ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นอกจากความพ่ายแพ้ของ อาร์เซนอล แก่ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 0-2 คารัง เอมิเรตส์ สเตเดียม เปิดหัวศึก พรีเมียร์ ลีก แบบหักปากกาเซียน อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ รีซ อ็อกซ์ฟอร์ด มิดฟิลด์ “ขุนค้อน” ได้ขึ้นแท่นแข้งอายุน้อยสุดอันดับ 2 ที่ได้ลงวาดลวดลายสู้กับนักเตะเวิลด์คลาสของเจ้าถิ่นอย่างไม่เกรงกลัว ดังนั้นลองไปดู 10 อันดับผู้เล่นละอ่อนในหน้าประวัติศาสตร์ลีกผู้ดีที่ “เดลี เมล” รวบรวมมาฝากกัน
1.โฮเซ แบ็กซ์เตอร์ (เอฟเวอร์ตัน / 16 ปี 198 วัน) ลงสนามช่วย “ท็อฟฟี่” บุกชนะ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 2-1 ที่ ฮอว์ธอร์นส์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมปี 2008 เป็นมิดฟิลด์ที่ติดทีมชาติอังกฤษมาแล้วตั้งแต่ระดับยู 16 กับยู 17 แต่แจ้งเกิดไม่สำเร็จเล่น พรีเมียร์ ลีก 7 นัดก่อนถูกปล่อยตัวปี 2012 ปัจจุบันวัย 24 ปีอยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยิง 10 ประตูให้ทีมแถบยอร์กเชียร์เมื่อปีที่แล้ว
2.รีซ อ็อกซ์ฟอร์ด (เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด / 16 ปี 236 วัน) ได้โอกาสออกสตาร์ทจาก สลาเวน บิลิช ซึ่ง “ขุนค้อน” พลิกล็อกบุกชนะ อาร์เซนอล 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้กองกลางตัวรับที่เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ด้วย เนื่องจากสูงถึง 190 เซนติเมตร ได้รับการจับตามอง แถมมีเปอร์เซนต์ผ่านบอลคอมพลีทถึง 95 เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เมินจึงมาอยู่แคมป์ อัพตัน ปาร์ค เมื่อปี 2011
3.เวย์น รูนีย์ (เอฟเวอร์ตัน / 16 ปี 297 วัน) ปรากฎตัวในฐานะตัวสำรองนาที 66 ที่ กูดิสัน ปาร์ค เกมเสมอ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมปี 2002 ซึ่งก็กล้าเล่นเกินอายุจากนั้น 2 ปีจึงย้ายร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,375 ล้านบาท) สร้างชื่อจนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของเวที พรีเมียร์ ลีก เกาะที่ 3 ดาวซัลโวยิงไปทั้งสิ้น 185 ประตู
4.นีล ฟินน์ (เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด / 17 ปี 2 วัน) หลังเป่าเค้กฉลองวันเกิดไม่นานก็ได้รับโอกาสสตาร์ทเกมบุกพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี 1-2 ที่ เมน โรด เมื่อวันที่ 1 มกราคมปี 1996 เพราะตอนนั้น ลูเด็ก มิคลอสโก กับ เลส ซีลีย์ ไม่สามารถลงเฝ้าเสาได้ แต่จากนั้นก็ไม่ได้เล่นอีกเลย เคยถูกปล่อยให้ ดอร์เชสเตอร์ ยืมตัวเมื่อปี 1998 ก่อนจะอำลา “ขุนค้อน” ปัจจุบันวัย 36 ปีแล้ว
5.แอนดี แคมป์เบลล์ (มิดเดิลสโบรช์ / 17 ปี 9 วัน) ได้ออกสตาร์ทที่ แอนฟิลด์ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เอาชนะทีมเยือนไปได้ 1-0 เมื่อวันที่ 27 เมษายนปี 1996 จากนั้นถูกปล่อยให้ยืมตัวระหว่างปี 1998-2002 เนื่องจากไม่อาจแย่งตัวจริงที่ ริเวอร์ไซด์ จากนั้นดาวยิงรายนี้ก็ไปอยู่กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี แต่ก็ไม่วายต้องให้ทีมอื่นยืมใช้งาน จากนั้นก็ย้ายไปอยู่อีกหลายต่อหลายทีมก่อนที่จะแขวนสตั๊ดปี 2012
6.สตีเฟน คาร์ (ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ / 17 ปี 27 วัน) ฟูลแบ็กชาวไอร์แลนด์ ลงเล่นให้ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อวันที่ 26 กันยายนปี 1993 ที่ ปอร์ทแมน โรด ซึ่งเสมอ อิปสวิช ทาวน์ 2-2 จากนั้นกลายเป็นตัวหลักให้สโมสรทางเหนือของกรุงลอนดอนรับใช้มากกว่า 200 นัดระหว่าง 11 ปี จากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 4 ปี ก่อนจะไปแขวนเกือกกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี
7.เจมส์ มิลเนอร์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด / 17 ปี 34 วัน) ได้ยินชื่อกันมานานสำหรับแข้งรายนี้ปัจจุบันโลดแล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เล่น พรีเมียร์ ลีก นัดแรกช่วย “ยูงทอง” เปิดรัง เอลแลนด์ โรด ชนะ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ปี 2003 นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในลีกเกมเจอกับ ซันเดอร์แลนด์ ช่วงเทศกาลบ็อกซิงเดย์เมื่อปี 2002 ที่บุกชนะ 2-1
8.เอมิล เฮสกีย์ (เลสเตอร์ ซิตี / 17 ปี 55 วัน) ปรากฎตัวนัดแรกศึก พรีเมีย์ ลีก ไม่สวยนักเมื่อวันที่ 8 มีนาคมปี 1995 โดย “จิ้งจอก. พ่ายแก่ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส 0-2 ถือเป็นกองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษที่มีความแข็งแกร่งรวมถึงพละกำลัง โดยยิงไป 40 ประตูก่อนโยกร่วมทัพ ลิเวอร์พูล จากนั้นในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ประสบความสำเร็จพอสมควรแม้จะยิงได้ไม่เจอแต่มีส่วนร่วมกับเกม
9.แกเร็ธ แบร์รี (แอสตัน วิลลา / 17 ปี 75 วัน) เล่นนัดแรก พรีเมียร์ ลีก เป็นเกมสุดท้ายฤดูกาล 1998 ที่เปิดบ้านชนะ อาร์เซนอล 1-0 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม แรกเริ่มเดิมทีถือเป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งแบ็กซ้ายกับปีกซ้าย ก่อนจะผันตัวเป็นกองกลางพร้อมก้าวเป็นกัปตันทีม “สิงห์ผงาด” อยากย้ายไปเล่นให้ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2008 แต่ทีมบอกปัดข้อเสนอ ก่อนไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ เอฟเวอร์ตัน ตามลำดับ
10.ร็อบ โบว์แมน (ลีดส์ ยูไนเต็ด / 17 ปี 79 วัน) สวมเสื้อ “ยูงทอง” ลงเล่น พรีเมียร์ ลีก นัดแรกพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ปี 1993 ซึ่งสกอร์จบลง 0-0 ที่ เอลแลนด์ โรด จากนั้นลงเล่นแค่ 7 เกมตลอดระยะเวลา 5 ปีถัดมา ก่อนจะโยกร่วมทัพ ร็อทเธอร์แฮม เมื่อปี 1997 ตามด้วยมีประสบการณ์เล่น ยูฟา คัพ ให้ โบฮีเมียนส์ แล้วปิดฉากอาชีพเมื่อปี 2001
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***