คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
กว่าหลายๆ ท่านจะได้อ่านบทความนี้ เชื่อกันว่าก็คงจะทราบผลการแข่งขันเกมแรกของ ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบชิงแชมป์สายตะวันออก และ ตะวันตก เรียบร้อยแล้ว แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องดวลกันอีกฝั่งละ 3 เกม ตามระบบ 4 ใน 7 เกม เชื่อว่าคงต้องมีสายใดสายหนึ่งซัดกันยืดเยื้อแน่นอน เพราะที่ผ่านเข้ามาได้ก็ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้น
สำหรับฝั่งตะวันตก ระหว่าง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ชื่อนี้รับผระกันความสะใจแฟนๆ บาสเก็ตบอลอยู่แล้ว ทั้ง สตีเฟน เคอร๋รี กับ รัสเซลล์ เวสต์บรูก พอบอลถึงมือเมื่อไร ก็ตะบี้ตะบันเลี้ยงลุยด้วยความเร็วทันที ใครที่ไม่ชอบบาส แบบคร่ำครึ เซ็ตเพลย์ถ่ายบอลกันนานๆ คงได้อรรถรสอีกแบบ
ยอมรับว่าเหลือเชื่อที่ โกลเดน สเตท พลาดท่าเสียทีไปก่อนคาถิ่น โอราเคิล อารีนา ครั้งแรก แม้ว่าคู่แข่งจะเป็น ธันเดอร์ ดีกรีทีมวางอันดับ 3 ก็ตาม แต่เกมหน้าคงจะทวงคืนได้ เพื่อตามลุ้นกันแบบยาวๆ สัก 5-6 เกมก็พอ.
จุดที่น่าเป็นห่วงของ วอร์ริเออร์ส คงอยู่ที่ เคอร์รี ว่าจะฟิตจริง หรือถูกเข็นลงเพื่อเช็กบิล ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส กันแน่ แต่เท่าที่ดูจากเวลาลงสนาม 3 เกมล่าสุดราวๆ 38 นาที มองมุมโค้ช สตีฟ เคอร์ คงไม่กล้าเสี่ยง เนื่องจากซีรีส์เพลย์ออฟ ไม่ได้เล่นแบบน็อคเอาท์ ตอนนี้น่าจะหายห่วง เว้นแต่โชคร้าย
เควิน ดูแรนท์ ฟอร์เวิร์ด โอเคซี ก็ถือเป็นของแสลงเช่นกัน เจอกันมา 3 ครั้ง ช่วงเรกูลาร์ ซีซัน เจอกดเฉลี่ย 36.3 แต้ม ยิงฟิลด์โกล 52.9 เปอร์เซ็นต์ และ 3 คะแนน 47.6 เปอร์เซ็นต์ หากจะหาใครมาหยุด แฮร์ริสัน บาร์นส ก็ดูเชื่องช้าเกินไป เคลย์ ธอมป์สัน รูปร่างก็เสียเปรียบ เดรย์มอนด์ กรีน ก็มีงานล้นมือ แม้แต่ อังเดร อิกัวดาลา ที่เคยเล่นงาน เลอบรอน เจมส์ รอบชิงฯ ปีที่แล้ว ก็ยังลำบาก
ปัจจัยชี้ขาดซีรีส์นี้คงอยู่ เวสต์บรูก เนื่องจากสถิติ เรกูลาร์ ซีซันบันทึกว่า ปิดสกอร์ 25 แต้ม จากการชู้ต 25 ครั้งต่อเกม ฟิลด์โกล 34.7 เปอร์เซ็นต์ และ 3 คะแนน 16.7 เปอร์เซ็นต์ เสีย 4 เทิร์นโอเวอร์ต่อเกม ตามสไตล์ เจ้านินจาเต่า มักชอบฝืนลุยเดี่ยว หรือชู้ตเองมากกว่าถ่ายบอลให้เพื่อน ย่อมนำไปสู่เทิร์นโอเวอร์เอาง่ายๆ ต่างจาก เคอร์รี ที่ดูครบเครื่องกว่า ยิงแม่น , จ่ายดี แถมยังสตีลเก่ง
