คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
กลายเป็นที่ฮือฮาในวงการลูกหนังบ้านเรา เมื่อมีข่าวสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน 8 สมัย ลงนามเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ “อบจ.สุพรรณบุรี” จับมือกันสร้างอะคาเดมี่ปั้นเด็กในเมืองไทย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อสงสัยตามมาว่าแล้วงานนี้เกี่ยวข้องกับ สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี หรือเปล่า แล้วเด็กในอะคาเดมี่จะเป็นอย่างไรต่อ ดังนั้นจึงถือวิสาสะขอใช้คอลัมน์นี้ในการอธิบายให้ได้รับรู้
การเซ็นสัญญาครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทัพ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ที่มี นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นประธานสโมสร แต่เป็นในส่วนของ อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) สุพรรณบุรี ที่มี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรรบุรี เป็นคนนำทัพลัดฟ้ามาเยือนเยอรมนี พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ห้องแถลงข่าว ภายในซิกนัล อิดูนา พาร์ค รังเหย้าของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยมี ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค ประธานบริหารสโมสรให้เกียรติร่วมงานด้วยตนเอง
ทั้งสององค์กร คือ อบจ.สุพรรณบุรี และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องการร่วมกันสร้างโปรเจกต์ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อยกระดับฝีเท้าของแข้งจิ๋ว ควบคู่กับเปิดโครงการ “ดรีม 11” โดยมี “บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” รับหน้าที่ดูแลจัดการภาพรวมทั้งหมด ภายใต้การบริหารของ นายธีรรัตน์ จึงยิ่งเรืองรุ่ง อดีตผู้จัดการทีม กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี ที่เข้ามานั่งแท่นซีอีโอ
ขั้นตอนต่อมาคือทาง อบจ.สุพรรณบุรี จะเปิดคัดนักเตะจากทั่วประเทศ ให้เหลือ 11 คนตัวจริงในแต่ละตำแหน่ง และอีก 7 คนในตำแหน่งผู้เล่นสำรอง รวม 18 คน โดยได้รับการสนับสนุนจาก “เสือเหลือง” 3 เรื่องใหญ่ คือ 1.ส่งโค้ชมืออาชีพของทีมมาติวโค้ชไทยเพื่อให้ความรู้เรื่องการฝึกฟุตบอลก่อนจะถ่ายทอดสู่เด็กในโครงการ 2.ส่งโค้ชของดอร์ทมุนด์มาดูแลเด็กในโครงการด้วยตัวเอง และ 3 ฝึกอบรมโปรแกรมการ “ซื้อ-ขาย” นักเตะให้กับทางบริษัท
ซึ่งหลักสูตรการเทรดตัวนักเตะนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในขั้นสุดท้ายของโครงการ เพราะเมื่อได้ 11 แข้งที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งหมดจะได้เดินทางมาฟาดแข้งกับทีมเยาวชนของ ดอร์ทมุนด์ ท่ามกลางแมวมองจากทั่วทุกมุมโลก จึงเป็นการสร้างโอกาสในการได้เซ็นสัญญา หรือมีโปรไฟล์ติดตัวกลับมาในการลงเล่นในสโมสรเมืองไทย
ส่วนจุดต่างของโครงการ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” กับโครงการอะคาเดมี่อื่นๆที่เคยมีมานั้น ทางผู้บริหารของบริษัท ยืนยันว่านักเตะทุกคนที่ได้รับเลือกใน “ดรีม 11” จะเป็นผู้เล่นที่มีมาตรฐานเดียวกับเยาวชนของทีมดังเมืองเบียร์ และที่สำคัญในอนาคตหลังจากปลุกปั้นนักเตะขึ้นมาแล้ว จะนำไปสู่การเซ็นสัญญานักเตะเหล่านั้นเข้าสังกัด เพื่อเป็นศูนย์รวมนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีในการป้อนสู่ทีมต่างๆ แตกต่างจากบริษัทเอเยนต์นักเตะทั่วไปที่เจรจาดึงผู้เล่นเข้ามาร่วมสังกัดอย่างเดียว ไม่มีการปั้นนักเตะขึ้นมา
โครงการนี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าติดตามเป็นอย่างมากว่าท้ายที่สุดแล้วจะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หากเป็นจริงก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจฟุตบอลยุคใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย
