xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตจอมเตะไทย บันไดแรกทอง “อชก.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทัพเทควันโดไทยชุดลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย
ASTVผู้จัดการรายวัน - ทัพเทควันโดทีมชาติไทย สร้างชื่อกระหึ่ม หลังจาก “น้องนิด” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ลงแข่งขันในประเภทประชาชนเป็นครั้งแรก ก็สามารถผงาดคว้าทองศึกชิงแชมป์เอเชีย 2014 ที่ประเทศอุซเบกิสถาน มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมส่งให้เจ้าตัวก้าวถึงเป้าหมายต่อๆ ไปทั้งการลุ้นซิวเหรียญทองในศึก เอเชียน เกมส์ 2014 ที่อินชอน เกาหลีใต้ รวมถึงสร้างประวัติศาสตร์ตะลุย โอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ให้จงได้

แม้ “โค้ชเช” เช ยอง ซุก จะถ่อมตนยังไม่คิดว่าจอมเตะไทยสายเลือดใหม่รายนี้จะสามารถประกาศศักดาเป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย แต่ผลงานอันเข้าตาที่สามารถล้มนักกีฬาจากอุซเบกิสถาน, คาซัคสถาน, อิหร่าน และ เวียดนาม กรุยทางขึ้นไปโค่น ฮาไนนี ฮาเก จากอินโดนีเซียไปในรองชิงชนะเลิศ 4-0 คะแนน คว้าเหรียญทองให้นักเทควันโดไทยทำให้ความคาดหวังจากแฟนๆ สูงขึ้นเป็นลำดับ

พร้อมกันนี้ กุนซือชาวกิมจิยังเผยถึงแผนและเป้าหมายต่อไปว่า “ผมจะปล่อยให้ทุกคนได้พักผ่อน ก่อนที่จะเรียกตัวกลับมาซ้อมที่การกีฬาแห่งประเทศไทยทันที เพื่อภารกิจใหญ่ต่อไปที่รออยู่ทั้งศึกเอเชียนเกมส์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากการแข่งขันปีที่แล้วเราสามารถคว้าได้ 2 ทอง 2 เงิน 4 ทองแดง ผมตั้งใจว่าปีนี้จะทำผลงานให้ดีขึ้น เพราะมีนักเทควันโดสายเลือดใหม่เข้ามาหลายคน ประกอบกับการเปลี่ยนมาใช้เกราะไฟฟ้า ทำให้ทุกชาติต้องเริ่มต้นกันใหม่ ยกเว้นแต่เจ้าภาพเกาหลีใต้ ที่นอกจากจะเป็นต้นตำรับเทควันโดแล้ว ยังมีความคุ้นเคยกับเกราะไฟฟ้ามากที่สุด เพราะมีการผลิตมาจากที่นี่”

“ส่วนเป้าหมายใหญ่ถัดไป ต้องการเพิ่มโควตานักกีฬาโอลิมปิกให้ได้มากกว่าปี 2012 ซึ่งเรามีนักกีฬาเข้าร่วมเพียง 3 คน คือ เป็นเอก การะเกตุ, ชนาธิป ซ้อนขำ และ รังสิยา นิสัยสม โดยคว้ามาได้เพียง 1 เหรียญทองแดง จาก “เล็ก” ชนาธิป ทั้งนี้ นักกีฬาที่จะสามารถเข้าไปแข่งขันโอลิมปิกได้ จะต้องมีคะแนนสะสมอยู่ในอันดับ 6 โลก ซึ่งผมยอมรับว่า อยากพาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองให้ได้ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยประสบความสำเร็จในโอลิมปิกมาก่อน” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยกล่าวต่อ

นอกจากนี้ กุนซือสัญชาติเกาหลีใต้ ยังได้เปิดเผยถึงการเพิ่มโปรแกรมฝึกซ้อมให้มากขึ้น ชนิดที่ว่ายิ่งใกล้แข่ง ยิ่งไม่ต้องพักกันเลย “ตอนนี้แผนการฝึกซ้อม โดยเรามีการฝึกซ้อม 2 ช่วง คือช่วงเช้าจะเน้นการสร้างกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ 6.00-8.00 น. ส่วนในช่วงเย็น เวลา 17.00-20.00 น. จะเป็นการฝึกเทคนิคต่างๆ โดยจะฝึกซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ แต่หากช่วงไหนมีการเตรียมตัวเพื่อไปแข่งขัน จะเพิ่มการซ้อมเป็น 3 ช่วง และซ้อมทุกวันไม่มีวันหยุด เพื่อให้ได้นักกีฬาที่มีคุณภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ในการไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ให้จงได้”

