ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - ข่าวใหญ่วงการกีฬาโลกชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าการที่ มาเรีย ชาราโปวา นางฟ้าแห่งวงการเทนนิสจากรัสเซีย ขึ้นเวทียืดอกสารภาพว่าเธอไม่ผ่านการตรวจสารกระตุ้นระหว่างแข่งขัน แกรนด์ สแลม ออสเตรเลียน โอเพน เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา แน่นอนว่าจากนี้คงต้องรอผลการสอบสวนอย่างละเอียดว่าจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่นอนคือบรรดาองค์กรกีฬาทั้งหลายคงตื่นตัวออกมาขยับเพื่อตรวจขันความประพฤติของนักกีฬามากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ชาราโปวา วัย 28 ปี ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ด้วยความสำเร็จมากมาย แชมป์ แกรนด์ สแลม 5 สมัย แชมป์ ดับเบิลยูทีเอ 35 รายการ ขึ้นเป็นมือ 1 โลกของวงการหวดหญิง มีเงินรางวัลสะสมมหาศาล ขณะเดียวกันยังเป็นนักกีฬาเนื้อหอมที่บรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลายเข้ามารุมตอมจนมีชื่อติดท็อปลิสต์ของนิตยสารการเงินของ ฟอร์บส ทุกปี เรียกว่าเป็นเศรษฐินีย่อมๆก็ว่าได้ ไม่นับธุรกิจส่วนตัวทั้งขนม ชูการ์โปวา และ ซูเปอร์กูป ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วน
แม้ช่วงหลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อย แต่คาดเดาแล้วเธอน่าจะโลดแล่นอยู่ในวงการได้อีก 2-3 ปี ก่อนแขวนแร็กเกต ทุกอย่างควรจบลงอย่างสง่างามแต่แล้วการแถลงข่าวที่ไม่คาดฝันก็ทำเอาหลายคนถึงกับผิดหวัง โดยเฉพาะเพื่อนๆร่วมวงการเช่น โนวัค ยอโควิช, แอนดี เมอร์เรย์ ที่สนิทสนมกันอยู่ รวมถึง จอห์น แม็คเอ็นโร ตำนานชาวสหรัฐฯ ที่ไม่เชื่อว่านางฟ้าจากรัสเซียจะพลาดทานยา เมลโดเนียม แก้อาการขาดเลือดที่หัวใจโดยไม่รู้ว่ามีส่วนผสมของสารกระตุ้นกำลังวังชา แถม ดับเบิลยูทีเอ ก็เคยเตือนแล้วว่าเป็นยาต้องห้ามแต่ก็ยังเมินที่จะใส่ใจ
คนที่ตามข่าวช่วงนี้คงเห็นแล้วว่าผลกระทบที่เธอได้รับจากการใช้สารกระตุ้นแบบไม่ตั้งใจ (หรือเปล่า) มีอย่างไรบ้างทั้งถูกผู้สนับสนุนหลักอย่าง ไนกี, แท็ก ฮอยเออร์, พอร์ช ถอนสัญญาชั่วคราว ล่าสุดก็เป็นองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถอดชื่อออกจากตำแหน่งทูตสันถวไมตรี เซ่นสังเวยข่าวฉาว แต่ที่ตื่นตัวพอสมควรคือบรรดาองค์กรกีฬาทั้งหลายแหล่ เริ่มหันมาใส่ใจดูแลตรวจตราความประพฤตินักกีฬากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายย่อยเพื่อปกป้องวงการให้บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) คือรายแรกที่ออกมาขยับ โดยรายงานระบุว่าพวกเขาเตรียมนำผลตัวอย่างปัสสาวะของนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิก ปี 2008 ที่ ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และ ปี 2012 มาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งโดยมีองค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก (WADA) ส่งทีมงานเข้าร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งประเทศที่ต้องถูกตรวจสอบเป็นพิเศษคือ เคนยา และ รัสเซีย โดยปีที่แล้วก็มีเอกสารระบุว่าสองชาตินี้ได้รับการปลูกฝังให้นักกีฬาใช้สารกระตุ้นในหลายชนิดกีฬา
ริชาร์ด บัดเจตต์ ประธานฝ่ายการแพทย์ของ ไอโอซี บอกว่าการตรวจครั้งนี้จะใช้กรรมวิธีเข้มข้นกว่าปกติ และหากพบว่าใครกระทำผิดนอกจากถูกตัดสิทธิ์ห้ามเข้าร่วมศึก ริโอ เกมส์ ที่ บราซิล ซึ่งจะเปิดฉากเดือนสิงหาคม จะถูกริบเหรียญและเงินรางวัลด้วย โดยกล่าวว่า "จุดมุ่งหมายของเราคือเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีนักกีฬากระทำการทุจริตที่ ปักกิ่ง และ ลอนดอน หรือไม่ ที่ผ่านมาเราอาจไม่ได้เข้มงวดมากนัก และผลตรวจจะตามออกมาในช่วง 2-3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนจากนี้"
ขณะที่สหพันธ์รักบีของรัสเซีย ออกแอ็คชันตามมาทันทีด้วยการสั่งแบนผู้เล่น 2 คนในทีมชาติทั้งชายและหญิง ห้ามเข้าร่วมการแข่งขันใดๆหลังตรวจพบว่าทั้งคู่ใช้ยา เมลโดเนียม แบบเดียวกับที่ ชาราโปวา ใช้รับประทาน โดยไม่มีการเปิดเผยชื่อแซ่ ถือว่าขยับออกมารวดเร็วทันใจเพราะหากช้าอาจส่งผลกระทบต่อทีมชาติสำหรับการเข้าร่วมศึกรักบี 7 คนชิงแชมป์โลก ดีไม่ดีอาจถูกสั่งจากสหพันธ์รักบีนานาชาติ ไม่ให้เข้าร่วมวงล่าแชมป์โลกอีก
อดีตกาลที่ผ่านมา ชาราโปวา ไม่ใช่แค่นักกีฬาคนเดียวที่มีส่วนพัวพันกับสารกระตุ้น เพราะเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ แลนซ์ อาร์มสตรอง, มาร์ตินา ฮินกิส, อังเดร อากัสซี ถือเป็นกรณีตัวอย่างดังนั้นจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้แล้วเพราะพลาดครั้งเดียวเสียหายหลายแสนดังวลีที่ว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว แม้ช่วงที่ติดโทษแบน 1 ปี จะทำให้นางฟ้าแห่งวงการเทนนิส มีเวลาดูแลกิจการธุรกิจของตัวเองแต่เชื่อว่ายอดขายสินค้าของเธอคงลดลงไม่น้อยเพราะแฟนๆคงไม่อยากสนับสนุนนักกีฬาที่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
เรื่องโดย - วัลลภ สวัสดี
