คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้ผุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามในวงการฟุตบอลออกมา โดยผู้บริหาร ฟีฟ่า ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรยึดแนวทางในการให้การศึกษาเป็นสำคัญเพื่อให้ฟุตบอลปลอดจากการใช้สารกระตุ้น และบัดนี้ก็ได้เริ่มแผนการรณรงค์ให้นักเตะเข้าใจว่า ทำไมพวกเขาจึงต้องอยู่ให้ห่างไกลจากสารกระตุ้น ซึ่งจะมีวิธีการอะไรบ้างที่บรรดานักเตะควรระลึกไว้เสมอ
สิ่งแรกเลยก็คือ ทำโป๊สเต้อร์ออกมาเผยแพร่โดยมีเป้าหมายในการปลุกกระแสให้นักกีฬารุ่นเยาว์ ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ทีม แพทย์ และผู้ปกครอง ได้ทราบถึงอันตรายและผลที่จะเกิดขึ้นจากการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม มันก็เป็นการสื่อสารข้อความ 11 ประการที่ได้รับการเลือกเฟ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโดยได้รับความร่วมมือจากองค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (World Anti-Doping Agency - WADA) จะได้มีความรู้กันและไม่เผลอไปใช้สารกระตุ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ฟีฟ่า ขอให้สมาคมฟุตบอลของชาติสมาชิกช่วยกันแจกจ่ายโป๊สเต้อร์ดังกล่าวไปยังสโมสรและทีมชาติในทุกระดับให้ทั่วถึง เพื่อให้นำไปติดตามสนามฟุตบอลและสถานที่ต่างๆให้ผู้คนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะนักกีฬารุ่นเยาว์
ข้อความที่สื่อสารให้เข้าใจง่ายๆแต่นับว่าได้ผลเป็นอย่างดีก็คือข้อความแรกเลย “การใช้สารกระตุ้นคือการโกง จงเคารพเพื่อนร่วมทีมและวงการกีฬา และที่สำคัญ เคารพตนเอง คุณไม่ต้องการได้รับชัยชนะด้วยการโกงหรอก” ข้อ 2 “ขอให้หาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการใช้สารกระตุ้น ปรึกษาแพทย์ประจำทีมหรือทางสื่อสังคมออนลายน์ เช่น globaldro.com เพื่อจะได้อยู่ในอาชีพค้าแข้งได้อย่างยาวนาน ตรวจสอบซ้ำอีกเสมอแม้ว่าที่ผ่านมาแพทย์จะเป็นคนบอกก็ตาม เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของคุณเอง ใช่ว่าแพทย์ทุกคนจะสำเหนียกในเรื่องการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของ ฟีฟ่า และ WADA”
ข้อ 3 “ตรวจสอบรายชื่อสารกระตุ้นต้องห้ามก่อนใช้ยาใดๆเสมอ โดย WADA จะมีรายชื่อสารกระตุ้น รวมทั้ง วิธีการที่ห้ามนักกีฬาใช้อยู่แล้ว หากไม่แน่ใจให้สอบถามไปยังองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของชาติตนก็ได้” ข้อ 4 “มุ่งเน้นที่โภชนาการที่ดี การมีโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสมเป็นหนทางที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์และให้พลังงานที่คุณต้องการและเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายอีกด้วย”
ข้อ 5 “หลีกเลี่ยงพวกอาหารเสริม ถ้าคุณไม่แน่ใจเต็ม 100 เพอร์เซ็นท์ในส่วนผสมของมัน” ข้อ 6 “อย่าเอาอาชีพของคุณมาเสี่ยง ไม่ว่าจะในฐานะเป็นผู้ครอบครอง กระทำตนเป็นผู้ซื้อ-ขาย หรือจัดการอะไรที่เกี่ยวกับสารกระตุ้นต้องห้าม มันผิดกฎทั้งนั้น”
