด้าน “กิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงษ์ อดีตกัปตันตบสาวไทย ได้เป็นตัวแทนทีมวอลเลย์บอล กล่าวขอบคุณ “โค้ชอ๊อต” ที่ช่วยพัฒนาทีมชาติไทยตั้งแต่ศูนย์ จากที่ไม่มีใครรู้จัก รวมทั้งสัญญาว่าจะขอสานต่อความตั้งใจของโค้ช และโค้ชจะอยู่ในใจทุกครั้งที่ลงสนาม ขอให้ทุกคนให้กำลังใจทีมวอลเลย์บอลไทยต่อไป
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *