ASTV ผู้จัดการรายวัน - ขึ้นชื่อว่ากีฬาทางอากาศถือว่ามีความอันตรายไม่น้อย เนื่องจากมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องที่ผู้เล่นไม่สามารถควบคุมได้ ยิ่งผู้เล่นเป็นหญิงสาวด้วยแล้วถือว่าหาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ความนิยมอาจจะไม่สูงนัก แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดใช้ไม่ได้กับ “บี” นันท์ณภัส ภุชฌงค์ ร่มร่อนหญิงทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์โลกพาราไกลดิง (แม่นเป้า) ประเภทบุคคลหญิง “เอฟเอไอ เวิลด์ พาราไกดิง แอคคูราซี แชมเปียนชิป 2015” ที่ฝ่าทุกอุปสรรคทำฝันของตนเองให้เป็นจริงพร้อมนำชื่อเสียงมาสู่บ้านเกิด
ปัจจุบัน นันท์ณภัส ครองอันดับ 1 โลกประเภทบุคคลหญิงจากการจัดอันดับของ สหพันธ์กีฬาทางอากาศนานาชาติ (FAI) โดยได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนเองเองมุ่งหน้าสู่การเล่นกีฬาผาดโผนชนิดนี้ตั้งแต่วัยเด็ก ส่วนหนึ่งเพราะมี นาวาอากาศเอกสมยศ เจริญวัย ซึ่งเป็นคุณอาแท้ๆ ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนอยู่ที่สมาคมกีฬาทางอากาศและการบินฯ และมักจะนำเครื่อง “พารามอเตอร์” กลับมาฝึกซ้อมที่บ้านจนเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้สาวน้อย
“ตอนนั้นอายุเพียง 10 ขวบ จำได้ว่าคุณอาไปเยี่ยมที่บ้านและนำพารามอเตอร์มาเล่น จึงเกิดความสนใจ แต่ลึกๆ ไม่กล้าบังคับเครื่องยนต์ เพราะคิดว่าเป็นอุปกรณ์ของทหารด้วย จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงได้เริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นฐาน ทั้งการตั้งร่ม ทดลองบินจากเนินเล็กๆ แบบไม่มีพารามอเตอร์ จนสามารถติดทีมชาติ ในปี 2011 และร่วมลุย ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 คว้าเหรียญเงินมาครองในประเภททีมหญิงบินเก็บคะแนน” น้องบี เผย
แม้เส้นทางนักกีฬาอาชีพกำลังจะไปได้สวย แต่ก็ต้องมาเจออุปสรรคเรื่องการเรียน ที่ทำให้สุดท้ายแล้วสาวจากจังหวัดชัยภูมิ ต้องตัดสินใจลาออกจากการเรียนพยาบาลและมาทุ่มเทให้การฝึกซ้อมทีมชาติอย่างเต็มที่ “ก่อนหน้านี้สอบติดพยาบาล แต่กังวลเรื่องเวลาในการฝึกซ้อมไม่ลงตัว เรียนได้ 2 ปีก็ตัดสินใจลาออกมาศึกษาที่ ม.รามคำแหง เพราะเป็นการศึกษาแบบเปิดเหมาะกับการที่ต้องฝึกซ้อมกีฬา โดยตัดสินใจมาเรียนคณะวิทยาศาสตร์ แต่ช่วงแรกก็ไม่มีเวลาพอสำหรับการเข้าห้องแล็ป จึงย้ายคณะมาเรียนคณะรัฐศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีเวลาซ้อมกีฬามากขึ้น แม้จะเสียเวลาไปมากในช่วงแรก แต่ปัจจุบันทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว”
ด้วยความรักในกีฬาชนิดนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น ทำให้ นันท์ณภัส ฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนตะวันตกดิน ที่จังหวัดชลบุรี เพราะมีกระแสลมที่เหมาะสม แม้ในช่วงแรกจะถูกเสียงคัดค้านจากคุณแม่ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ให้ครอบครัวยอมรับในสิ่งที่ตนเองเลือก โดยการคว้าเบอร์ 1 โลก ในประเภทพาราไกลดิง บุคคลหญิงมาครอง
นันท์ณภัส เล่าว่า “ตอนแรกที่หัดเล่นกีฬาร่มร่อนไม่ได้บอกให้แม่รู้ จนมีครั้งหนึ่งท่านไปเห็นเราแข่งที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งแม่ตกใจมากที่เห็นเราบินขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย จึงตัดสินใจพาท่านขึ้นไปบนเนินเขาและใส่อุปกรณ์ร่มร่อน ก่อนจะให้แม่ลองบินเอง เพราะอยากให้เข้าใจถึงความรู้สึกตอนที่ บี อยู่บนท้องฟ้า มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ข้างล่างมีคนให้กำลังใจ ท่านก็เริ่มเข้าใจและสนับสนุนมากขึ้น จนสามารถประสบความสำเร็จในระดับโลก ก็ดีใจที่ทำให้แม่และคนรอบตัวภูมิใจ”
นอกจากการฝึกซ้อมอย่างหนักอีกหนึ่งสิ่งที่ น้องบี ต้องยอมเสียสละเพื่อผลักดันตนเองให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุดก็คือ “เงิน” เพราะการไปแข่งขันเก็บคะแนนสะสมที่ประเทศต่างๆ นั้น ทางสมาคมฯ ไม่ได้มีปัจจัยมากพอที่จะสนับสนุนนักกีฬาทุกคน ทำให้สาววัย 27 ปี ต้องดูแลตนเองทั้งค่าเดินทาง อุปกรณ์แข่งขัน อาทิ เบาะนั่ง, ร่ม, ร่มสำรอง เฉลี่ยปีละ 500,000 บาท ซึ่งเธอยินดีที่จะแลก ส่วนหนึ่งคือเงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันแถมเลี้ยงดูครอบครัวได้อีกด้วย
นันท์นภัส ทิ้งท้ายอีกว่าหลังจากคว้าตำแหน่งนักกีฬาหญิงร่มร่อนมือ 1 โลกได้แล้ว ความฝันต่อไปของตนคือการเอาชนะนักกีฬาชายให้ได้ “ตั้งใจว่าจะสานฝันตัวเองให้เป็นจริงด้วยการเอาชนะนักกีฬาร่มร่อนชาย เพราะผู้ชายจะมีความเสถียรมากกว่าผู้หญิง ถ้าชนะได้ก็ถือว่าสูงสุดแล้ว ส่วนด้านการทำงานตั้งใจจะรับราชการเป็นตำรวจ หรือ ทหาร เพื่อสร้างความมั่นคงให้ตนเองต่อไปในอนาคต”
หลังจากนี้ นันท์ณภัส มีศึกใหญ่สุดท้ายของปีนี้รออยู่คือรายการ “เอฟเอไอ เวิลด์ แอร์เกมส์” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 13 ธันวาคม 2558 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะจัดแข่งขันขึ้นทุก 4 ปี นำผู้เล่นท็อป 16 จากทั่วโลกมาประชันฝีมือ 11 ชนิดกีฬาทางอากาศ 26 ประเภทการแข่งขัน โดยต้องเผชิญหน้ากับชาติคู่แข่งที่เป็นต้นตำรับอย่าง สโลเวเนีย, เซอร์เบีย และ สาธารณรัฐเช็ก