ข้อ 7 “หลีกเลี่ยงการเสพยายอดฮิต กัญชาและโคเคนทำลายสุขภาพและอาชีพนักกีฬา รวมทั้งชีวิตส่วนตัวด้วย มันเป็นสารต้องห้ามในช่วงการแข่งขันที่อยู่ในรายชื่อสารต้องห้ามของ WADA อยู่แล้ว แม้ว่าจะใช้ก่อนช่วงการแข่งขันแต่ก็อาจมีสารตกค้างอยู่ในร่างกายนานหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะ กัญชา” ข้อ 8 “ยาในกลุ่ม Anabolic Steroids เป็นอันตราย การใช้มากและนานจะมีผลเสีย มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เต้านมเหี่ยว ศีรษะล้าน ลูกอัณฑะฝ่อ เป็นสิว เกิดโรคหัวใจ”
ข้อ 9 “ทำตัวให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ที่พร้อมสำหรับการตรวจเสมอ หากไม่สามารถเข้ารับการตรวจ 3 หนภายในระยะเวลา 1 ปี คุณก็อาจมีปัญหากับกระบวนการทางด้านวินัย” ข้อ 10 “อย่าปฏิเสธหรือกระทำการฉ้อฉลกับการตรวจสารกระตุ้น การใช้ตัวอย่างสำหรับตรวจสารกระตุ้นปลอม สับเปลี่ยน ทำลาย หลีกเลี่ยง ปฏิเสธ ถือเป็นการละเมิดกฎข้อบังคับทั้งสิ้น”
และข้อสุดท้าย “ข้อยกเว้นในการใช้ยาเพื่อบำบัดโรค หากคุณมีปัญหาสุขภาพที่จำเป็นต้องใช้ยาหรือวิธีการที่อยู่ในรายชื่อสารกระตุ้นต้องห้ามก็สามารถขอเป็นกรณียกเว้นได้ แต่มีข้อแม้ว่ามันจำเป็นจริงๆ ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว และการใช้ยาหรือวิธีการดังกล่าวเป็นการช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายให้สูงขึ้น”
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้ผุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามในวงการฟุตบอลออกมา โดยผู้บริหาร ฟีฟ่า ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรยึดแนวทางในการให้การศึกษาเป็นสำคัญเพื่อให้ฟุตบอลปลอดจากการใช้สารกระตุ้น และบัดนี้ก็ได้เริ่มแผนการรณรงค์ให้นักเตะเข้าใจว่า ทำไมพวกเขาจึงต้องอยู่ให้ห่างไกลจากสารกระตุ้น ซึ่งจะมีวิธีการอะไรบ้างที่บรรดานักเตะควรระลึกไว้เสมอ
สิ่งแรกเลยก็คือ ทำโป๊สเต้อร์ออกมาเผยแพร่โดยมีเป้าหมายในการปลุกกระแสให้นักกีฬารุ่นเยาว์ ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ทีม แพทย์ และผู้ปกครอง ได้ทราบถึงอันตรายและผลที่จะเกิดขึ้นจากการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม มันก็เป็นการสื่อสารข้อความ 11 ประการที่ได้รับการเลือกเฟ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโดยได้รับความร่วมมือจากองค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (World Anti-Doping Agency - WADA) จะได้มีความรู้กันและไม่เผลอไปใช้สารกระตุ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ฟีฟ่า ขอให้สมาคมฟุตบอลของชาติสมาชิกช่วยกันแจกจ่ายโป๊สเต้อร์ดังกล่าวไปยังสโมสรและทีมชาติในทุกระดับให้ทั่วถึง เพื่อให้นำไปติดตามสนามฟุตบอลและสถานที่ต่างๆให้ผู้คนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะนักกีฬารุ่นเยาว์
