คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ตลาดซื้อ-ขาย นักเตะ โตโยต้า ไทย ลีก เลกสอง ฤดูกาล 2016 เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่หลายทีมมีทีท่าจะปิดอู่แล้ว ฉบับนี้จึงอาสาพาไปรู้จัก 4 แข้งต่างชาติที่อิมพอร์ตจากต่างแดน และเป็นที่น่าจับตามองมาให้ได้รู้จักกัน
บรูโน โมไรรา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) : ไม่ต้องแปลกใจหากศูนย์หน้าชาวโปรตุกีสรายนี้ จะขึ้นแท่นนักเตะที่น่าจับตามองของทุกสำนัก เนื่องด้วยโปรไฟล์สุดหรูที่หอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนฝอยทองแล้ว เจ้าของสถิติทำ 24 ประตู จาก 53 นัด ให้กับ ปากอส แฟร์โรรา ทีมในลีกสูงสุดของโปรตุเกส ยังต้องแบกภาระและความกดดันอันใหญ่หลวง ในการล่าประตูให้ต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์กลับมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่ “ปราสาทสายฟ้า” ขาย กิลแบร์โต มาเชนา หอกบราซิเลียน ที่ระเบิดตาข่ายไป 21 ประตู เมื่อฤดูกาลที่แล้วออกไป มือปืนรายใหม่ที่ตบเท้าเข้ามายังถิ่น ไอ-โมบาย สเตเดียม ยังไม่มีรายใดที่ฝากผีฝากไข้ได้สักรายยามที่ ศูนย์หน้าหมายเลข 1 อย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ไม่พร้อมลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น คิม เซือง ยอง กับ เวสลีย์ เฟย์โตซา ที่ถูกตัดชื่อออกในเลกสอง ตลอดจน เอมิเลียโน อัลฟาโร และ ดานิโล คิริโน ที่ได้สัมผัสเกมนับนาทีได้ ไม่เว้นแม้แต่ ไคโอะ เฟลิเป ที่มีชื่อได้ไปต่อ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น บรูโน วัย 28 ปี ต้องรีดพิษสงที่มีออกมาช่วยทีมให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องระเห็จก่อนจบปีเหมือนหลายรายที่ผ่านมาก็เป็นได้
ซูมาโฮโร ยาย่า (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) : เทพเจ้าของชาว “กิเลนผยอง” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่าเป็นนักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดในไทยลีก จากการร่ายเวทมนต์พา เอสซีจี เมืองทองฯ คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2008 ต่อด้วยพาทีมเถลิงบัลลังก์ลีกสูงสุดครั้งแรกในฤดูกาล 2009 ก่อนจะย้ายทีมด้วยค่าตัวสถิติเมืองไทยในเวลานั้นที่ 20 ล้านบาท ไปโลดแล่นบนแผ่นดินยุโรปกับ เกนท์ ทีมดังลีกเบลเยียม และผ่านศึก ยูโรปา ลีก มาแล้ว
การหวนมาสวมเสื้อสีแดงเพลิงอีกคำรบ ในยุคสมัยที่ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ของบุรีรัมย์ สถาปนาตัวเองเป็นแข้งนอกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งไทยลีกขึ้นมา จึงเป็นบทพิสูจน์ชั้นดีว่า ปีกชาวไอวอรีโคสต์ รายดียังคงความเจ๋งอยู่หรือไม่ ซึ่งทั้งคู่มีเวลาโชว์ออฟเท่ากันที่ครึ่งซีซัน เพียงแต่แฟนคลับแข้งนิลกาฬยังต้องลุ้นอยู่ว่าเจ้าตัวจะพร้อมประเดิมสนามนัดไหน
