คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
หลังจากปิดรับสมัครไปเรียบร้อยเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา หน้าตาของผู้ที่เสนอตัวเข้ามาบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยสรุปเป็นประเภทผู้สมัครครบเต็มโควต้าทั้งทีมมี 3 ทีม และประเภทที่สมัครเฉพาะตำแหน่งนายกสมาคมฯ อีก 2 คน อย่างนี้แฟนบอลก็คงเดาได้ว่า คู่ชิงในการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ก็น่าจะเป็น ฝ่ายอำนาจเก่า ที่นำโดย อาจารย์หรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน กับ ฝ่ายอำนาจใหม่ ที่นำโดย บิ๊กอ๊อด พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และถ้าจะให้ชัดกันจริงๆ ว่าใครจะเข้าวิน ผมว่าต้องไปดูผลการเลือกตั้งเล็ก หาตัวแทน 30 เสียงจาก ลีกภูมิภาค ดิวิเชิ่น 2 ในวันที่ 22 มกราคมนี้ครับ
ทีมอาจารย์หรั่งนั้น ตัวบุคคลประกอบทีมนั้นรวมตัวกันอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะนายเก่าเพิ่งโดนคำสั่ง ฟีฟ่า พักงานต่อ ต้องยอมให้ โค้ชชาญวิทย์ มายืนเป็นหัวหน้าชั้น และไปหยิบเอาชื่อคนเป็น เลขาฯ รองเลขาฯ รวมทั้ง ประธาน TPL มาใส่ให้เต็มๆ อย่างไรก็ตาม ลูกทีมมีหน้าตาคุ้นๆ เป็นที่รู้จักกันพอควร มีฝ่ายของการเมืองพรรคเพื่อไทยมากมาย จะมีหลุดข้ามฝั่งทำให้เสียศูนย์ไปบ้างก็รายของ เสี่ยเหน่ง บีจีเอ๊ฟซี เมื่อมองทั้งพรรคพวกทางฝ่ายการเมือง และพวกที่มีประโยชน์กันอย่างเหนียวแน่น ยังพอทำให้เป็นทีมที่น่าจะได้คะแนนจากสโมสรใน TPL กับ D1 ราว 15 เสียง บวกลบ
บิ๊กตั้น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ประธานสโมสรบางกอก เอ๊ฟซี แม้เป็นแกนนำในการชุมนุมของกปปส. คนละฝั่งชัดๆ แต่เคยอยู่ในโผอำนาจเก่า ซึ่งตอนนี้เขาไม่เอาเป็นพวกอีกต่อไป จึงต้องลงสมัครเองคนเดียวในตำแหน่งนายกสมาคมฯ แต่ถ้ามองให้ลึกเว่อร์ก็อาจจะเป็นตัวแหกตาหวังดึงคะแนนจากพรรคพวกที่เป็นประชาธิปัตย์มาจาก ทีมบิ๊กอ๊อด ก็ถือว่าลึกล้ำ ผมว่า บิ๊กตั้น ได้ 1 คะแนนจากสโมสรของตนเองแน่นอน
พินิจ สะสินิน คนนี้เคยเป็นเลขาธิการสมาคมฯ แต่คงมีคนไม่พอใจผลงาน แถมจะเข้าไปยุ่งแบบละเอียดในส่วนที่เขาไม่ต้องการให้ยุ่ง จึงอยู่ได้เพียงช่วงสั้นๆ พินิจ มีสายสัมพันธ์กับ เอเอฟซี ทำให้ผมเดาว่า แกคงลงสมัครให้มีชื่ออยู่ในแวดวงไว้ เผื่อจะได้กินตำแหน่งในองค์กรระดับทวีปหรือสูงกว่านั้น แต่พรรคพวกที่จะลงคะแนนให้แกคงไม่มีนะครับ
ทีมบิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล ตัวหัวหน้าทีมที่เคยสร้างชื่อให้แฟนบอลจดจำในยุคดรีมทีม กล้านรงค์ จันทิก คนนี้เป็นอดีตเลขาธิการ ป.ป.ช. ส่วน หมอทศพร เสรีรักษ์ นี่ก็โฆษกรัฐบาลปู ที่เหลือนั้น แฟนบอลไม่น่าจะรู้จัก แต่ บิ๊กหอย เชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งหนนี้มันมีการแบ่งสีอย่างชัดเจน เจ้าของสโมสรที่เป็น เพื่อไทย ก็ต้องเลือกฝ่ายเพื่อไทย พวกประชาธิปัตย์ก็จะเลือกฝ่ายบิ๊กอ๊อด ซึ่งสำหรับตนนั้น ความที่เคยอยู่ทั้ง ประชาธิปัตย์ และ ไทยรักไทย อันนี้จะทำให้ตนได้ถึง 24 คะแนน อย่างน้อยก็ได้เข้าชิงแน่ๆ แต่ส่วนตัวผมประเมินว่า พี่หอย มีโอกาสจริงๆ 0-3 คะแนนครับ
