"สมบัติ"ชี้ขั้วเก่าลอนเทนนิสฯทำใจยากเสียอำนาจ

สมบัติ เอื้อมมงคล นายกลอนเทนนิสไทย คนใหม่ ชี้กลุ่มอำนาจเก่าทำใจไม่ได้ พยายามยื้อไม่ส่งมอบงาน ยันตนผ่านการเลือกตั้งและได้รับการรับรองถูกต้องแล้ว

จากกรณีที่มีรายงานว่านายสมบัติ เอื้อมมงคล นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยทหารจำนวนหนึ่งพยายามจะเข้าไปยังลอนเทนนิสฯ เพื่อให้มีการส่งมอบงานจากคณะกรรมการชุดเก่า แต่ได้รับการขัดขวาง

ล่าสุดนายสมบัติ เอื้อมมงคล ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเข้าใจดีถึงการสูญเสียอำนาจในการบริหารสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ซึ่งมีผู้ใหญ่บางท่านยากที่จะทำใจได้ แต่การกระทำที่ยืดเยื้อมาจนถึงบัดนี้ ไม่ได้เกิดผลดีต่อสังคมกีฬาเทนนิสแต่อย่างใด มีการบิดเบือนข้อกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งกฎหมายได้ระบุว่า เมื่อมีการเลือกตั้งนายกและกรรมการอำนวยการชุดใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ตามพระราชบัญญัติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา 59 วรรคท้าย ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า “ในระหว่างที่ยังไม่มีการจดทะเบียนกรรมการสมาคมกีฬาชุดใหม่ หากข้อบังคับของสมาคมกีฬา มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้กรรมการสมาคมกีฬาชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่กรรมการสมาคมกีฬาต่อไปจนกว่าจะได้มีการจดทะเบียนกรรมการสมาคมกีฬาชุดใหม่”

ฉะนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปดูข้อบังคับของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ว่ากำหนดไว้เป็นอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งข้อบังคับของสมาคมกีฬาเทนนิสฯ ข้อ ๒๖ ระบุไว้ชัดเจนว่า “กรรมการอำนวยการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกตั้ง หรือแต่งตั้ง แล้วแต่กรณี” ซึ่งคำว่า กรรมการอำนวยการ นั้นหมายความรวมถึง ตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาเทนนิสด้วย จึงทำให้ตนจึงมีสิทธิในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาเทนนิสฯ และสามารถปฏิบัติงานได้แล้วตั้งแต่วันที่ได้รับการเลือกตั้ง

ซึ่งตนได้เคยแจ้งให้ นายกสมาคมท่านเก่าส่งมอบงานให้ตนครั้งแรก ภายในวันที่ 29 มกราคม 2559 ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็มิได้มีการส่งมอบงานแต่อย่างใด และเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2559 ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือรับรองรายงานการประชุมซึ่งรวมถึงรับรองผลการเลือกตั้งด้วย ตนจึงได้แจ้งอีกเป็นครั้งที่สองเพื่อให้นายกสมาคมท่านเก่าส่งมอบงานให้ตนเองอีกครั้ง ภายในวันที่ 29 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองต้องกระทำ เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับวงการกีฬา และตนได้ทำตามกฎหมายและข้อบังคับสมาคมทุกอย่าง มีความชัดเจนโดยไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด และอยากให้สาธารณชนได้ทราบถึงความเป็นจริงและความไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา โดยหยิบยกพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ มาอ้าง โดยกล่าวถึงเพียงบางส่วนแต่ปิดบังส่วนที่สำคัญไว้ ซึ่งตนขอเน้นให้ไปศึกษา มาตรา 59 วรรคท้าย ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า “หากข้อบังคับของสมาคมกีฬา มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น” อีกครั้ง

ส่วนการอุทธรณ์ต่อหน่วยงานต่างๆหรือยื่นฟ้องผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย มิได้เป็นข้ออ้างที่สามารถนำมาเป็นเหตุผลในการไม่ส่งมอบงานให้ตนได้ และขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่าตนได้พยายามรอคอยอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่อยากให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีของสังคมกีฬา ซึ่งเป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ แล้ว หากตนยังนิ่งเฉยเหล่าสโมสรเครือสมาชิกที่ให้การสนับสนุนตนเองย่อมไม่พอใจแน่ ตนจึงมีความจำเป็นที่อาจต้องแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ยังครอบครองสมาคมกีฬาเทนนิสฯ อยู่ในขณะนี้ทั้งที่ไม่มีสิทธิใดๆ โดยเร็วต่อไป

อนึ่ง ที่มีการกล่าวหาว่า การเดินทางเข้ารับมอบงานเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 ได้รับคำแนะนำจากผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นั้น เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ตนกล่าวเพียงว่าได้รับคำแนะนำจากการกีฬาแห่งประเทศไทย เนื่องจากตนได้ให้ผู้แทนหารือเพื่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่การกีฬาแห่งประเทศไทยว่า ตนสามารถที่จะแจ้งให้นายกสมาคมคนเก่าส่งมอบงานให้ตนอีกครั้งได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นสิทธิที่ตนเองสามารถกระทำได้ เพียงเท่านั้นเอง