เกอร์มัน ปาเชโก (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) : กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ เป็นเด็กปั้นของ แอตเลติโก มาดริด ทีมดังในสเปน แต่ไม่สามารถเบียดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ก่อนจะพเนจรไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ราโย บาเยกาโน (สเปน), อินดิเพนเดนเต (อาร์เจนตินา), เอฟซี คาร์ปาตี (ยูเครน), ยูเนียน โคเมอร์ซิโอ (เปรู) และล่าสุดกับ ปาหัง ใน เอ็ม-ลีก มาเลเซีย ก่อนย้ายมาร่วมทัพ “ราชันมังกร” แม้จะดูล่องลอย แต่สิ่งที่ทำให้ต้องจับตาหอกวัย 25 ปีรายนี้ ก็เพราะว่า ปาเชโก อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นมือสังหารเบอร์ 1 ประจำ มิตรผล สเตเดียม แทนที่ แฮร์เบตี แฟร์นานเดส ศูนย์หน้าตัวเก่งชาวบราซิล ที่ตกเป็นข่าวว่ามีทีมดังในเอเชียเตรียมทุ่มงบมหาศาลคว้าเจ้าตัวไปร่วมทีม
มาร์ค บริดจ์ (เชียงราย ยูไนเต็ด) : “กว่างโซ้งมหาภัย” เสริมผู้เล่นไทยมากดีกรีเข้ารังหลายรายในเลกสอง แต่ในโควตาต่างชาตินั้น นอกจาก ลาซาลัส คาอิมบี ที่ดึงมาจาก บางกอกกล๊าส เอฟซี แล้ว ยังอิมพอร์ต มาร์ค บริดจ์ แนวรุกทีมชาติออสเตรเลีย จาก เวสเทิร์น ซิดนีย์ วันเดอร์เรอร์ส มาร่วมทัพอีกราย ซึ่งแข้งวัย 30 ปีรายนี้ พกความเก๋ามาเต็มกระเป๋า ทำไป 25 ประตู จาก 95 เกม ให้อดีตต้นสังกัดแดนจิงโจ้ ดังนั้นเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่มี บริดจ์ จะเข้ามาประคองเหล่าแข้ง “ช้างศึก” ในทีมที่วัยกำลังห่ามได้เป็นอย่างดี
ตลาดซื้อ-ขาย นักเตะ โตโยต้า ไทย ลีก เลกสอง ฤดูกาล 2016 เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่หลายทีมมีทีท่าจะปิดอู่แล้ว ฉบับนี้จึงอาสาพาไปรู้จัก 4 แข้งต่างชาติที่อิมพอร์ตจากต่างแดน และเป็นที่น่าจับตามองมาให้ได้รู้จักกัน
บรูโน โมไรรา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) : ไม่ต้องแปลกใจหากศูนย์หน้าชาวโปรตุกีสรายนี้ จะขึ้นแท่นนักเตะที่น่าจับตามองของทุกสำนัก เนื่องด้วยโปรไฟล์สุดหรูที่หอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนฝอยทองแล้ว เจ้าของสถิติทำ 24 ประตู จาก 53 นัด ให้กับ ปากอส แฟร์โรรา ทีมในลีกสูงสุดของโปรตุเกส ยังต้องแบกภาระและความกดดันอันใหญ่หลวง ในการล่าประตูให้ต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์กลับมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่ “ปราสาทสายฟ้า” ขาย กิลแบร์โต มาเชนา หอกบราซิเลียน ที่ระเบิดตาข่ายไป 21 ประตู เมื่อฤดูกาลที่แล้วออกไป มือปืนรายใหม่ที่ตบเท้าเข้ามายังถิ่น ไอ-โมบาย สเตเดียม ยังไม่มีรายใดที่ฝากผีฝากไข้ได้สักรายยามที่ ศูนย์หน้าหมายเลข 1 อย่าง ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ไม่พร้อมลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น คิม เซือง ยอง กับ เวสลีย์ เฟย์โตซา ที่ถูกตัดชื่อออกในเลกสอง ตลอดจน เอมิเลียโน อัลฟาโร และ ดานิโล คิริโน ที่ได้สัมผัสเกมนับนาทีได้ ไม่เว้นแม้แต่ ไคโอะ เฟลิเป ที่มีชื่อได้ไปต่อ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น บรูโน วัย 28 ปี ต้องรีดพิษสงที่มีออกมาช่วยทีมให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องระเห็จก่อนจบปีเหมือนหลายรายที่ผ่านมาก็เป็นได้