กลายเป็นที่ฮือฮาในวงการลูกหนังบ้านเรา เมื่อมีข่าวสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน 8 สมัย ลงนามเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ “อบจ.สุพรรณบุรี” จับมือกันสร้างอะคาเดมี่ปั้นเด็กในเมืองไทย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อสงสัยตามมาว่าแล้วงานนี้เกี่ยวข้องกับ สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี หรือเปล่า แล้วเด็กในอะคาเดมี่จะเป็นอย่างไรต่อ ดังนั้นจึงถือวิสาสะขอใช้คอลัมน์นี้ในการอธิบายให้ได้รับรู้
การเซ็นสัญญาครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทัพ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ที่มี นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นประธานสโมสร แต่เป็นในส่วนของ อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด) สุพรรณบุรี ที่มี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรรบุรี เป็นคนนำทัพลัดฟ้ามาเยือนเยอรมนี พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ห้องแถลงข่าว ภายในซิกนัล อิดูนา พาร์ค รังเหย้าของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยมี ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค ประธานบริหารสโมสรให้เกียรติร่วมงานด้วยตนเอง
ทั้งสององค์กร คือ อบจ.สุพรรณบุรี และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องการร่วมกันสร้างโปรเจกต์ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” ศูนย์ฝึกลูกหนังระดับเยาวชนครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อยกระดับฝีเท้าของแข้งจิ๋ว ควบคู่กับเปิดโครงการ “ดรีม 11” โดยมี “บริษัท สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” รับหน้าที่ดูแลจัดการภาพรวมทั้งหมด ภายใต้การบริหารของ นายธีรรัตน์ จึงยิ่งเรืองรุ่ง อดีตผู้จัดการทีม กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี ที่เข้ามานั่งแท่นซีอีโอ
ขั้นตอนต่อมาคือทาง อบจ.สุพรรณบุรี จะเปิดคัดนักเตะจากทั่วประเทศ ให้เหลือ 11 คนตัวจริงในแต่ละตำแหน่ง และอีก 7 คนในตำแหน่งผู้เล่นสำรอง รวม 18 คน โดยได้รับการสนับสนุนจาก “เสือเหลือง” 3 เรื่องใหญ่ คือ 1.ส่งโค้ชมืออาชีพของทีมมาติวโค้ชไทยเพื่อให้ความรู้เรื่องการฝึกฟุตบอลก่อนจะถ่ายทอดสู่เด็กในโครงการ 2.ส่งโค้ชของดอร์ทมุนด์มาดูแลเด็กในโครงการด้วยตัวเอง และ 3 ฝึกอบรมโปรแกรมการ “ซื้อ-ขาย” นักเตะให้กับทางบริษัท
ซึ่งหลักสูตรการเทรดตัวนักเตะนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในขั้นสุดท้ายของโครงการ เพราะเมื่อได้ 11 แข้งที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งหมดจะได้เดินทางมาฟาดแข้งกับทีมเยาวชนของ ดอร์ทมุนด์ ท่ามกลางแมวมองจากทั่วทุกมุมโลก จึงเป็นการสร้างโอกาสในการได้เซ็นสัญญา หรือมีโปรไฟล์ติดตัวกลับมาในการลงเล่นในสโมสรเมืองไทย
ส่วนจุดต่างของโครงการ “สุพรรณบุรี ฟุตบอล อะคาเดมี่” กับโครงการอะคาเดมี่อื่นๆที่เคยมีมานั้น ทางผู้บริหารของบริษัท ยืนยันว่านักเตะทุกคนที่ได้รับเลือกใน “ดรีม 11” จะเป็นผู้เล่นที่มีมาตรฐานเดียวกับเยาวชนของทีมดังเมืองเบียร์ และที่สำคัญในอนาคตหลังจากปลุกปั้นนักเตะขึ้นมาแล้ว จะนำไปสู่การเซ็นสัญญานักเตะเหล่านั้นเข้าสังกัด เพื่อเป็นศูนย์รวมนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีในการป้อนสู่ทีมต่างๆ แตกต่างจากบริษัทเอเยนต์นักเตะทั่วไปที่เจรจาดึงผู้เล่นเข้ามาร่วมสังกัดอย่างเดียว ไม่มีการปั้นนักเตะขึ้นมา
โครงการนี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าติดตามเป็นอย่างมากว่าท้ายที่สุดแล้วจะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หากเป็นจริงก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจฟุตบอลยุคใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย
