พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และทีมงาน เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ และเยี่ยมชมสโมสร เลสเตอร์ ซิตี ว่าที่แชมป์ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ โดยหวังนำข้อมูล และการจัดการต่างๆ ของทีมมาประยุกต์พัฒนาวงการฟุตบอลไทย
บรรยากาศภายในสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เต็มไปด้วยความอบอุ่น เมื่อนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้พบปะพูดคุยกับ นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี , อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสร, เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือ และนักเตะของ เดอะ ฟ็อกซ์ รวมถึง รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ
โดยหลังจบเกมที่ เลสเตอร์ เสมอแบ่งแต้ม เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 2-2 นายกฟุตบอลไทย ได้โพสต์ข้อความลง เฟซบุ๊ก ของ FAIR ว่า “สวัสดีแฟนบอลชาวไทยทุกๆ ท่าน วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ มาเล่าให้ฟัง หลังจากผม และทีมงานได้รับเชิญจากภาคเอกชนให้เดินทางไปร่วมดูงานการบริหารจัดการทีมสโมสรชั้นนำของประเทศอังกฤษ ที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตามที่เคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้”
“การเดินทางมาครั้งนี้ถือว่าได้ประโยชน์มาก ผมเองในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่จะต้องนำไปปรับใช้กับวงการฟุตบอลบ้านเราให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึกเยาวชน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายนักเตะ วิธีการฝึกซ้อม แท็กติกการเล่นในรูปแบบใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่มีค่ามากที่จะนำมาเป็นแนวทางพัฒนาวงการกีฬา ฟุตบอลไทย”
“ผมได้พบปะพูดคุยกับคนในวงการฟุตบอลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี , คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสร, เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือเลสเตอร์ ซิตี และนักเตะในทีม รวมทั้ง รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทุกคนรับปากว่าจะช่วยแนะนำ และสนับสนุนเพื่อพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอลไทย”
“อย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในโอกาสที่ มิสเตอร์จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) คนใหม่ และคณะ จะเดินทางมาประเทศไทย ในวันที่ 28 เมษายน 2559 โดย ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และคณะ จะเข้าเยี่ยมคารวะ ท่านนายกรัฐมนตรี ผมจะนำสิ่งดีๆ และมีประโยชน์จากการเดินทางมาครั้งนี้กลับไปเสนอแผนงานในการเข้าพบครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมของทีมชาติไทย ในการสู้ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย”
“รวมทั้งแผนระยะยาวในการวางรากฐานของฟุตบอลไทย ทั้งการสร้างสนามฟุตบอล และศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลแห่งชาติ และการวางรากฐานในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาขั้นพื้นฐานให้มีมาตรฐานเป็นสากลต่อไปครับ”