ซูมาโฮโร ยาย่า (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) : เทพเจ้าของชาว “กิเลนผยอง” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกขนานนามว่าเป็นนักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดในไทยลีก จากการร่ายเวทมนต์พา เอสซีจี เมืองทองฯ คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2008 ต่อด้วยพาทีมเถลิงบัลลังก์ลีกสูงสุดครั้งแรกในฤดูกาล 2009 ก่อนจะย้ายทีมด้วยค่าตัวสถิติเมืองไทยในเวลานั้นที่ 20 ล้านบาท ไปโลดแล่นบนแผ่นดินยุโรปกับ เกนท์ ทีมดังลีกเบลเยียม และผ่านศึก ยูโรปา ลีก มาแล้ว
การหวนมาสวมเสื้อสีแดงเพลิงอีกคำรบ ในยุคสมัยที่ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ของบุรีรัมย์ สถาปนาตัวเองเป็นแข้งนอกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งไทยลีกขึ้นมา จึงเป็นบทพิสูจน์ชั้นดีว่า ปีกชาวไอวอรีโคสต์ รายดียังคงความเจ๋งอยู่หรือไม่ ซึ่งทั้งคู่มีเวลาโชว์ออฟเท่ากันที่ครึ่งซีซัน เพียงแต่แฟนคลับแข้งนิลกาฬยังต้องลุ้นอยู่ว่าเจ้าตัวจะพร้อมประเดิมสนามนัดไหน
เกอร์มัน ปาเชโก (ราชบุรี มิตรผล เอฟซี) : กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ เป็นเด็กปั้นของ แอตเลติโก มาดริด ทีมดังในสเปน แต่ไม่สามารถเบียดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ก่อนจะพเนจรไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ราโย บาเยกาโน (สเปน), อินดิเพนเดนเต (อาร์เจนตินา), เอฟซี คาร์ปาตี (ยูเครน), ยูเนียน โคเมอร์ซิโอ (เปรู) และล่าสุดกับ ปาหัง ใน เอ็ม-ลีก มาเลเซีย ก่อนย้ายมาร่วมทัพ “ราชันมังกร” แม้จะดูล่องลอย แต่สิ่งที่ทำให้ต้องจับตาหอกวัย 25 ปีรายนี้ ก็เพราะว่า ปาเชโก อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นมือสังหารเบอร์ 1 ประจำ มิตรผล สเตเดียม แทนที่ แฮร์เบตี แฟร์นานเดส ศูนย์หน้าตัวเก่งชาวบราซิล ที่ตกเป็นข่าวว่ามีทีมดังในเอเชียเตรียมทุ่มงบมหาศาลคว้าเจ้าตัวไปร่วมทีม
มาร์ค บริดจ์ (เชียงราย ยูไนเต็ด) : “กว่างโซ้งมหาภัย” เสริมผู้เล่นไทยมากดีกรีเข้ารังหลายรายในเลกสอง แต่ในโควตาต่างชาตินั้น นอกจาก ลาซาลัส คาอิมบี ที่ดึงมาจาก บางกอกกล๊าส เอฟซี แล้ว ยังอิมพอร์ต มาร์ค บริดจ์ แนวรุกทีมชาติออสเตรเลีย จาก เวสเทิร์น ซิดนีย์ วันเดอร์เรอร์ส มาร่วมทัพอีกราย ซึ่งแข้งวัย 30 ปีรายนี้ พกความเก๋ามาเต็มกระเป๋า ทำไป 25 ประตู จาก 95 เกม ให้อดีตต้นสังกัดแดนจิงโจ้ ดังนั้นเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่มี บริดจ์ จะเข้ามาประคองเหล่าแข้ง “ช้างศึก” ในทีมที่วัยกำลังห่ามได้เป็นอย่างดี