xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจนักเลง “บรรจง นะแส” แฉ “ข้าราชการ + ทุนการเมือง + ซีพี” ย่ำยีทะเลไทย เผยถูกคุกคาม หวังสู้ให้ประชาชนได้รู้ความจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เปิดใจหมดเปลือกเหตุที่ต้องต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านที่ทำประมงถูกกฎหมาย ทำให้ผู้ทำประมงผิดกฎหมายหลายคนโกรธ และเกลียด เผยวงการประมงผิดกฎหมายไม่ใช่คนธรรมดาๆ แต่เป็นกลุ่มนายทุน ข้าราชการที่รวมหัวกับกลุ่มธุรกิจผูกขาดรายใหญ่ “ซีพี” ที่ทำลายทรัพยากรในทะเลมายาวนาน ขณะชาวบ้านตัวเล็กๆ พยายามรักษาฟื้นฟูทะเล แต่กลับถูกทำร้ายทารุณมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการเปิดเผยความในใจหลังเฟชบุ๊กส่วนตัวถูกก่อกวนหนักจนเข้าระบบไม่ได้

วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ได้เขียนความในใจในเฟชบุ๊กส่วนตัวซึ่งก่อนหน้านี้เฟชบุ๊กชื่อ “บรรจง นะแส” ได้ถูกบล็อกไปหลายครั้ง โดยเชื่อว่าเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อการทำประมงที่ผิดกฎหมายมาตลอดระยะเวลาหลายปี ล่าสุด เมื่อวานที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้เฟชบุ๊กของนายบรรจง นะแส ได้ถูกก่อกวนอีกครั้ง

นายบรรจง จึงเขียนถึงเรื่องนี้หลังจากสามารถกลับมาใช้เฟชบุ๊กส่วนตัวของตนเองอีกครั้งว่า 1.ผมตระหนักดีว่าพี่น้องที่ทำการประมงด้วยเครื่องมืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟโกรธและเกลียดผมมากถึงมากที่สุด ทั้งที่แสดงออกมาให้รับรู้อย่างตรงไปตรงมา และที่ฝากด่าผ่านมาให้รับรู้จากช่องทางอื่นๆ
 

 
ผมเข้าใจหัวอกของคนที่ทำอาชีพนี้มายาวนาน โดยเฉพาะที่ทำเลี้ยงครอบครัวที่มีเรือกันครอบครัวละ 1 ลำ ผมแคร์มากๆ แต่ชนิดมีกันคนละ 5 ลำ 10 ลำ (บางคนมีกว่า 50 ลำ) นี่ผมรู้สึกเฉยๆ ประเด็นของผมก็คือ ทะเลไทยวิกฤตสุดๆ แล้วจริงๆ ท่านสามารถมองเห็นด้วยตาว่า พันธุ์สัตว์น้ำที่จับด้วยเครื่องมือ 3 ชนิดนั้น ทำร้ายทำลายอย่างไร ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องรีบฟื้นฟูทะเลให้กลับมาเป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งประกอบอาชีพที่ยั่งยืน และมั่นคงให้แก่คนส่วนใหญ่

ซึ่งผมก็รู้ว่าย่อมกระทบต่อหลายๆ ครอบครัว และพวกท่านก็ย่อมโกรธเกลียดผมเป็นธรรมดา ไม่เป็นไรครับผมรับได้ เพราะผมเชื่อว่าสักวันท่านก็จะพบว่าหากทะเลไทยปราศจากเครื่องมือทำลายล้างที่รุนแรงเช่นที่เป็นอยู่ ลูกหลานของท่าน และพวกเราทุกๆ คนก็จะได้มีอาหารจากทะเลไทยอย่างอุดมสมบูรณ์แน่นอน....ผมมั่นใจ

2.ทำไมผมถึงเชื่อมั่นในทะเลไทย...30 กว่าปีที่ผมทำงานกับพี่น้องชุมชนประมงชายฝั่งกว่า 15 จังหวัด ได้พบเห็นวิถีชีวิตของชุมชนที่ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเมื่ออาชีพประมงชายฝั่งไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ บ้างก็ไปใช้แรงงาน ไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปหางานทำต่างประเทศ..สุดท้ายก็ไปไม่รอด แล้วหันกลับมากอบกู้ทะเลโดยเริ่มจากทะเลหน้าบ้าน
 

 
ทั้งลุกกันขึ้นมาไล่เครื่องมือทำลายล้างอย่างเรือคราดหอย อวนรุน อวนลาก ทำกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูสัตว์น้ำต่างๆ ไม่ว่าปลูกป่าชายเลน ทำบ้านปลา ธนาคารปู จนความสมบูรณ์ของทะเลกลับมา ฟังดูเหมือนง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงในพื้นที่ชาวบ้านต้องเอาชีวิตเข้าแลก เช่น ที่ป่าครอกภูเก็ต ผู้นำถูกยิงเสียชีวิต เรือเฝ้าฝั่งชื่อยูงทอง ที่เกาะยาวน้อยพังงาถูกเผา ที่ปานาเระยิงกันกลางทะเล ที่พังงาขนาด ผวจ.ลงไปไล่อวนรุนถูกถล่มยิงหนีกระเจิง ที่ประจวบแกนนำถูกรุมกระทืบที่แพปลาเกือบเอาชีวิตไม่รอด ฯลฯ เหล่านี้คือการพยายามลุกขึ้นสู้เพื่อฟื้นฟูทะเลเต็มไปด้วยความลำบากยากเย็น วันนี้ทะเลหลายๆ พื้นที่ความอุดมสมบูรณ์ของทะเลกลับมา อาชีพชาวประมงอยู่ได้ ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารทะเลสดๆมากขึ้น...ผมจึงเชื่อมั่นในทะเลของเรา

