คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ขณะที่ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016 ใกล้เปิดฉากขึ้นมาทุกที โดยจะฟาดแข้งนัดแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ทว่าความชัดเจนในเรื่องการเพิ่มสโมสรเป็น 20 ทีม ก็ยังไม่อาจวางใจ เนื่องจากการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะมีขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ยังต้องรอดูว่าผู้ชนะจะเป็นใคร หากเป็นขั้วเดิมก็คงยืนยันตามบอร์ด "ทีพีแอล" ทว่ากหากเปลี่ยนขั้วเป็นฝ่าย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่มีทีมงานจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี หนุนหลังอยู่ สถานการณ์จะเป็นเช่นไรก็ยากจะคาดเดา เนื่องจากทั้ง 2 สโมสรคัดค้านแน่นหนักเรื่องการเพิ่มทีม แถมมีแนวโน้มว่าจะชนะเอาเสียด้วย
รวมทั้งสโมสร การท่าเรือ เอฟซี ทีมรองบ๊วยฤดูกาลที่แล้ว ประกาศว่าพร้อมลงไปโลดแล่นศึกดิวิชั่น 1 เพื่อจะได้มีโอกาสนำพาแฟนคลับย่านคลองเตยไป "ท่องเที่ยวทั่วไทย" ด้วยแล้ว ก็ยังไม่เห็นความชัดเจนอะไรจับต้องได้เลย
ที่สำคัญตอนนี้หลายสโมสรประสบปัญหาใหญ่คือไม่รู้ว่าอนาคตของตนจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะเป็น สระบุรี เอฟซี, เพื่อนตำรวจ, พัทยา ยูไนเต็ด รวมถึง บีอีซี เทโรศาสน และอาจต้องนับโควตาเลื่อนชั้นทีมสุดท้ายที่ต้องวัดกันในสนามอีก 1 นัด ระหว่าง สุโขทัย เอฟซี กับ นครปฐม ยูไนเต็ด
โดยในรายของ สระบุรี เอฟซี นั้น วีระพล อดิเรกสาร ประธานสโมสร ยืนยันว่าไม่มีเงินที่จะมาต่อทุนทำทีมต่อแล้ว และหากใครสนใจกรุณายื่นข้อเสนอซื้อทีมมาพร้อมเงิน ที่คาดว่าน่าจะตกราว 60 ล้านบาท ถึงทุกวันนี้ยังเงียบฉี่ เจ้าตัวบอกอีกว่าหากไร้คนเหลียวแลก็คงต้องยุบทีม แฟนคลับก็ได้แต่กุมขมับไปตามๆ กัน
ไม่ต่างกันกับทีม เพื่อนตำรวจ แชมป์ดิวิชั่น 1 ที่ได้สิทธิ์เลื่นชั้นสู่ลีกสูงสุด หัวเรือใหญ่อย่าง "เสี่ยบิ๊ก" สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา โดนตรวจสอบเส้นทางการเงิน และถูกดำเนินคดี ทำให้ไม่สามารถนำเงินมาจ่ายค่าเหนื่อยเหล่าบรรดาดาวดังในทีม สุดท้ายก็กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ที่สำคัญพอขาดประธานสโมสร จะมีใครมาเดินเรื่องต่อในการหาคนมาร่วมสนับสนุนการทำทีมก็ยังไม่รู้
มาที่รองแชมป์ดิวิชั่น 1 อย่าง "โลมาสีน้ำเงิน" พัทยา ยูไนเต็ด ได้ผู้บริหารชุดใหม่ เงินถุงเงินถังมาทำทีมจนเลื่อนชั้นได้ ทว่ากลับไม่ยอมจ่ายเงินซื้อสิทธิ์การทำทีมต่อ พร้อมส่งกลับมาที่กลุ่มชลบุรี เจ้าของเดิม แล้วบ่ายหน้าไปทำทีม พัทยา อินเตอร์ ในดิวิชั่น 2 แทน งานนี้ทีมงานคุณภาพจากฉลามเมืองชลก็ต้องส่งให้คนกลางไปถามหาคนมีสตางค์มาเซ้งทีมไปที เพราะจะให้มาบริหารทีละ 2-3 ทีมแบบเมื่อก่อนมันไม่ไหวเหมือนกัน พอจะได้ผู้บริหารจาก อุดรธานี เอฟซี มาซื้อสิทธิ์ลุยไทยลีก แต่สนามเหย้าของตัวก็ดันสนามไม่ผ่านเกณฑ์เสียอีก สุดท้ายขอลุยต่อดิวิชั่น 2 ต่อไปอีก
นี่ยังไม่นับสองทีมอย่าง สุโขทัย กับ นครปฐม ที่ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นใครที่เลื่อนชั้น เพราะมีนัดตกค้างที่ยังไม่ได้แข่ง ฟ้องร้องกันข้ามปีก็ยังต้องรอต่อไป หรือหากผลจบลงด้วยการเสมอ บีบีซียู ก็จะกลายเป็นทีมที่ได้เลื่อนชั้นแทนจากการคว้าอันดับ 3 ดิวิชั่น 1 แล้วถามว่าเหลืออีกกี่วันที่ลีกจะเปิด จะเตรียมตัวกันทันไหม ไม่ทราบจริงๆ สุดท้ายบทสรุปอาจกลายเป็นว่าต้องไปแข่งขันกัน 18 ทีมเท่าเดิมนั่นแหละสวยสุด...
