เอเยนซี - “เดลี เมล” สื่ออังกฤษเชื่อว่าเวลานี้เหลือ 4 สโมสรที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก หลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 ถูกทิ้ง 5 แต้ม ทั้งที่เหลืออีกตั้ง 15 เกม แต่ด้วยฟอร์มที่ไม่นิ่งดังนั้นทีมที่จะเข้าป้ายคงไม่พ้น เลสเตอร์ ซิตี, แมนเชสเตอร์ ซิตี, อาร์เซนอล และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ยังมองยากอยู่ด้วยจุดเด่นและจุดด้อยของแต่ละทีมที่มีดังนี้
เลสเตอร์ ซิตี (ที่ 1 / 47 แต้ม) - “สุนัขจิ้งจอก” มี 2 นักเตะแนวรุกอย่าง เจมี วาร์ดี กับ ริยาด มาห์เรซ ที่รั้งท็อป 5 ดาวยิง พรีเมียร์ ลีก ซึ่งทีมที่จะเป็นแชมป์ก็ต้องมีผู้เล่นแบบนี้ นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยแดนกลางหลายคน อาทิ แดนนี ดริงก์วอเตอร์ กับ เอ็น'โกโล คานเต ที่แม้ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์แต่เป็นส่วนผสมที่ลงตัว แถม เคลาดิโอ รานิเอรี ก็ถือว่าเป็นระดับบรมกุนซือเคยคุม เชลซี มาแล้วแถมประสบการณ์กับ บาเลนเซีย และ โมนาโก รวมถึงทีม กัลโช เซเรีย อา อิตาลี อีกเพียบ
อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ไม่ค่อยเป็นใจอยากจารึกชื่อ เลสเตอร์ เท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้มีเพียง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เขย่าวงการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ปี 1995 นับตั้งแต่สถาปนาชื่อลีกตั้งแต่ปี 1992 จากนั้นก็เป็น เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่พุ่งขึ้นมาแต่ก็ใช้เงินไปไม่เบา
แมนเชสเตอร์ ซิตี (ที่ 2 / 44 แต้ม) - ทุกคนยังมองว่าในที่สุดแล้ว เลสเตอร์ ซิตี ก็น่าจะสะดุดและรูดลงไปเอง อย่างไรก็ตามคำถามคือ “เรือใบสีฟ้า” หรือ อาร์เซนอล ดีพอที่จะพุ่งขึ้นไปหรือไม่ เพราะปีนี้ทั้งคู่ก็ทำแต้มหลุดมือเป็นว่าเล่น โดยขุมกำลังของ มานูเอล เปเยกรินี ฤดูกาลนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นไม่ต้องพึ่ง เซร์คิโอ อกูเอโร, ดาบิด ซิลบา และ แวงซองต์ กอมปานี เพราะมี ราฮีม สเตอร์ลิง กับ เควิน เดอ บรุยน์ มาช่วยงาน
ปีนี้ แมนฯซิตี มีปัญหาการเล่นนอกบ้าน เปิดศักราชปี 2016 เพิ่งบุกไปชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ก่อนหน้านี้ชนะอีก 3 นัดแต่อยู่ในช่วงต้นซีซันคือเดือนสิงหาคมกับกันยายน กระนั้นก็ตามสิ่งที่มาชดเชยก็คือ “เรือใบสีฟ้า” เล่นในบ้านได้ดีที่สุด ถือเป็นเรื่องที่น่าจะแก้ไม่ยากและส่งทีมเข้าป้ายไปได้
อาร์เซนอล (ที่ 3 / 44 แต้ม) - ตอนนี้คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ “ปืนโต” มีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี เท่านั้น เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ฟอร์มกระท่อนกระแท่น ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ ก็มีขุมกำลังที่พร้อมจะประสบความสำเร็จมาหลายปีแล้วนำโดย เมซุต โอซิล กับ อเล็กซิส ซานเชซ แถมปีนี้ยังได้ ปีเตอร์ เช็ก มาเสริมหลังบ้าน
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่ อาร์เซนอล ต้องกังวลก็คือ “ตัวเอง” เพราะหลายปีที่วืดแชมป์คือตกม้าตายช่วงสำคัญ รวมถึงมีนักเตะบาดเจ็บระนาว ถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่ เวนเกอร์ ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ ดังนั้นจึงไม่ได้แชมป์ พรีเมียร์ ลีก มาแล้วนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 ที่สร้างประวัติศาสตร์ไร้พ่าย จนมีกระแสที่ว่าหากปีนี้ยังไม่ได้แชมป์ลีกอีกคงจะต้องอำลาเก้าอี้และเปิดโอกาสให้กุนซือใหม่ เนื่องจากปีนี้ถือเป็นโอกาสทองฝังเพชรที่หายากจริงๆ
ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (ที่ 4 / 42 แต้ม) - เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ถือเป็นกุนซือที่มีผลงานน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคนหนึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไล่ตั้งแต่ เซาแธมป์ตัน จนมายังถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อได้แนวทางการเล่นที่ต้องการสโมสรไหนก็ยากจะเอาชนะ นอกจากนี้ยังมีพลังขับเคลื่อนของดาวรุ่งอย่าง เดลเล อัลลี กองกลางวัย 19 ปีที่ว่ากันว่าจะเป็น “นิว พอล แกสคอยน์” รวมถึง แฮร์รี เคน กองหน้าความหวัง ซึ่งทั้งคู่กำลังไปลุยศึก ยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศสกลางปีนี้
แต่ปัญหาก็คือ สเปอร์ส ไม่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์ แถมตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาบีบหัวใจที่สุดของฤดูกาล การมีขุมกำลังดาวรุ่งอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในลีกถือเป็นเรื่องดี ทว่าคงยากรับมือกับแรงกดดัน ซึ่ง โปเช็ตติโน พยายามปฎิเสธสิ่งนี้มาโดยตลอด กระนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะบอกทุกสิ่งทุกอย่างเอง