คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ของทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อกระแสรอง ถึงกระแสความขัดแย้งของสองหัวเรือใหญ่วงการฟุตบอลไทย ระหว่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลฯ เรื่องราวเลยเถิดถึงขนาดบอกว่าหลังๆ นี่ โค้ชทีมชาติไม่ยอมรับโทรศัพท์ประธานเทคนิคกันไปโน่นเลย
ซึ่งเรื่องนี้พอถึงเวลาที่ "บิ๊กอ็อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ เรียกประชุมหารือกันกับอุปนายกสมาคมฝ่ายต่างๆ รวมถึงประธานเทคนิค และเฮดโค้ชทีมชาติ ก่อนประชุมก็เรียกทั้งสองฝ่ายมาประสานมือหน้ากล้องให้สื่อมวลชนทั้งหลายถ่ายภาพความแน่นแฟ้นของทั้งคู่ว่าไม่มีอะไรกัน ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าทำงานเพื่อปลายทางสู่ความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
แม้ดูเหมือนว่าจะจบด้วยดี แต่ทั้ง "โค้ชเฮง" และ "ซิโก้" ต่างก็มีแฟนคลับของตน ต่างก็ออกมากระหน่ำข้อความในโลกออนไลน์ให้ได้สะใจกัน ฝ่ายที่ติดแฮชแท็ก "ทีมซิโก้" ก็ตั้งป้อมว่าห้ามประธานเทคนิคมาก้าวก่ายล้วงลูกโค้ชขวัญใจเด็ดขาด ฟุตบอลไทยมีวันที่คนซื้อตั๋วกันสนามแตกได้ก็เพราะอดีตกองหน้าทีมชาติชาวขอนแก่นคนนี้ "เฮงซัง" อะไรนั้นทำ ชลบุรี เอฟซี ยังควานหาแชมป์ไม่เจอมาตั้งหลายปี ข้างฝ่ายแฮชแท็ก "ทีมโค้ชเฮง" ก็ออกมาบอกว่า ทีมชาติไทยใครเป็นเจ้าของ สมาคม หรือว่า "สปอร์ตฮีโร่" เรื่องนี้มันเลยหาจุดลงตัวยาก
จุดเริ่มต้นคงเกิดตั้งแต่การแต่งตั้ง "โค้ชเฮง" มาทำหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิคนั่นแหละ เพราะคนลูกหนังระดับตำนานอย่าง "ไทยบูม" นั้นมีชื่อมานานเรื่องความตรงไปตรงมาในการแสดงความคิดเห็น โดยเคยออกมาท้วงติงว่าทีมชาติไทยไม่ควรเดินทางไปเก็บตัวที่ เลสเตอร์ ซิตี สโมสรของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่กำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยเหตุผลที่มีเหตผลว่า จะไปทำไม โปรแกรมลีกก็มีให้แข่ง ฟีฟาเดย์ก็มีให้เตะ ถ้าแค่ไปเปลี่ยนที่ฝึกซ้อมคงไม่ได้อะไร เท่านั้นแหละแฮชแท็ก "ทีมซิโก้" ก็เริ่มทำงานในบัดดล
ด้วยความเป็นคนพูดซื่อ พูดตรง ชี้แนะข้อบกพร่องกันแบบไม่ต้องอ้อมค้อม บ่อยครั้งที่สื่อมวลชนทั้งหลายมักจะต่อสายถามความเห็นแก วันไหนพูดเข้าหูแฟนบอลก็ดีไป วันไหนสอนโค้ชทั้งที่บอลชนะก็โดนเซียนคีย์บอร์ดทั้งหลายกระหน่ำกัน ถามว่าทราบไหม แน่นอนว่าทราบดี ขนาดบางครั้งโทรไปหา แกยังบอกเลยว่าเรื่องบางเรื่องไม่ต้องถามผมมากก็ได้ เดี๋ยวจะพาลโดนด่าอีก (ฮา)
เอาตามตรง “โค้ชเฮง” ก็บอกนั้นแหละว่าการมาทำหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิค ก็เพื่อวางโครงสร้างทุกระดับ ไม่เฉพาะทีมชาติชุดใหญ่ จากนี้จะเร่งเขียนแผนตั้งแต่ระดับอคาเดมี เพื่อให้สโมสรต่างๆ มีเป็นของตัวเอง แล้วนำมาแข่งขันกัน เพื่อจุดเริ่มต้นสู่การไปแข่งขันฟุตบอลโลก ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ซึ่งแต่ละสโมสรจะมีโครงสร้างการฝึกซ้อมเหมือนกัน เพื่อพัฒนาในรูปแบบเดียวกัน
ที่สำคัญยืนยันหนักแน่นไม่มีล้วงลูก เพราะที่ผ่านมาก็ทำดีอยู่แล้ว เพียงแต่คนเราต้องรู้จักข้อบกพร่องของตัวเอง ฝ่ายเทคนิคชาติต่างๆ เขาก็เป็นแบบนี้ พอทีมประสบความสำเร็จเขาไม่ใช่ว่าจะได้หน้าไปกับทีมด้วย แต่ไม่มีไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะพัฒนาไปทางไหนหละจริงมั้ย...