ทีมบิ๊กอ๊อด เปิดหน้าสู้ ชูนโยบายแฟร์ และประกาศมาจับโจร เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ลูกทีมแต่ละคนนั้น สังคมคุ้นเคย เป็นฝ่ายที่ไม่พอใจการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสและมักบาดเจ็บ สูญเสียผลประโยชน์เนื่องด้วยเหตุที่เกิดจากฝั่งอำนาจเก่าทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาพันธมิตรใน TPL และ D1 แล้ว ทีมนี้มีประมาณ 20 เสียง บวกลบ
การเลือกตั้งตำแหน่งอุปนายก ซึ่งมี 5 ที่นั่ง และตำแหน่งกรรมการกลางซึ่งมี 13 ที่นั่งนั้น เขาจะให้สมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้ง 72 เสียงกาหมายเลขที่ต้องการ แล้วนับคะแนน ใครได้คะแนนสูงสุด 5 และ 13 อันดับแรกก็ได้รับเลือกไป หากมีคะแนนเท่ากันในโควต้าดังกล่าวเกิดขึ้นก็จัดให้เลือกกันใหม่เฉพาะคนคะแนนเท่ากันครับ
ส่วนนายกสมาคมฯ คนจะได้รับเลือกต้องมีคะแนน 50 เพอร์เซ็นท์ บวก 1 เสียงขึ้นไป ถ้ายังไม่ได้ตามนั้นก็ลงคะแนนกันใหม่โดยตัดคนที่ได้รับคะแนนอันดับสุดท้ายทิ้งไปทีละคน จนกว่าจะได้ผู้ชนะ
เรื่อง 30 เสียงนั้น ผมเชื่อว่าทั้ง ทีมอาจารย์หรั่ง และ ทีมบิ๊กอ๊อด ต่างก็ย่อมมีกึ๋นเพียงพอที่จะจัดโพยให้แต่ละสโมสรเลือกตัวแทนของตน 5 ทีมในแต่ละโซน ซึ่งถ้าฝ่ายใดได้โซนไหนไปก็ย่อมได้ทั้ง 5 เสียงยกทีมไปอย่างแน่นอน แล้วใครจะเป็นฝ่ายครองสมาคมนั้น ผมว่า เราอาจล่วงรู้ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมนี่เอง เมื่อผลการเลือกตั้ง 30 เสียงออกมา นี่แหละครับ ตัวแปรสำคัญ
หลังจากปิดรับสมัครไปเรียบร้อยเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา หน้าตาของผู้ที่เสนอตัวเข้ามาบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยสรุปเป็นประเภทผู้สมัครครบเต็มโควต้าทั้งทีมมี 3 ทีม และประเภทที่สมัครเฉพาะตำแหน่งนายกสมาคมฯ อีก 2 คน อย่างนี้แฟนบอลก็คงเดาได้ว่า คู่ชิงในการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ก็น่าจะเป็น ฝ่ายอำนาจเก่า ที่นำโดย อาจารย์หรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน กับ ฝ่ายอำนาจใหม่ ที่นำโดย บิ๊กอ๊อด พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และถ้าจะให้ชัดกันจริงๆ ว่าใครจะเข้าวิน ผมว่าต้องไปดูผลการเลือกตั้งเล็ก หาตัวแทน 30 เสียงจาก ลีกภูมิภาค ดิวิเชิ่น 2 ในวันที่ 22 มกราคมนี้ครับ
ทีมอาจารย์หรั่งนั้น ตัวบุคคลประกอบทีมนั้นรวมตัวกันอย่างกระท่อนกระแท่น เพราะนายเก่าเพิ่งโดนคำสั่ง ฟีฟ่า พักงานต่อ ต้องยอมให้ โค้ชชาญวิทย์ มายืนเป็นหัวหน้าชั้น และไปหยิบเอาชื่อคนเป็น เลขาฯ รองเลขาฯ รวมทั้ง ประธาน TPL มาใส่ให้เต็มๆ อย่างไรก็ตาม ลูกทีมมีหน้าตาคุ้นๆ เป็นที่รู้จักกันพอควร มีฝ่ายของการเมืองพรรคเพื่อไทยมากมาย จะมีหลุดข้ามฝั่งทำให้เสียศูนย์ไปบ้างก็รายของ เสี่ยเหน่ง บีจีเอ๊ฟซี เมื่อมองทั้งพรรคพวกทางฝ่ายการเมือง และพวกที่มีประโยชน์กันอย่างเหนียวแน่น ยังพอทำให้เป็นทีมที่น่าจะได้คะแนนจากสโมสรใน TPL กับ D1 ราว 15 เสียง บวกลบ