ขณะที่ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016 ใกล้เปิดฉากขึ้นมาทุกที โดยจะฟาดแข้งนัดแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ทว่าความชัดเจนในเรื่องการเพิ่มสโมสรเป็น 20 ทีม ก็ยังไม่อาจวางใจ เนื่องจากการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะมีขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ยังต้องรอดูว่าผู้ชนะจะเป็นใคร หากเป็นขั้วเดิมก็คงยืนยันตามบอร์ด "ทีพีแอล" ทว่ากหากเปลี่ยนขั้วเป็นฝ่าย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่มีทีมงานจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี หนุนหลังอยู่ สถานการณ์จะเป็นเช่นไรก็ยากจะคาดเดา เนื่องจากทั้ง 2 สโมสรคัดค้านแน่นหนักเรื่องการเพิ่มทีม แถมมีแนวโน้มว่าจะชนะเอาเสียด้วย
รวมทั้งสโมสร การท่าเรือ เอฟซี ทีมรองบ๊วยฤดูกาลที่แล้ว ประกาศว่าพร้อมลงไปโลดแล่นศึกดิวิชั่น 1 เพื่อจะได้มีโอกาสนำพาแฟนคลับย่านคลองเตยไป "ท่องเที่ยวทั่วไทย" ด้วยแล้ว ก็ยังไม่เห็นความชัดเจนอะไรจับต้องได้เลย
ที่สำคัญตอนนี้หลายสโมสรประสบปัญหาใหญ่คือไม่รู้ว่าอนาคตของตนจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะเป็น สระบุรี เอฟซี, เพื่อนตำรวจ, พัทยา ยูไนเต็ด รวมถึง บีอีซี เทโรศาสน และอาจต้องนับโควตาเลื่อนชั้นทีมสุดท้ายที่ต้องวัดกันในสนามอีก 1 นัด ระหว่าง สุโขทัย เอฟซี กับ นครปฐม ยูไนเต็ด
โดยในรายของ สระบุรี เอฟซี นั้น วีระพล อดิเรกสาร ประธานสโมสร ยืนยันว่าไม่มีเงินที่จะมาต่อทุนทำทีมต่อแล้ว และหากใครสนใจกรุณายื่นข้อเสนอซื้อทีมมาพร้อมเงิน ที่คาดว่าน่าจะตกราว 60 ล้านบาท ถึงทุกวันนี้ยังเงียบฉี่ เจ้าตัวบอกอีกว่าหากไร้คนเหลียวแลก็คงต้องยุบทีม แฟนคลับก็ได้แต่กุมขมับไปตามๆ กัน
ไม่ต่างกันกับทีม เพื่อนตำรวจ แชมป์ดิวิชั่น 1 ที่ได้สิทธิ์เลื่นชั้นสู่ลีกสูงสุด หัวเรือใหญ่อย่าง "เสี่ยบิ๊ก" สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา โดนตรวจสอบเส้นทางการเงิน และถูกดำเนินคดี ทำให้ไม่สามารถนำเงินมาจ่ายค่าเหนื่อยเหล่าบรรดาดาวดังในทีม สุดท้ายก็กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ที่สำคัญพอขาดประธานสโมสร จะมีใครมาเดินเรื่องต่อในการหาคนมาร่วมสนับสนุนการทำทีมก็ยังไม่รู้
มาที่รองแชมป์ดิวิชั่น 1 อย่าง "โลมาสีน้ำเงิน" พัทยา ยูไนเต็ด ได้ผู้บริหารชุดใหม่ เงินถุงเงินถังมาทำทีมจนเลื่อนชั้นได้ ทว่ากลับไม่ยอมจ่ายเงินซื้อสิทธิ์การทำทีมต่อ พร้อมส่งกลับมาที่กลุ่มชลบุรี เจ้าของเดิม แล้วบ่ายหน้าไปทำทีม พัทยา อินเตอร์ ในดิวิชั่น 2 แทน งานนี้ทีมงานคุณภาพจากฉลามเมืองชลก็ต้องส่งให้คนกลางไปถามหาคนมีสตางค์มาเซ้งทีมไปที เพราะจะให้มาบริหารทีละ 2-3 ทีมแบบเมื่อก่อนมันไม่ไหวเหมือนกัน พอจะได้ผู้บริหารจาก อุดรธานี เอฟซี มาซื้อสิทธิ์ลุยไทยลีก แต่สนามเหย้าของตัวก็ดันสนามไม่ผ่านเกณฑ์เสียอีก สุดท้ายขอลุยต่อดิวิชั่น 2 ต่อไปอีก
นี่ยังไม่นับสองทีมอย่าง สุโขทัย กับ นครปฐม ที่ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นใครที่เลื่อนชั้น เพราะมีนัดตกค้างที่ยังไม่ได้แข่ง ฟ้องร้องกันข้ามปีก็ยังต้องรอต่อไป หรือหากผลจบลงด้วยการเสมอ บีบีซียู ก็จะกลายเป็นทีมที่ได้เลื่อนชั้นแทนจากการคว้าอันดับ 3 ดิวิชั่น 1 แล้วถามว่าเหลืออีกกี่วันที่ลีกจะเปิด จะเตรียมตัวกันทันไหม ไม่ทราบจริงๆ สุดท้ายบทสรุปอาจกลายเป็นว่าต้องไปแข่งขันกัน 18 ทีมเท่าเดิมนั่นแหละสวยสุด...