ขณะที่ “น้องนิด” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ กล่าวถึงการปรากฏตัวครั้งแรกในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เจ้าตัวสามารถคว้าเหรียญเงินมาครอง ก่อนที่จะก้าวกระโดดมาคว้าเหรียญทองได้ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ว่าเป็นเพราะยึดพี่ชายเป็นแบบอย่าง "นิดเริ่มเล่นเทควันโดตามพี่ชาย แต่ว่าพี่ไม่ได้ติดทีมชาติ และปัจจุบันพี่ได้เลิกเล่นเทควันโดไปแล้ว เนื่องจากไปทำงานด้านอื่น แต่ก็ยังช่วยสอนและแนะนำเทคนิคให้บ้างในบางครั้ง”

ด้วยรูปร่างที่พกความสูงมาถึง 172 ซม. แต่แข่งในรุ่นเล็กที่สุดคือ 46 กก. ทำให้จอมเตะสาวรายนี้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ในเรื่องการใช้ขามากที่สุด “โค้ชเช จะเน้นให้นิดใช้ลูกถีบเป็นท่าไม้ตาย เพราะว่าได้เปรียบในเรื่องส่วนสูง และด้วยการเปลี่ยนมาใช้เกราะไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องออกแรงในการเตะมากนัก แค่โดนเซ็นเซอร์ก็จะได้คะแนน ทำให้เหนื่อยน้อยลง และด้วยการที่คว้าเหรียญทองมาได้ในศึกชิงแชมป์เอเชีย จะทำให้มีโอกาสไปแข่งรายการเอเชียนเกมส์ ซึ่งนิดจะตั้งใจฝึกซ้อม และศึกษาคู่ต่อสู้อย่างเกาหลีใต้ให้ดี เพราะในรุ่นนี้มีเพียงเจ้าภาพที่น่ากลัวที่สุด” จอมเตะสาววัย 17 ปีกล่าว

ทางด้านของ “เจ้าฟอนต์” อัครินทร์ กิจวิจารณ์ ดาวรุ่งไฟแรงจากอ่างทอง ที่เริ่มก้าวเข้าสู่วงการจอมเตะไทยตั้งแต่ปี 2553 โดยมีตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยเป็นเครื่องการันตีความสามารถ และสำหรับการมีรายชื่อติดในโผทีมชาติชุดใหญ่ ได้เพียง 1 ปี เจ้าตัวก็สามารถคว้าเหรียญเงินในศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่พลาดท่าให้กับจอมเตะแดนโสมขาวไป 4-15 คะแนน ทำให้จอมเตะวัย 19 ปีเตรียมเร่งทำการบ้านเพื่อโค่นเจ้าภาพในเอเชียนเกมส์ให้ได้

“คู่แข่ง ลี แด ฮุน จะได้เปรียบในเรื่องความเร็ว ทำให้ทราบว่าเกาหลีใต้มีการฟิตร่างกายมาเป็นอย่างดี และจะเหนื่อยช้า โดยจากนี้ผมจะฝึกการถีบ, เตะขาหน้า และเตะหัว ให้มากขึ้นเพราะเป็นท่าที่ได้คะแนนสูง และจะออกกำลังกายให้มากขึ้น โดยการเล่นเวต เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการคว้าเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ให้ได้”

ปิดท้ายที่เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 “หยิน” สริตา ผ่องศรี ที่เริ่มเล่นเทควันโดตั้งแต่ ป.1 ที่บัญชายิม โดยมี อ.บัญชา บุญตานนท์ คอยปลุกปั้นฝีมือตั้งแต่ในระดับเยาวชน โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า รอเวลาในการป้องกันแชมป์มากว่า 2 ปีเต็ม “ก่อนไปแข่งขันที่กวางโจวเกมส์ ใช้เวลาฝึกซ้อมวันละ 3 เวลา คือ 06.00-08.00, 15.00-18.00 และ 20.00-21.30 น. ซึ่งไม่มีวันหยุด จนทำให้ประสบความสำเร็จกลับมา แต่ในปีนี้นอกจากจะตั้งใจฝึกซ้อมให้หนักกว่าเดิมแล้ว ยังจะเพิ่มท่าไม้ตายให้ตัวเองด้วย จากเดิมที่ถนัดในเรื่องถีบกับเตะหัว จะเพิ่มการชก และเตะขาหน้าเข้าไปด้วย เพื่อให้คู่แข่งจำรูปแบบการเล่นของเราไม่ได้ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่ต่างก็ต้องจับตามาที่เราอย่างแน่นอน เพราะต่างก็ต้องการแชมป์”

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าทองครั้งแรกระดับประชาชน
โค้ชเช ยอง ซุก ติวเข้มเรื่องเกราะไฟฟ้า
สริตา ผ่องศรี เจ้าของเหรียญทองกวางโจวเกมส์
กำลังโหลดความคิดเห็น