ผู้จัดการรายวัน 360 – กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ในการสร้าง “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี” ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย ซึ่งจะต่อยอดสู่การยกระดับเมืองขุนแผนให้กลายเป็น “อุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอล” อย่างเต็มตัว พร้อมตั้งเป้าเป็นบันไดขั้นแรกในการปั้นแข้งท้องถิ่นมีเงินเดือน 1 ล้านบาท
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และ บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด ร่วมผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี 8 สมัย ในการสร้างโปรเจกต์ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี” หรือ SPFA ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย เพื่อคัด 18 ผู้เล่นที่ดีที่สุดจากทั่วประเทศ เข้าสู่โครงการ “ดรีม 11” ลัดฟ้าไปฝึกซ้อมและแข่งขันกับทีมเยาวชนของ “เสือเหลือง” ถึงประเทศเยอรมนี พร้อมโอกาสในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2016 เป็นต้นไป
โดยหัวเรือใหญ่ของการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันในครั้งนี้ คือ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเจ้าตัวหมายมั่นที่จะยกระดับเมืองขุนแผน ให้กลายเป็นจังหวัดต้นแบบในการปลุกปั้นแข้งเยาวชนให้สามารถใช้การเล่นฟุตบอลสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้ พร้อมประกาศว่าจะเป็นผู้ทำ "อุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอล" อย่างเต็มตัว
นายบุญชู เผยถึงที่มาว่า "หลังจากได้เข้ามารับตำแหน่ง นายก อบจ.สุพรรณบุรี ได้สัมผัสถึงความยากจนของผู้คนมากมาย ผมจึงมองว่าการจะแก้ปัญหานี้ได้นั้น ต้องให้ประชาชนใช้ฝีมือในการทำงาน ซึ่งจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นยุทธศาสตร์ด้านกีฬาอยู่แล้ว ฟุตบอลจึงเป็นอีกแนวทางให้คนที่มีความรักในด้านได้แสดงฝีมือ และได้อาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เพราะปัจจุบันนักฟุตบอลที่มีฝีเท้าดีมีเงินเดือนหลักแสนบาท เราจึงประกาศตัวที่จะเป็นผู้ทำอุตสาหกรรมส่งออกนักฟุตบอลอย่างเต็มตัว”
“ที่ผ่านมาเราเป็นจังหวัดแรกในการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับเยาวชน มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ปีแล้ว ในแต่ละปีมีเด็กเข้าร่วม 1,800 คน ซึ่งหลายคนได้ใช้กีฬาเป็นบันไดในการเข้าโรงเรียนดีๆ ใช้เป็นทุนเรียนฟรี ตลอดจนสังกัดสโมสรฟุตบอลอาชีพ โดยในจังหวัดสุพรรณบุรี มี 10 อำเภอ ผมจึงจัดแข่งฟุตบอลในระดับประถมศึกษาอำเภอละ 10 ทีม ในรูปแบบลีกเก็บคะแนน พบกันหมดทั้งเหย้า-เยือน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ จากนั้นทีมที่ได้ 3 อันดับแรกของแต่ละอำเภอ รวม 30 ทีม ก็จะมาแข่งกันต่อในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อหาแชมป์จังหวัดในแต่ละปี เพราะฉะนั้นในแต่ละปีเด็กจะได้เล่นอย่างต่ำทีมละ 18 นัด เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 5 เดือนเต็ม เช่นเดียวกับระดับมัธยมต้น และมัธยมปลาย ที่มีระดับละ 25 ทีม รวมถึงในส่วนของการแข่งขันฟุตบอลอาวุโสที่มีมานานกว่า 9 ปีแล้ว รวมเบ็ดเสร็จกว่า 600 แมตช์ต่อปี ภายใต้งบประมาณปีละ 10 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม นายบุญชู ที่นั่งเก้าอี้ นายก อบจ.สุพรรณบุรี มานานกว่า 12 ปี มองว่าถึงเวลาที่จะต้องยกระดับขึ้นอีกขั้น จึงเป็นที่มาของการจับมือเป็นพันธมิตรกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการสร้าง “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี” ครั้งนี้ "ทุกวันนี้มีการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนมากมายในจังหวัดสุพรรณ แต่เรายังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพที่ถูกต้อง นักฟุตบอลและโค้ชยังไม่ได้รับความรู้เฉพาะด้านอย่างแม้จริง เราจึงต้องการที่จะยกระดับในเรื่องนี้ ประกอบกับทางดอร์ทมุนด์ ได้เดินทางมาดูงานที่จังหวัด และเห็นความตั้งใจในการพัฒนาเยาวชนของเรา ซึ่งตรงกับแนวทางการปลุกปั้นนักฟุตบอลของทีม จึงได้มีการพูดคุยและตกลงจับมือร่วมกันพัฒนา"
"การได้เป็นพันธมิตรกับดอร์ทมุนด์ จะช่วยยกระดับเด็กของเราให้สูงขึ้น เพราะทางสโมสรจะส่งโค้ชมืออาชีพมาร่วมอบรมโค้ชไทยในจังหวัดของเรา เพื่อให้นำไปใช้ฝึกสอนเด็กอย่างถูกวิธี รวมถึงโค้ชของทางสโมสรจะเป็นผู้ฝึกสอนเด็กด้วยตนเองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญหลังจากเปิดสอนเด็กจากทั่วประเทศแล้ว ทาง บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี จำกัด จะคัดผู้เล่นที่ดีที่สุด 18 ราย เข้าสู่โครงการ ดรีม 11 ไปฝึกซ้อมในโปรแกรมเดียวกับที่นักเตะอะคาเดมี่ของดอร์ทมุนด์ใช้ รวมถึงได้ลงแข่งขันกับทีมเยาวชนของสโมสรถึงประเทศเยอรมนี ท่ามกลางแมวมองมากมายเพื่อโอกาสในการลุ้นเซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลอาชีพทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศด้วยเช่นกันผ่านโครงการ ซึ่งการันตีได้ว่าเด็กที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการนี้จะมีมาตรฐานที่ทางดอร์ทมุนด์ให้การยอมรับ"
พร้อมกันนี้ นายบุญชู ทิ้งท้ายว่า “เมื่อเด็กมีความรู้ที่ถูกต้องก็จะสามารถพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นไปได้อีก เป็นการต่อเนื่องถึงการผลักดันเด็กให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ มีค่าตัวแพงๆ และช่วยแก้ปัญหาความยากจน โดยเป้าหมายสูงสุดของผมคือจะทำให้เด็กจากจังหวัดสุพรรณบุรีมีเงินเดือนจากการเล่นฟุตบอลเดือนละ 1 ล้านบาทให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่กับสโมสรไหนก็ตาม แต่ขอให้เริ่มต้นเล่นฟุตบอลมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ผมถือว่าผมเป็นคนสร้าง ถ้าเด็กจะไปได้ดีที่ไหนผมก็ยินดี ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นไปได้ภายใน 5-6 ปีจากนี้ เพราะตอนนี้มีเด็กฝีเท้าดีของเราไปอยู่กับอะคาเดมี่ในสโมสรดังๆหลายสิบคนแล้ว"
จึงนับว่าเป็นอีกโครงการดีๆที่น่าสนใจสำหรับ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี” ที่จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญให้กับแข้งเยาวชนในจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของนักฟุตบอลชื่อดังลำดับต้นๆของเมืองไทย