ข้อความที่สื่อสารให้เข้าใจง่ายๆแต่นับว่าได้ผลเป็นอย่างดีก็คือข้อความแรกเลย “การใช้สารกระตุ้นคือการโกง จงเคารพเพื่อนร่วมทีมและวงการกีฬา และที่สำคัญ เคารพตนเอง คุณไม่ต้องการได้รับชัยชนะด้วยการโกงหรอก” ข้อ 2 “ขอให้หาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการใช้สารกระตุ้น ปรึกษาแพทย์ประจำทีมหรือทางสื่อสังคมออนลายน์ เช่น globaldro.com เพื่อจะได้อยู่ในอาชีพค้าแข้งได้อย่างยาวนาน ตรวจสอบซ้ำอีกเสมอแม้ว่าที่ผ่านมาแพทย์จะเป็นคนบอกก็ตาม เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของคุณเอง ใช่ว่าแพทย์ทุกคนจะสำเหนียกในเรื่องการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของ ฟีฟ่า และ WADA”
ข้อ 3 “ตรวจสอบรายชื่อสารกระตุ้นต้องห้ามก่อนใช้ยาใดๆเสมอ โดย WADA จะมีรายชื่อสารกระตุ้น รวมทั้ง วิธีการที่ห้ามนักกีฬาใช้อยู่แล้ว หากไม่แน่ใจให้สอบถามไปยังองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของชาติตนก็ได้” ข้อ 4 “มุ่งเน้นที่โภชนาการที่ดี การมีโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสมเป็นหนทางที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์และให้พลังงานที่คุณต้องการและเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายอีกด้วย”
ข้อ 5 “หลีกเลี่ยงพวกอาหารเสริม ถ้าคุณไม่แน่ใจเต็ม 100 เพอร์เซ็นท์ในส่วนผสมของมัน” ข้อ 6 “อย่าเอาอาชีพของคุณมาเสี่ยง ไม่ว่าจะในฐานะเป็นผู้ครอบครอง กระทำตนเป็นผู้ซื้อ-ขาย หรือจัดการอะไรที่เกี่ยวกับสารกระตุ้นต้องห้าม มันผิดกฎทั้งนั้น”
ข้อ 7 “หลีกเลี่ยงการเสพยายอดฮิต กัญชาและโคเคนทำลายสุขภาพและอาชีพนักกีฬา รวมทั้งชีวิตส่วนตัวด้วย มันเป็นสารต้องห้ามในช่วงการแข่งขันที่อยู่ในรายชื่อสารต้องห้ามของ WADA อยู่แล้ว แม้ว่าจะใช้ก่อนช่วงการแข่งขันแต่ก็อาจมีสารตกค้างอยู่ในร่างกายนานหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะ กัญชา” ข้อ 8 “ยาในกลุ่ม Anabolic Steroids เป็นอันตราย การใช้มากและนานจะมีผลเสีย มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เต้านมเหี่ยว ศีรษะล้าน ลูกอัณฑะฝ่อ เป็นสิว เกิดโรคหัวใจ”
ข้อ 9 “ทำตัวให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ที่พร้อมสำหรับการตรวจเสมอ หากไม่สามารถเข้ารับการตรวจ 3 หนภายในระยะเวลา 1 ปี คุณก็อาจมีปัญหากับกระบวนการทางด้านวินัย” ข้อ 10 “อย่าปฏิเสธหรือกระทำการฉ้อฉลกับการตรวจสารกระตุ้น การใช้ตัวอย่างสำหรับตรวจสารกระตุ้นปลอม สับเปลี่ยน ทำลาย หลีกเลี่ยง ปฏิเสธ ถือเป็นการละเมิดกฎข้อบังคับทั้งสิ้น”
และข้อสุดท้าย “ข้อยกเว้นในการใช้ยาเพื่อบำบัดโรค หากคุณมีปัญหาสุขภาพที่จำเป็นต้องใช้ยาหรือวิธีการที่อยู่ในรายชื่อสารกระตุ้นต้องห้ามก็สามารถขอเป็นกรณียกเว้นได้ แต่มีข้อแม้ว่ามันจำเป็นจริงๆ ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว และการใช้ยาหรือวิธีการดังกล่าวเป็นการช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายให้สูงขึ้น”