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ของทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อกระแสรอง ถึงกระแสความขัดแย้งของสองหัวเรือใหญ่วงการฟุตบอลไทย ระหว่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ กับ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลฯ เรื่องราวเลยเถิดถึงขนาดบอกว่าหลังๆ นี่ โค้ชทีมชาติไม่ยอมรับโทรศัพท์ประธานเทคนิคกันไปโน่นเลย
ซึ่งเรื่องนี้พอถึงเวลาที่ "บิ๊กอ็อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ เรียกประชุมหารือกันกับอุปนายกสมาคมฝ่ายต่างๆ รวมถึงประธานเทคนิค และเฮดโค้ชทีมชาติ ก่อนประชุมก็เรียกทั้งสองฝ่ายมาประสานมือหน้ากล้องให้สื่อมวลชนทั้งหลายถ่ายภาพความแน่นแฟ้นของทั้งคู่ว่าไม่มีอะไรกัน ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าทำงานเพื่อปลายทางสู่ความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
แม้ดูเหมือนว่าจะจบด้วยดี แต่ทั้ง "โค้ชเฮง" และ "ซิโก้" ต่างก็มีแฟนคลับของตน ต่างก็ออกมากระหน่ำข้อความในโลกออนไลน์ให้ได้สะใจกัน ฝ่ายที่ติดแฮชแท็ก "ทีมซิโก้" ก็ตั้งป้อมว่าห้ามประธานเทคนิคมาก้าวก่ายล้วงลูกโค้ชขวัญใจเด็ดขาด ฟุตบอลไทยมีวันที่คนซื้อตั๋วกันสนามแตกได้ก็เพราะอดีตกองหน้าทีมชาติชาวขอนแก่นคนนี้ "เฮงซัง" อะไรนั้นทำ ชลบุรี เอฟซี ยังควานหาแชมป์ไม่เจอมาตั้งหลายปี ข้างฝ่ายแฮชแท็ก "ทีมโค้ชเฮง" ก็ออกมาบอกว่า ทีมชาติไทยใครเป็นเจ้าของ สมาคม หรือว่า "สปอร์ตฮีโร่" เรื่องนี้มันเลยหาจุดลงตัวยาก
จุดเริ่มต้นคงเกิดตั้งแต่การแต่งตั้ง "โค้ชเฮง" มาทำหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิคนั่นแหละ เพราะคนลูกหนังระดับตำนานอย่าง "ไทยบูม" นั้นมีชื่อมานานเรื่องความตรงไปตรงมาในการแสดงความคิดเห็น โดยเคยออกมาท้วงติงว่าทีมชาติไทยไม่ควรเดินทางไปเก็บตัวที่ เลสเตอร์ ซิตี สโมสรของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่กำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยเหตุผลที่มีเหตผลว่า จะไปทำไม โปรแกรมลีกก็มีให้แข่ง ฟีฟาเดย์ก็มีให้เตะ ถ้าแค่ไปเปลี่ยนที่ฝึกซ้อมคงไม่ได้อะไร เท่านั้นแหละแฮชแท็ก "ทีมซิโก้" ก็เริ่มทำงานในบัดดล
ด้วยความเป็นคนพูดซื่อ พูดตรง ชี้แนะข้อบกพร่องกันแบบไม่ต้องอ้อมค้อม บ่อยครั้งที่สื่อมวลชนทั้งหลายมักจะต่อสายถามความเห็นแก วันไหนพูดเข้าหูแฟนบอลก็ดีไป วันไหนสอนโค้ชทั้งที่บอลชนะก็โดนเซียนคีย์บอร์ดทั้งหลายกระหน่ำกัน ถามว่าทราบไหม แน่นอนว่าทราบดี ขนาดบางครั้งโทรไปหา แกยังบอกเลยว่าเรื่องบางเรื่องไม่ต้องถามผมมากก็ได้ เดี๋ยวจะพาลโดนด่าอีก (ฮา)
เอาตามตรง “โค้ชเฮง” ก็บอกนั้นแหละว่าการมาทำหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิค ก็เพื่อวางโครงสร้างทุกระดับ ไม่เฉพาะทีมชาติชุดใหญ่ จากนี้จะเร่งเขียนแผนตั้งแต่ระดับอคาเดมี เพื่อให้สโมสรต่างๆ มีเป็นของตัวเอง แล้วนำมาแข่งขันกัน เพื่อจุดเริ่มต้นสู่การไปแข่งขันฟุตบอลโลก ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ซึ่งแต่ละสโมสรจะมีโครงสร้างการฝึกซ้อมเหมือนกัน เพื่อพัฒนาในรูปแบบเดียวกัน
ที่สำคัญยืนยันหนักแน่นไม่มีล้วงลูก เพราะที่ผ่านมาก็ทำดีอยู่แล้ว เพียงแต่คนเราต้องรู้จักข้อบกพร่องของตัวเอง ฝ่ายเทคนิคชาติต่างๆ เขาก็เป็นแบบนี้ พอทีมประสบความสำเร็จเขาไม่ใช่ว่าจะได้หน้าไปกับทีมด้วย แต่ไม่มีไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะพัฒนาไปทางไหนหละจริงมั้ย...