xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจแถว “จอมเตะไทย” หักต้นตำรับที่ “อินชอน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สริตา ผ่องศรี หวังป้องแชมป์อีกสมัย
ASTV ผู้จัดการรายวัน – ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการแข่งขันกีฬา เอเชียน เกมส์ 2014 หรือ “อินชอน เกมส์” ที่เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งทัพนักกีฬาไทยแต่ละประเภท ต่างกำลังเร่งฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมเพื่อคว้าเหรียญรางวัลกลับมาให้คนไทยได้ชื่นชม เช่นเดียวกับทัพความหวังอย่างเทควันโดไทย ที่เคยผงาดคว้ามาได้ 2 เหรียญทอง, 2 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

แม้ว่า “บิ๊กเอ” นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย จะออกตัวไว้ก่อนแล้ว่ามีเป้าหมายเพียงแค่ 1 เหรียญทองเท่านั้นในการบุกแดนกิมจิครั้งนี้ ทว่าเมื่อพิจารณาจากหน้าเสื่อ และความพร้อมนักกีฬาไทยหลายรายก็ยังมีลุ้นในการลงชิงชัยรายการนี้

โดยในศึกอินชอนเกมส์ครั้งนี้ มีการนำเกราะไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งต่างจากเอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้ว โดย “หยิน” สริตา ผ่องศรี เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 เปิดเผยถึงการกลับมาป้องกันแชมป์ในครั้งนี้ว่า “ในช่วงการแข่งขัน 1 ปีที่ผ่านมา หลายรายการจะนำเกราะไฟฟ้ามาใช้ และเราได้ฝึกซ้อมเพื่อทำความคุ้นเคยมาพอสมควร ซึ่ง โค้ชเช ยองซอก ได้ปรับสไตล์การฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับทุกคน แต่ยังดึงจุดเด่นในเรื่องการชก และการเตะของหยินออกมา รวมทั้งสอนวิธีคิดกรณีที่เราเป็นฝ่ายทำคะแนนตามหลังแต่เวลาใกล้จะหมด สิ่งที่ต้องทำให้เร็วที่สุด คือ เตะหัวเพื่อให้ได้คะแนน และเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ โค้ชจะบอกเสมอว่าเกาหลีใต้ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวของเรา เพื่อให้เรามองข้ามแรงกดดันต่างๆ หากต้องดวลกับเจ้าภาพในเอเชียนเกมส์”

นอกจากนี้ จอมเตะสาว วัย 23 ปี ยังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันแชมป์ในรุ่นไม่เกิน 54 กก. ไว้ได้ “ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนไว้ให้คู่ต่อสู้เข้าทำลายทั้งสิ้น ซึ่งหยินเองไม่ถนัดเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้การถีบเป็นหลักเพราะทำให้ตั้งตัวยาก แต่โค้ชได้แนะวิธีแก้เกมโดยการถีบตัดทันทีเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามตั้งท่า และใช้จังหวะชกเพื่อทำคะแนน เชื่อว่าด้วยเทคนิคดังกล่าวจะทำให้คู่แข่งไม่สามารถเก็บคะแนนจากเราไปได้ หากทำได้ตามคำแนะนำข้างต้นเชื่อว่าจะได้เหรียญกลับมาฝากคนไทยแน่นอน”

ขณะที่อีกหนึ่งเจ้าของเหรียญทอง รุ่น 57 กก. ชาย อย่าง “เจ้าแมกซ์” ชัชวาล ขาวละออ ที่ปัจจุบันผันตัวเองไปเป็นผู้ช่วยสตาฟฟ์โค้ชเทควันโดทีมชาติไทย ทำให้หมดโอกาสไปป้องกันแชมป์อีกสมัย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีตัวแทนอย่าง “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะวัย 18 ปีที่มีดีกรีเหรียญทอง เอเชียนยูธเกมส์ 2013, เหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 27 และแชมป์โคเรียล โอเพน 2013 มาการันตีว่ามีดีพอที่จะรักษาแชมป์ไว้ให้รุ่นพี่ได้อย่างแน่นอน “ส่วนตัวรู้จักกับพี่แมกซ์มาก่อนติดทีมชาติ โดยเจอกันตามสนามแข่งขันต่างๆ ซึ่งรุ่นพี่มักเอ่ยปากถามว่าเราอยากติดทีมชาติหรือไม่ คงเพราะเห็นฟอร์มการเล่นของเรามาตลอด จึงคอยแนะนำให้ตั้งใจฝึกซ้อมเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2012 สมาคมได้เปิดคัดเลือกนักกีฬาเข้าสู่ทีมชาติเพื่อไปแข่งขันชิงแชมป์โลก ซึ่งผมทำได้สำเร็จและได้พี่แมกซ์คอยสอนเทคนิคการเตะท่าสวิง ซึ่งเป็นการหมุนตัวเตะเข้าที่หน้าของคู่แข่ง จะได้ 4 คะแนนสูงที่สุด โดยส่วนตัวทราบดีว่ารุ่นพี่เคยทำผลงานไว้ดีในรุ่นนี้ จึงตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ดีไม่ต่างจากเดิม”

