ผู้จัดการรายวัน 360 - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ไทยลีก 3 สมัยหลังสุด เปิดหัวฤดูกาล 2016 ได้อย่างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่ตกรอบตั้งแต่ไก่โห่ ด้วยผลงาน แพ้ 5 เสมอ 1 นัด ขณะที่ในศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ต้องตกเป็นผู้ไล่ล่าสถานการณ์ป้องกันแชมป์จึงลำบากขึ้นเป็นกอง
ซึ่ง บุรีรัมย์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นคือการดึง โจเซ อัลเวส บอร์จีส กุนซือมือเก๋าชาวบราซิล นั่งแท่นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชน พร้อมวางเป้าปั้นแข้งเด็กขึ้นชุดใหญ่ เพื่อกลับไปเขย่าบัลลังก์เอเชียอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อมีสายเลือดใหม่ ย่อมต้องมีการผลัดใบและจำต้องปลดระวางออกไปดังนี้
ไคโอะ เฟลิปเป - ศูนย์หน้าลูกครึ่งญี่ปุ่น-บราซิล ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก พร้อมความคาดหวังที่จะเข้ามาแทน กิลแบร์โต มาเชนา กองหน้าแซมบ้า ที่ยิงในลีกไป 21 ประตูเมื่อฤดกาลที่แล้ว แต่ถูกทีมปล่อยตัวออกไป อย่างไรก็ตามแข้งวัย 28 ปีรายนี้ กลับสอบตก ไม่สามารถทดแทนช่องว่างที่ขาดไปได้ โดยเฉพาะยามที่ต้นสังกัดไร้ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต หัวหอกตัวหลักที่บาดเจ็บยาว พร้อมส่งให้แนวรุกของ “ปราสาทสายฟ้า” มีผลงานที่ไม่เข้าฝัก 9 นัด ทำไปเพียง 17 ประตู น้อยที่สุดในบรรดาหัวตาราง ซึ่ง ไคโอะ ยังไม่สามารถเบิกสกอร์ในลีกได้แม้แต่ตุงเดียว ดังนั้นหากต้องการเกมรุกที่ดุดันกลับมา คงต้องหามือปืนรายใหม่ที่ไว้ใจได้มากกว่านี้
สุเชาว์ นุชนุม - “กัปตันกบ” รับใช้สโมสรมาแล้ว 6 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาก่อนหน้านี้ เจ้าตัวคือกำลังสำคัญที่คอยขับเคลื่อนแดนกลาง ช่วยทีมกวาดแชมป์มาแล้วนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ของสโมสร เปรียบเสมือนโลโก้ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทว่าปัจจุบันในวัยย่าง 33 ปี กำลังวังชาเริ่มถดถอย ไม่สามารถควบตะบึงเหมือนสมัยวัยรุ่นได้ โดยเฉพาะในเกม เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ที่ต้องเจอคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬ จึงมักเห็นว่าแดนกลางของ “ปราสาทสายฟ้า” แทบจะหายไปจากเกม ไม่มีการเซตบอลเติมเกมรุกงามๆ หรือลงมาช่วยเกมรับให้เห็น ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จำต้องปลดระวาง เปิดทางให้หน้าใหม่เข้ามามีบทบาทแทนที่ ไม่ต่างจากการที่ ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ตัดสินใจปล่อยตัว สตีเวนส์ เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม ออกไปในวัย 33 ปี
ชิติพัทธ์ แทนกลาง - ลูกหม้อของทีมที่ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่มาแล้ว 4 ฤดูกาล ทว่าปัจจุบันในวัย 24 ปี “เจ้าแบงค์” ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าตัวเองคือปราการหลังระดับท็อปของไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญพาต้นสังกัดทะยานสู่ท็อป 5 เอเชีย อย่างที่ตั้งเป้าไว้ และหลายครั้งยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น แถมล่าสุดยังเจ็บยาว จนภาระหนักหลังบ้านต้องตกไปอยู่ที่ อันเดรส ตูเนซ รายเดียว เนื่องจากดาวรุ่งอย่าง นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ และ นัสตพล มาลาพันธ์ ยังต้องรอเวลาบ่งเพาะฝีเท้าให้ได้ที่ จึงจำเป็นอย่างมากที่ “ปราสาทสายฟ้า” จะต้องหาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายใหม่ที่เชื่อมือและมีศักยภาพมากกว่านี้มาเคียงคู่แข้งทีมชาติเวเนซุเอลา
“สุรีย์-สุรัตน์” สุขะ - ไม่มีใครปฏิเสธว่าสมัยรุ่งๆฝาแฝดคู่นี้คือผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งของตนเองทั้งแบ๊กขวา และกองกลาง พร้อมก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญให้กับ บุรีรัมย์ อยู่หลายฤดูกาล ทว่าปัจจุบันในวัย 33 ปีของทั้งคู่เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงบั้นปลายอาชีพอย่างแท้จริง นอกจากพละกำลังที่ถดถอยลงแล้ว ความกระหายในเกมยังดูลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่แปลกกับความสำเร็จที่ได้รับมาจนถึงจุดอิ่มตัว หลายครั้งที่ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองแต่ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้กับรูปเกมแต่อย่างใด
อดุล หละโสะ - ย้ายข้ามห้วยจาก ชลบุรี เอฟซี มาร่วมทัพ “ปราสาทสายฟ้า” แบบเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ยังไม่เปิดฤดูกาล พร้อมแบกความคาดหวังขึ้นบ่าว่าจะเป็นผู้นำพาประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพมาให้กับทีม รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับแดนกลาง ทว่า อดุล ในวัย 29 ปี ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นออกมาให้แฟนคลับได้เห็น ซึ่งส่วนสำคัญอาจมาจากอาการบาดเจ็บหนักบริเวณหัวเข่าซ้ายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดก่อนย้ายมายังถิ่นอีสานใต้ จึงต้องเรียกความฟิตอยู่หลายเดือน และยังไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งสมฉายามิดฟิลด์พลังไดนาโมได้
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน - ยึดตำแหน่งนายด่านมือ 1 ประจำถิ่น ไอ-โมบาย สเตเดียม แบบไร้คู่แข่งมาหลายซีซัน แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับในมุมกว้างเท่าที่ควร ซึ่งในฤดูกาลนี้การเล่นที่ผิดฟอร์มของทีมจนโดนถลุงตาข่ายยับเยิน ศิวรักษ์ มีส่วนสำคัญที่จะต้องรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ลงเล่น 5 นัด โดนยิงไป 16 ปะตู ส่วนใน ไทย ลีก เฝ้าเสาไปแล้ว 9 นัด โดนไป 11 ประตู จึงเป็นคำถามสำคัญว่า “เจ้าแชมป์” ในวัย 32 ปี ควรจะมีคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกันก้าวขึ้นมากดดันหรือไม่
ถือเป็นสิ่งที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรถิ่น ไอโมบาย สเตเดียม ต้องเร่งตัดสินใจ เพราะตอนนี้ยืนอยู่บนทางแยกที่ถึงแม้ปีนี้บั้นปลายจะป้องกันแชมป์ลีกได้สำเร็จก็ไม่ใช่สิ่งที่หวังเนื่องจากในประเทศนั้นไม่มีอะไรให้พิสูจน์แล้ว ส่วนเป้าหมายจริงๆ คือถ้วยเอเชีย แต่ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นศักยภาพแล้วว่ายังไปไม่ถึง ดังนั้นจะทำอย่างไรทั้งเรื่องนักเตะและกุนซือเพื่อก้าวข้ามจุดนี้ให้ได้