ข้ามมาฝั่งตะวันออก โตรอนโต แร็พเตอร์ส ใช่ว่าจะสู้ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ไม่ไหว สถิติเฮด-ทู-เฮด ช่วงฤดูกาลปกติ เป็นทีมจากแคนาดา ที่เหนือกว่า 2-1 นอกเหนือจาก คายล์ ลาวรี กับ เดอมาร์ เดอโรซาน คู่การ์ดดีกรี ออล-สตาร์ แถมบดกับ อินเดียนา เพเซอร์ส กับ ไมอามี ฮีต ถึงฏีกาทั้ง 2 ซีรีส์ ฝีมือถึงไม่เป็นรอง ถ้า แคฟส์ เล่น สมอลล์ บอล อาศัยความสดเร่งบดขยี้ ถ้าร่างกายฟื้นไม่ทัน ซีรีส์นี้คงไม่น่าถึงเกม 5
ความหวังเดียวของ “ไดโนเสาร์” ต้องฝากไว้กับ โจนาส วาลานซิอูนาส เซ็นเตอร์ชาวลิธัวเนีย ที่ดันมาบาดเจ็บข้อเท้า ไม่แน่ว่าเกม 2 จะกลับมาได้หรือเปล่า
รองแชมป์เก่า ได้ บิ๊กทรี ที่กำลังเข้าฝัก ความกระหายที่อยากลงสนาม หลังจากพักมานานก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่า พวกเขาไม่มีเซ็นเตอร์อาชีพ เพราะที่มีอยู่ก็แค่ ทิโมฟี มอซกอฟ เป็นใครน่ะหรือ? น่าจะสาบสูญตั้งแต่สิ้นยุค เดวิด แบล็ตต์ อดีตเฮดโค้ช แอนเดอร์สัน วาเรเจา ก็ปล่อยไปให้ วอร์ริเออร์ส แล้ว คงยากจะหาใครหยุด วาลานซิอูนาส เจ้าของสรีระ 7 ฟุต ที่น่าจะทับใส่ทั้ง ตริสตัน ธอมป์สัน (6 ฟุต 9 นิ้ว) หรือ เควิน เลิฟ (6 ฟุต 10 นิ้ว) แบบสบายๆ พอขาดไปแบบนี้ เห็นทีจะต้องบอกว่า หนทางของ คาวาเลียร์ ปูด้วยกลีบกุหลาบสู่รอบชิงฯ NBA
กว่าหลายๆ ท่านจะได้อ่านบทความนี้ เชื่อกันว่าก็คงจะทราบผลการแข่งขันเกมแรกของ ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบชิงแชมป์สายตะวันออก และ ตะวันตก เรียบร้อยแล้ว แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องดวลกันอีกฝั่งละ 3 เกม ตามระบบ 4 ใน 7 เกม เชื่อว่าคงต้องมีสายใดสายหนึ่งซัดกันยืดเยื้อแน่นอน เพราะที่ผ่านเข้ามาได้ก็ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้น
สำหรับฝั่งตะวันตก ระหว่าง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ ชื่อนี้รับผระกันความสะใจแฟนๆ บาสเก็ตบอลอยู่แล้ว ทั้ง สตีเฟน เคอร๋รี กับ รัสเซลล์ เวสต์บรูก พอบอลถึงมือเมื่อไร ก็ตะบี้ตะบันเลี้ยงลุยด้วยความเร็วทันที ใครที่ไม่ชอบบาส แบบคร่ำครึ เซ็ตเพลย์ถ่ายบอลกันนานๆ คงได้อรรถรสอีกแบบ
ยอมรับว่าเหลือเชื่อที่ โกลเดน สเตท พลาดท่าเสียทีไปก่อนคาถิ่น โอราเคิล อารีนา ครั้งแรก แม้ว่าคู่แข่งจะเป็น ธันเดอร์ ดีกรีทีมวางอันดับ 3 ก็ตาม แต่เกมหน้าคงจะทวงคืนได้ เพื่อตามลุ้นกันแบบยาวๆ สัก 5-6 เกมก็พอ.
