xs
xsm
sm
md
lg

ฮีโร่ผู้หันหลังให้เหล้า : กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ขนลุก สั่นสะท้านจับหัวใจ น้ำตาไหลริน ฯลฯ
หลายต่อหลายความรู้สึกที่ส่งผ่านบทเพลงราวกับกวีโศกเศร้าและเกรี้ยวกราดของแร็ปเปอร์และนักแสดงในสังกัดก้านคอคลับ "ณัฐวุฒิ ศรีหมอก" หรือ "กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่" อดีต "สิงห์เหนือ" ศิลปินแนวเสียดสีสะท้อนสังคมที่ในช่วงเวลา 10 กว่าปีมานี้ คงไม่มีใครที่ไม่เคยไม่สัมผัสคำบอกเล่าข้างต้นที่กล่าวมานี้

ณ จุดนั้น ใครบางคนอาจเผลอคิดว่าหนุ่มวัย 30 กว่าๆ ผู้นี้ ช่างเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและความคิดอ่านที่ยากจะรับมือในชีวิตจริงอย่างง่ายดาย แต่ทว่าชีวิตอีกด้านเขาก็ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย โดยเฉพาะกับ "สุรา" น้ำมีดีกรีที่กำลังพังทั้งชีวิต ชื่อเสียง เงินทอง และมิตรสหาย อย่างไรก็ดี ล่าสุด “สิงห์สุราตัวฉกาจ” ได้วางแก้วเหล้าลงแล้วอย่างสงบ พร้อมกับโพสต์เรื่องราวประสบการณ์ "เลิกเหล้า" หลังรู้ว่ามีลูกสาว "น้องชูใจ" ครบรอบหนึ่งปี สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้อ่าน

จากที่เคยคิดตัดสินใจจะกินเหล้าจวบจนวันตาย
จากที่ฟักกลิ้งฮีโร่เคยกล่าวไว้ในเพลง "Morning Moon" ...คนโสดอย่างเรามีรูทเบียร์และสุรา เปิดขายได้ตลอดไม่จำกัดเวลา...

บัดนี้ นอกจากจะไม่มี "สุรา" เข้ามาเจือปนในเส้นเลือด "ความสุข" ในชีวิตก็ไม่ได้หายไปไหนและกลับจะมากยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งเมื่อไม่มีสุราเข้ามาเจือปน อารมณ์ความคิดในการทำงานก็ยังเต็มเปี่ยม สามารถสร้างและผลิตบทเพลงอีกสไตล์หนึ่งที่ยังคงความเป็นฟักกลิ้งฮีโร่ และอีกหลายต่อหลายสิ่งที่เปลี่ยนไป ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่เรื่องของดวงชะตาหรือเพราะพรหมลิขิต แต่คือเกิดขึ้นเพราะตัวของเขาเอง...
• รู้มาว่าครบรอบหนึ่งปีแล้วที่ประกาศเลิกยุ่งกับเหล้า อยากรู้ว่าก่อนหน้านั้นเราเดินทางเข้ามาสู่ยุทธจักร "สุรา" ได้อย่างไร

ช่วงชีวิตที่เข้ามาในวัฏจักรสุรา (ยิ้ม) คือผมเริ่มดื่มกับเพื่อนๆ ก็ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ประมาณอายุ 16-17 ปี แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ลุ่มหลงอะไรมาก จนมาได้เป็นนักร้อง แต่ตอนนั้นช่วงแรกๆ ก็ยังไม่ได้ดื่มมาก เพราะหาเงินยังเองไม่ค่อยได้ มันมาเริ่มหนักตอนวันที่เริ่มหาเงินกินเองได้ (หัวเราะ) เริ่มมีเงินซื้อเหล้าเองได้ เริ่มมีเงินไปปาร์ตี้เองได้ ยิ่งหาเงินได้ เราก็ไม่มีลิมิต คือเรารู้สึกว่าก็เงินเราน่ะ ก็กินหนักชนิดยิ่งเมาก็ยิ่งกิน ดื่มแล้วไม่ยอมเลิก ถ้าไม่ล้มไม่หยุด

ผมมีวีรกรรมทำเรื่องแย่ๆ ไว้เยอะมากตั้งแต่อายุประมาณ 22-32 ปี ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วผมจะต้องเมาสุราอาทิตย์ละครั้ง และใช้เงินในการดื่มสุราไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่ออาทิตย์ บางวันก็สองพัน บางวันก็สามพัน บางวันเป็นหมื่นก็มี และทุกครั้งจะต้องมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น คือถ้าไม่ระรานชาวบ้านจนมีเรื่องมีราวกับคนไปทั่ว ก่อกวนทางผับทางร้าน ไปพังร้านเขา ปัสสาวะบนเวทีร้าน บนบูธดีเจ คืออะไรที่คิดว่ามันแย่ ที่คิดว่าคนกินเหล้าเมาแล้วสามารถทำแย่ๆ ออกไปได้ ของผมต้องเอา10 ไปคูณ และที่สำคัญ ตอนนั้นผมไม่มีทีท่าว่าผมจะเข็ด ผมกลับบอกกับทุกคนอีกว่าผมจะกินเหล้าจนตาย

 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น พฤติกรรมหรือความคิดเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร

ไม่รู้เหมือนกัน...ผมรู้สึกว่ามันคงจะเป็นความโหวงเหวงอะไรสักอย่างในชีวิตของเรา และบวกกับช่วงนั้นก็อาจจะมีเรื่องความรักที่ผิดหวัง ไม่มีใครรักเรา แล้วผมเป็นคนที่ไม่ได้อยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ เพราะว่าคุณแม่อยู่เชียงราย ส่วนกับคุณพ่อนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากมีปัญหา ชีวิตมันก็เลยเหมือนไม่มีเป้าหมาย มันคงจะเป็นความรู้สึกที่มันไม่มีที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจ ผมจะเดินต่อไปเพื่ออะไร สุดท้ายแล้วเดี๋ยวคนเราก็ต้องตาย

เราทำงานหาเงินมาได้ ส่วนหนึ่งที่เหลือเก็บให้คุณพ่อคุณแม่ เราก็เอาไปซื้อความสุขสิ ออกไปใช้ชีวิต ออกไปปาร์ตี้ ตอนนั้นก็คิดว่าเหล้านี่คือเพื่อนแท้ (หัวเราะ) ฉะนั้น ชีวิตผมก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว พอกลับบ้าน มันไม่เจอใคร อยู่ห้องพักก็เหงาๆ ก็ออกไปดื่มดีกว่า มันก็เลยเป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์ๆ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเครียดด้วย เราก็ดื่ม เราติดการออกไปทำเรื่องอย่างนี้

• ที่บอกว่ามันเละเทะ มันส่งผลกระทบอะไรบ้างกับตัวเรา

อย่างแรกเลยคือเรื่องเงินเก็บ ผมไม่มีเลยสักกะบาทเดียว ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ในวงการดนตรี หาได้เท่าไหร่ ลงขวดเหล้าหมด อย่างที่สองคือ เบาหวาน ความดันเริ่มมา ไมเกรนกลับมา อย่างที่สาม ไม่มีใครให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ คือพี่ๆ ในค่าย พี่โจ้ (โจอี้บอย) เขาก็มองว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ เราพูดอะไรไป คนจะเชื่อถือน้อย เพราะเรายังรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้เลย ทำให้เขายิ่งเป็นห่วงเรามากขึ้น อย่างที่สี่ ผมว่าคนข้างๆ เขาก็คงอึดอัดและละอายใจ หลายๆ ร้านถึงกับไม่ให้ผมเข้าร้านเขาเลย

คนในวงการดนตรีรู้หมดว่าอย่าไปดื่มเหล้ากับเรา ยิ่งถ้าสายเรียกเข้าเป็นชื่อเราโทรมาตอนเช้าๆ อย่ารับเด็ดขาด พี่บอย โกสิยพงษ์ พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก ถามได้เลย เขาจะโดนบ่อยมาก เวลาเราเมา เราชอบโทรหาเขา ไปคุยเพ้อเจ้อเรื่องเพลง เรื่องดนตรี บางทีก็ร้องไห้ เมาแล้วเพ้อเจ้อ เมาชีวิต เมาอยู่คนเดียว พอได้โทรศัพท์ก็โทรไปหาเขา เวลาเจอหน้าเขาก็จะแบบว่าหัวเราะขำๆ แต่ข้างในใจเขาก็คงรำคาญ ผมยังหาคำตอบตรงนี้ให้ตัวเองยังไม่ได้ แต่ถามว่ามันมีความสุขไหม มันก็คงไม่มีความสุข แต่ทำไมถึงชอบทำ ก็ไม่รู้นะ ทุกครั้งที่ดื่มเราก็จะมีความสุข ช่วงที่แบบเมาสุดๆ ช่วงนั้นจะรู้สึกว่ามีความสุขมาก ได้โวยวาย ได้อะไร

