ASTV ผู้จัดการรายวัน – แจ้งเกิดจนเป็นที่จับตามองในแวดวงกีฬา สำหรับ "น้องเทมส์" ฑีฆรี ศิลปอาชา หลังคว้าอันดับ 14 ในรุ่น แอดวานซ์ โนวิซ เกิร์ล การแข่งขันกีฬาฟิกเกอร์สเก็ต ระดับเอเชียรายการ "เอเชียน โอเพน ฟิกเกอร์สเกตติ้ง โทรฟี 2015" เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่ากีฬาชนิดนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในเมืองไทยที่อยู่ในเขตร้อน แต่ครอบครัวก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
“น้องเทมส์” เป็นลูกสาวคนโตของ "บิ๊กท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา นายใหญ่ทีม "ช้างศึกยุตถหัตถี" สุพรรณบุรี เอฟซี แห่งศึกฟุตบอล โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก กับ "แม่เก๋" สุวรรณา ศิลปอาชา นายกสมาคมฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ในฐานะครอบครัวกีฬาสาวน้อยวัย 13 ปี จึงได้รับการดูแลและฝึกฝนเต็มที่
"หนูซ้อมหนักมากตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ที่ลานไอซ์สเก็ตของอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ จะซ้อมตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. ทำให้มีเวลาพักแค่วันเดียวเท่านั้น หลายครั้งคิดอยากจะเลิกเล่น เพราะช่วงฝึกแรกๆ ล้มบ่อยมาก แถมยังไม่มีเวลาใช้ชีวิตเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย" ลูกสาวนายใหญ่ สุพรรณบุรี เอฟซี เริ่มเล่าให้ฟัง
กระนั้นก็ตาม คุณแม่สุวรรณา คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ผลักดันให้ “น้องเทมส์” ผ่านช่วงเวลาสำคัญของกีฬาชนิดนี้ไปได้ “น้องเริ่มให้ความสนใจในกีฬาฟิกเกอร์ตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง แต่มาเล่นจริงจังตอนอายุ 4 ขวบครึ่ง เวลาที่ฝึกจะอยู่กับโค้ชอดีตทีมชาติญี่ปุ่น ซึ่งแม่ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย เพราะกีฬานี้ถือเป็นกีฬาที่ยากที่สุดของโลก ต้องมีการเล่นท่าทั้งกลางอากาศและบนพื้น มีการหมุน การวางแขน ขา ในองศาที่ถูกต้อง หน้าที่ดูแลน้องในสนามคือหน้าที่ของโค้ชคนเดียว"
"หลายครั้งที่ลูกล้มเจ็บจนร้องไห้มาบอกเราว่าอยากเลิกเล่น แม่ก็จะพยายามอธิบายให้เข้าใจว่ากีฬาทุกชนิดต้องได้รับบาดเจ็บบ้างเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งเดียวที่ทำให้น้องเทมส์ยังเล่นฟิกเกอร์สเก็ตอยู่จนถึงทุกวันนี้คือใจ เวลาที่หายท้อกลับมาก็ยากที่จะฝึกซ้อมต่อ เพราะเราเดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะเลิกเล่นกลางคัน มีแต่ต้องคิดว่าว่าพัฒนาตัวเองอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ" คุณแม่เผย
แน่นอนว่าเด็กทุกคนที่กำลังก้าวสู่ช่วงวัยรุ่นย่อมอยากใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ตามประสา ซึ่ง “น้องเทมส์” จำเป็นต้องเสียสละตรงนี้ “ด้วยโปรแกรมการซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นได้ แต่น้องเองมีความตั้งใจในการฝึกซ้อมดีมาก ส่วนหนึ่งได้มาจากโค้ชชาวญี่ปุ่นที่เคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย และตั้งใจฝึกสอนให้สามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จในระดับประเทศ”
"ทั้งนี้กีฬาฟิกเกอร์สเก็ตถือเป็นกีฬาที่โด่งดังในระดับเอเชีย ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้นักกีฬาจากเกาหลี, ญี่ปุ่น สามารถขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของโลกได้ ส่วนตัวอยากจะปั้นนักกีฬาของไทยทุกคนให้ประสบความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งตอนนี้มี "ปาล์มมี่" ธิตา ล่ำซำ และ "พร้อม" พร้อมสรร รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ที่มีอันดับโลกอยู่ที่ร้อยต้นๆ เป็นตัวความหวังของไทยในการไต่อันดับโลกให้สูงขึ้นอยู่" นายใหญ่สมาคมฟิกเกอร์สเก็ต กล่าว
สำหรับความหวังในการโลดแล่นอยู่บนลานน้ำแข็ง น้องเทมส์ เปิดเผยว่าขอลุยศึกจูเนียร์ เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ ใหเได้สักครั้ง ก่อนผันตัวเป็นโค้ชด้วยอายุ 20 ต้นๆ เนื่องจากกีฬาชนิดนี้มีอายุการใช้งานค่อนข้างน้อยตามสรีระร่างกายที่ขยายขึ้นตามธรรมชาติ "ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์ประเทศไทยปี 2556, 2557 และ 2558 ซึ่งยังไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของตัวเอง แต่การได้สิทธิ์เข้าไปแข่งจูเนียร์ เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ จะเป็นความภาคภูมิใจยิ่งกว่า ทั้งนี้จะต้องสะสมคะแนนการศึก กรังด์ ปรีซ์ แต่ละรายการให้ได้ตามที่กำหนดจึงจะสามารถคว้าตั๋วเข้าร่วมได้ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสแข่งกับนักกีฬาเก่งๆทั่วโลก หากตัวเองไม่ได้แชมป์ก็ยังได้ประสบการณ์นำกลับมาใช้"
"นอกจากนี้ยังได้วางแผนไว้ว่าจะเป็นนักกีฬาไปจนถึงอายุ 20 ปี เพราะถ้าต้องเข้ามหาวิทยาลัยอาจจะทำให้การแบ่งเวลาลำบากมากขึ้น แต่คงไม่ได้ทิ้งกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตไปไหน เพียงแต่อาจผันตัวมารับหน้าที่โค้ชถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เคยได้รับมาให้นักกีฬารุ่นต่อไป ก็หวังว่าในอนาคตทีมชาติไทยจะสามารถประสบความสำเร็จ ส่วนเรื่องจะโตขึ้นมาช่วยงานคุณพ่อหรือคุณแม่ต่อหรือไม่นั้น คงยังให้คำตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าทั้ง 2 ท่านสามารถทำงานได้อีกนาน ตนเองก็ขอทำหน้าที่ของนักกีฬาให้ดีที่สุดก่อน" น้องเทมส์ ทิ้งท้าย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***