จุดที่น่าเป็นห่วงของ วอร์ริเออร์ส คงอยู่ที่ เคอร์รี ว่าจะฟิตจริง หรือถูกเข็นลงเพื่อเช็กบิล ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส กันแน่ แต่เท่าที่ดูจากเวลาลงสนาม 3 เกมล่าสุดราวๆ 38 นาที มองมุมโค้ช สตีฟ เคอร์ คงไม่กล้าเสี่ยง เนื่องจากซีรีส์เพลย์ออฟ ไม่ได้เล่นแบบน็อคเอาท์ ตอนนี้น่าจะหายห่วง เว้นแต่โชคร้าย
เควิน ดูแรนท์ ฟอร์เวิร์ด โอเคซี ก็ถือเป็นของแสลงเช่นกัน เจอกันมา 3 ครั้ง ช่วงเรกูลาร์ ซีซัน เจอกดเฉลี่ย 36.3 แต้ม ยิงฟิลด์โกล 52.9 เปอร์เซ็นต์ และ 3 คะแนน 47.6 เปอร์เซ็นต์ หากจะหาใครมาหยุด แฮร์ริสัน บาร์นส ก็ดูเชื่องช้าเกินไป เคลย์ ธอมป์สัน รูปร่างก็เสียเปรียบ เดรย์มอนด์ กรีน ก็มีงานล้นมือ แม้แต่ อังเดร อิกัวดาลา ที่เคยเล่นงาน เลอบรอน เจมส์ รอบชิงฯ ปีที่แล้ว ก็ยังลำบาก
ปัจจัยชี้ขาดซีรีส์นี้คงอยู่ เวสต์บรูก เนื่องจากสถิติ เรกูลาร์ ซีซันบันทึกว่า ปิดสกอร์ 25 แต้ม จากการชู้ต 25 ครั้งต่อเกม ฟิลด์โกล 34.7 เปอร์เซ็นต์ และ 3 คะแนน 16.7 เปอร์เซ็นต์ เสีย 4 เทิร์นโอเวอร์ต่อเกม ตามสไตล์ เจ้านินจาเต่า มักชอบฝืนลุยเดี่ยว หรือชู้ตเองมากกว่าถ่ายบอลให้เพื่อน ย่อมนำไปสู่เทิร์นโอเวอร์เอาง่ายๆ ต่างจาก เคอร์รี ที่ดูครบเครื่องกว่า ยิงแม่น , จ่ายดี แถมยังสตีลเก่ง
ข้ามมาฝั่งตะวันออก โตรอนโต แร็พเตอร์ส ใช่ว่าจะสู้ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ไม่ไหว สถิติเฮด-ทู-เฮด ช่วงฤดูกาลปกติ เป็นทีมจากแคนาดา ที่เหนือกว่า 2-1 นอกเหนือจาก คายล์ ลาวรี กับ เดอมาร์ เดอโรซาน คู่การ์ดดีกรี ออล-สตาร์ แถมบดกับ อินเดียนา เพเซอร์ส กับ ไมอามี ฮีต ถึงฏีกาทั้ง 2 ซีรีส์ ฝีมือถึงไม่เป็นรอง ถ้า แคฟส์ เล่น สมอลล์ บอล อาศัยความสดเร่งบดขยี้ ถ้าร่างกายฟื้นไม่ทัน ซีรีส์นี้คงไม่น่าถึงเกม 5
ความหวังเดียวของ “ไดโนเสาร์” ต้องฝากไว้กับ โจนาส วาลานซิอูนาส เซ็นเตอร์ชาวลิธัวเนีย ที่ดันมาบาดเจ็บข้อเท้า ไม่แน่ว่าเกม 2 จะกลับมาได้หรือเปล่า
รองแชมป์เก่า ได้ บิ๊กทรี ที่กำลังเข้าฝัก ความกระหายที่อยากลงสนาม หลังจากพักมานานก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่า พวกเขาไม่มีเซ็นเตอร์อาชีพ เพราะที่มีอยู่ก็แค่ ทิโมฟี มอซกอฟ เป็นใครน่ะหรือ? น่าจะสาบสูญตั้งแต่สิ้นยุค เดวิด แบล็ตต์ อดีตเฮดโค้ช แอนเดอร์สัน วาเรเจา ก็ปล่อยไปให้ วอร์ริเออร์ส แล้ว คงยากจะหาใครหยุด วาลานซิอูนาส เจ้าของสรีระ 7 ฟุต ที่น่าจะทับใส่ทั้ง ตริสตัน ธอมป์สัน (6 ฟุต 9 นิ้ว) หรือ เควิน เลิฟ (6 ฟุต 10 นิ้ว) แบบสบายๆ พอขาดไปแบบนี้ เห็นทีจะต้องบอกว่า หนทางของ คาวาเลียร์ ปูด้วยกลีบกุหลาบสู่รอบชิงฯ NBA