ทั้งนี้ จอมเตะชุดเอเชียนเกมส์ของไทย ยังถือว่ามีนักกีฬาดาวรุ่งที่สามารถเป็นความหวังได้อีกหลายราย โดยเฉพาะ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวร่างโปร่งในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 44 กก. ที่พกความสูงมาถึง 172 ซม. ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าตัวจะสามารถคว้าเหรียญทองในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2014 และเหรียญทองยูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 มาครองได้อย่างง่ายดาย “ส่วนตัวแล้วท่าที่ได้เปรียบมากที่สุดคือการเตะหัว เนื่องจากคู่แข่งจะตัวเล็กกว่า ซึ่งในศึกเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ได้ดูข้อมูลของทุกชาติแล้ว จะมีเพียงเกาหลีใต้ที่ส่วนสูงใกล้เคียงกัน ส่วนชาติอื่นๆ เราจะยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ที่ค่อนข้างน้อย แต่การออกอาวุธให้เร็วเพื่อหวังทำคะแนนให้ห่าง เชื่อว่าจะเป็นการกดดันคู่แข่ง และทำให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด”

อีก 2 ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง อย่าง “เจ้าต้อ” พีระเทพ ศิลาอ่อน ที่ประกาศผลงานให้กองเชียร์ชาวไทยรู้จักด้วยการคว้าเหรียญทองจากรุ่น ไม่เกิน 74 กก. ในการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศพม่า รวมทั้งหยิบ 1 เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชียครั้งล่าสุดให้กับทัพไทย และดาวรุ่งหน้าหล่อ “เจ้าฟ้อน” อัครินทร์ กิจวิจารณ์ เจ้าของเหรียญเงินชิงแชมป์เอเชีย รุ่น 63 กก. ที่เจ้าตัวเผยว่ามีทีเด็ดอยู่ที่ช่วง 30 วินาทีสุดท้าย ก็มีความหวังในการคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งได้เช่นกัน

มาถึงบรรดารุ่นพี่จอมเก๋า ดูเหมือนจะเผชิญปัญหาใหญ่เมื่อ “เล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ ฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2012 เพิ่งได้รับบาดเจ็บต้องผ่าตัดเข่าและพักฟื้นนานกว่า 2 เดือน แม้ล่าสุดจะสามารถกลับมาซ้อมร่วมกับทีมได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถซ้อมได้อย่างเต็มที่ในการยกขาเตะ ยังต้องรอลุ้นว่าอีก 1 เดือนที่เหลือจะสามารถเรียกความฟิตกลับมาทันหรือไม่ ขณะที่ “ไอ” เป็นเอก การะเกตุ เจ้าของเหรียญเงินในกวางโจวเกมส์ เปิดเผยถึงการกลับมาทวงเหรียญในครั้งนี้ว่า “ในเอเชียนเกมส์เกมส์ครั้งนี้ ไม่ได้รู้สึกกดดันมากนัก เพราะที่ผ่านมาต้องแบกความหวังโดยตลอด แต่ครั้งนี้เป็นงานยาก เพราะมีการนำเกราะไฟฟ้าเข้ามาใช้ทำให้ได้คะแนนง่ายขึ้น ค่าเฉลี่ยส่วนสูงของนักเทควันโดในรุ่นนี้จะอยู่ที่ 180 ซม. ขึ้นไป ซึ่งผมสูงเพียง 171 ซม. ทำให้ค่อนข้างเสียเปรียบ แต่ตั้งเป้าจะคว้าเหรียญทองแดงปิดฉากเอเชียนเกมส์ครั้งสุดท้ายของตัวเองให้ได้”

ถึงแม้ว่าการทำศึกในดินแดนของต้นตำรับเทควันโด จะเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก แต่เชื่อเถอะว่าประสบการณ์การเป็นโค้ชมากว่า 10 ปีในไทย ของกุนซือเกาหลีใต้ที่ชื่อ เช ยอง ซอกจะทำให้จอมเตะไทยสร้างความตกตะลึงให้ชาติต้นตำรับต้นตำหรับอย่าง เกาหลีใต้ ได้สั่นสะท้านแน่นอน

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


รามณรงค์ เสวกวิหารี ตัวแทน “เจ้าแมกซ์”
ชนาธิป ซ้อนขำ ยังไม่ฟิต
เป็นเอก การะเกตุ หวังคว้าทองแดงทิ้งทวน
กำลังโหลดความคิดเห็น