3.ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำงานด้วยอารมณ์ (แม้หลายๆ ครั้งเพื่อนๆ ที่สนิทจะบอกว่ามึงปากร้าย/ปากหมาชอบใช้ภาษาแรงๆ ด่าคน ซึ่งผมก็ยอมรับว่าบางทีผมโมโห) ผมทำการบ้านหนักกว่าตอนเรียนหนังสือด้วยซ้ำ ตามเรื่องราวของทะเลตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน และยิ่งอ่านยิ่งพบยิ่งตระหนัก...ว่าถ้าไม่รีบแก้ไขลูกหลาน และสังคมโดยรวมของเราจะเจอปัญหาเรื่องอาหารโปรตีนจากธรรมชาติหนักแน่นอน

โอเคผมอาจจะปากหมาระรานไปบ้างต้องกราบขอโทษ เพียงแต่อยากบอกว่า ผมทำการบ้านและพบว่าทะเลไทยของเรากำลังวิกฤตจริงครับ ไม่ว่าในระดับชุมชน ในระดับชาติ หรือในระดับสากล ถ้าเราไม่รีบลงมือแก้ไขเสียแต่วันนี้ เราจะเจอศึกหลายด้าน และจะกระทบเป็นลูกโซ่เอาง่ายแค่กรณีมาตรการ iuu fishing เราก็เป๋ไปเป๋มาไงครับ
 

 
4.สุดท้าย...ผมพบว่าวิกฤตของทะเลไทยที่แก้ไขยาก สาเหตุหนึ่งที่สำคัญเพราะไปเชื่อมโยงกับธุรกิจอาหารสัตว์ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ที่ต้องยอมรับว่าเขามีอำนาจอิทธิพลเหนือตลาด เหนือการเมือง และระบบราชการไทยมายาวนาน การหยุดวิกฤตของทะเลจึงยากเย็นแสนเข็ญ การปะทะกับซีพีหลายๆ คนบอกว่าก็เหมือนวิ่งเอาหัวชนกำแพง มีแต่ทำให้หัวแตกคอหักตายในที่สุด แต่ผมไม่เชื่อเช่นนั้น ผมเชื่อในความเป็นมนุษย์ของคน ไม่ว่าเขาจะเป็นเจ้าของซีพี หรือลูกจ้าง

ผมเชื่อในพลังของการเปลี่ยนแปลงที่ทุกๆ คนได้ตระหนักต่อปัญหา การจะทำให้คนตระหนักได้ “ข้อมูล” คือเครื่องมือที่สำคัญ ที่ผ่านมา ผมอาจจะละเมิดซีพีในแง่ใช้ภาษาแรงๆ และนำภาพประกอบข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพ และเข้าใจง่ายขึ้น อาจจะไม่ถูกต้องนักแต่ผมก็คิดวิธีการอื่นไม่ออก ผลที่เกิดขึ้นซีพีมีคนที่มีคุณภาพเยอะ ฝ่ายพีอาร์เยี่ยม ทำงานเชิงรุกเป็นเลิศแต่กรณีปลาป่นจากเรืออวนลากซีพีต้องลงมือทำไม่ใช่แค่พีอาร์บริษัท โรดแมปของซีพีที่ลงมากล่อมผมสองสามครั้ง

ผมสรุปว่า พวกเขาเพียงทำพีอาร์ไม่ได้มุ่งแก้ไขปัญหาทะเลไทยจริงๆ ข้อเสนอทางออกที่ผมเสนอคือ ให้ไปใช้ by product มาทำปลาป่นก็ถูกวางเฉย ผมก็เลยต้องทำงานข้อมูลนำเสนอไปเรื่อยๆ จนกว่าซีพีจะถูกล้อมกรอบด้วยผู้คนที่เห็นปัญหา หรือคนของซีพีจะรู้สึกสำนึกผิดซึ่งผมเชื่อว่ามีอยู่ในจิตใจของทุกๆ คน แน่นอนซีพี นักการเมือง ข้าราชการฉ้อฉลยังมีอยู่อีกมากที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในการเอาทะเลไทยเป็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม แต่ผมเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่คนเหล่านั้นจะสำนึกได้ และหยุดทำร้ายทะเล ผมแค่เอาเท้ากระทืบกำแพงครับไม่ได้เอาหัวไปชน แต่กระทืบจนเท้าบวมปวดเมื่อยไปหมดเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ของ นายบรรจง นะแส วิพากษ์วิจารณ์ว่าการพยายามก่อกวนระบบสื่อสารออนไลน์สาธารณะของ นายบรรจง นะแส ซึ่งเกิดขึ้นตลอดในช่วงที่มีการเปิดโปงกลุ่มผลประโยชน์ที่ทำการประมงอย่างผิดกฎหมายว่า เข้าข่ายกระทบต่อสิทธิในการสื่อสารสาธารณะทางระบบออนไลน์ของ นายบรรจง นะแส และเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าวดำเนินการโดยกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์จากการทำประมงผิดกฎหมาย
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น