บิ๊กตั้น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ประธานสโมสรบางกอก เอ๊ฟซี แม้เป็นแกนนำในการชุมนุมของกปปส. คนละฝั่งชัดๆ แต่เคยอยู่ในโผอำนาจเก่า ซึ่งตอนนี้เขาไม่เอาเป็นพวกอีกต่อไป จึงต้องลงสมัครเองคนเดียวในตำแหน่งนายกสมาคมฯ แต่ถ้ามองให้ลึกเว่อร์ก็อาจจะเป็นตัวแหกตาหวังดึงคะแนนจากพรรคพวกที่เป็นประชาธิปัตย์มาจาก ทีมบิ๊กอ๊อด ก็ถือว่าลึกล้ำ ผมว่า บิ๊กตั้น ได้ 1 คะแนนจากสโมสรของตนเองแน่นอน
พินิจ สะสินิน คนนี้เคยเป็นเลขาธิการสมาคมฯ แต่คงมีคนไม่พอใจผลงาน แถมจะเข้าไปยุ่งแบบละเอียดในส่วนที่เขาไม่ต้องการให้ยุ่ง จึงอยู่ได้เพียงช่วงสั้นๆ พินิจ มีสายสัมพันธ์กับ เอเอฟซี ทำให้ผมเดาว่า แกคงลงสมัครให้มีชื่ออยู่ในแวดวงไว้ เผื่อจะได้กินตำแหน่งในองค์กรระดับทวีปหรือสูงกว่านั้น แต่พรรคพวกที่จะลงคะแนนให้แกคงไม่มีนะครับ
ทีมบิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล ตัวหัวหน้าทีมที่เคยสร้างชื่อให้แฟนบอลจดจำในยุคดรีมทีม กล้านรงค์ จันทิก คนนี้เป็นอดีตเลขาธิการ ป.ป.ช. ส่วน หมอทศพร เสรีรักษ์ นี่ก็โฆษกรัฐบาลปู ที่เหลือนั้น แฟนบอลไม่น่าจะรู้จัก แต่ บิ๊กหอย เชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งหนนี้มันมีการแบ่งสีอย่างชัดเจน เจ้าของสโมสรที่เป็น เพื่อไทย ก็ต้องเลือกฝ่ายเพื่อไทย พวกประชาธิปัตย์ก็จะเลือกฝ่ายบิ๊กอ๊อด ซึ่งสำหรับตนนั้น ความที่เคยอยู่ทั้ง ประชาธิปัตย์ และ ไทยรักไทย อันนี้จะทำให้ตนได้ถึง 24 คะแนน อย่างน้อยก็ได้เข้าชิงแน่ๆ แต่ส่วนตัวผมประเมินว่า พี่หอย มีโอกาสจริงๆ 0-3 คะแนนครับ
ทีมบิ๊กอ๊อด เปิดหน้าสู้ ชูนโยบายแฟร์ และประกาศมาจับโจร เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ลูกทีมแต่ละคนนั้น สังคมคุ้นเคย เป็นฝ่ายที่ไม่พอใจการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสและมักบาดเจ็บ สูญเสียผลประโยชน์เนื่องด้วยเหตุที่เกิดจากฝั่งอำนาจเก่าทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาพันธมิตรใน TPL และ D1 แล้ว ทีมนี้มีประมาณ 20 เสียง บวกลบ
การเลือกตั้งตำแหน่งอุปนายก ซึ่งมี 5 ที่นั่ง และตำแหน่งกรรมการกลางซึ่งมี 13 ที่นั่งนั้น เขาจะให้สมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้ง 72 เสียงกาหมายเลขที่ต้องการ แล้วนับคะแนน ใครได้คะแนนสูงสุด 5 และ 13 อันดับแรกก็ได้รับเลือกไป หากมีคะแนนเท่ากันในโควต้าดังกล่าวเกิดขึ้นก็จัดให้เลือกกันใหม่เฉพาะคนคะแนนเท่ากันครับ
ส่วนนายกสมาคมฯ คนจะได้รับเลือกต้องมีคะแนน 50 เพอร์เซ็นท์ บวก 1 เสียงขึ้นไป ถ้ายังไม่ได้ตามนั้นก็ลงคะแนนกันใหม่โดยตัดคนที่ได้รับคะแนนอันดับสุดท้ายทิ้งไปทีละคน จนกว่าจะได้ผู้ชนะ
เรื่อง 30 เสียงนั้น ผมเชื่อว่าทั้ง ทีมอาจารย์หรั่ง และ ทีมบิ๊กอ๊อด ต่างก็ย่อมมีกึ๋นเพียงพอที่จะจัดโพยให้แต่ละสโมสรเลือกตัวแทนของตน 5 ทีมในแต่ละโซน ซึ่งถ้าฝ่ายใดได้โซนไหนไปก็ย่อมได้ทั้ง 5 เสียงยกทีมไปอย่างแน่นอน แล้วใครจะเป็นฝ่ายครองสมาคมนั้น ผมว่า เราอาจล่วงรู้ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมนี่เอง เมื่อผลการเลือกตั้ง 30 เสียงออกมา นี่แหละครับ ตัวแปรสำคัญ