• เท่าที่ฟังดูก็เหมือนรู้ตัวว่าผิด

ผิดมาก...มันเหมือนเราใช้ความสุขของเราไปจนแห้งเหือดหมด แล้วเราต้องตื่นมาคอยระแวงว่าสิ่งที่เราทำไปเมื่อคืน กระเป๋าตังค์หายอีกแล้ว กุญแจห้องหายแล้ว นี่เราเข้ามาห้องได้ยังไง เมื่อเช้าเราเยี่ยวบนรถแท็กซี่อีกแล้วเหรอวะ เราโทรไปหาพี่โจ้ โทรไปหาสแตมป์ อภิวัชร์ โทรไปร้องไห้กับเป้วง Mild (บดินทร์ เจริญราฎร์) อีกแล้ว เฮ้ย...เมื่อคืนเราต่อยไอ้เป้ด้วยนี่หว่า เราขึ้นไปป่วนปาล์มมี่บนเวที

พูดได้ว่า ทุกครั้งที่ตื่นมาแล้วสร่างเมา นั่นคือความทุกข์ที่สุด มันจะมารู้ตัวรู้สติเอาตอนนี้ นั่นคือความทุกข์ทรมานที่สุดของคนกินเหล้าอย่างผม แล้วทุกครั้งก็บอกตัวเองว่าจะเลิก! ไม่กินอีกแล้ว พอมันหนักๆ ครั้งหนึ่ง ก็เลิกมาเดือน สองอาทิตย์แล้วมันก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม

 แล้วอะไรที่ทำให้เราเลิกเหล้าได้เด็ดขาด

วันที่ผมรู้ว่าภรรยาท้อง ผมก็ตัดสินใจเลิกเหล้าเลย พูดกับฟ้าดินว่าถ้าวันนี้เมียท้องจะเลิกเหล้า จะไม่กินอีกแล้ว จะเลิกตลอดชีวิตเลย เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าผมกับพ่อผมที่ไม่คุยกัน เพราะพ่อของผมเวลาเมาเหล้าแล้วไม่ต่างจากผมเลย กินเหล้าแล้วอาละวาด งอแงไม่เลิกกิน เหมือนกันเด๊ะ คุณพ่อผมกินเหล้าเสียจนต้องออกจากงาน กินเหล้าซะจนชีวิตคู่พัง กินเหล้าจนไม่มีใครคบ ผมกลัวที่จะเป็นเหมือนคุณพ่อผมมาก แต่ผมก็กลายมาเป็นคนอย่างนั้น พอเรารู้ว่าแฟนเราท้อง ความรู้สึกมันก็แวบขึ้นมาว่าเราไม่อยากเป็นพ่อแบบที่พ่อเราเป็น ผมไม่อยากอยู่ในสถานะของพ่อที่ทำให้ลูกไม่มีความสุข เพราะผมก็เคยไม่มีความสุขมาก่อน

 หักดิบแรกๆ มีความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าผมยังไม่ได้ติดขนาดแอลกอฮอลิซึ่ม ผมติดการออกไปสังสรรค์ แต่มันก็แปลกมาก คือพอมันถึงจุดที่บอกว่าจะเลิก ภาพมันเหมือนแบบการ์ตูนที่เวลาเราคิดอะไรออก แล้วมันจะมีไอคอนหลอดไฟปิ๊งขึ้นมา มันได้สติแล้วมันเลิกเลย รู้สึกว่าอิ่มเหล้าขึ้นมาเฉยๆ เรารู้สึกว่า 10 ปีที่ผ่านมาใครที่คิดว่าใช้ชีวิตสนุกๆ รวมสัก 5 คน ยังไม่เท่าเราคนเดียว เราใช้ชีวิตเที่ยว ปาร์ตี้ เยอะมาก อัดมาเต็ม ก็ไม่ได้รู้สึกโหยหาหรือยากกลับไปเที่ยวอย่างนั้นเลย แต่ยกเว้นมีดนตรี มีคอนเสิร์ตวงที่เราอยากดู เราถึงจะไป ไปเราก็ดื่มน้ำเปล่า แล้วเราก็สนุกได้ด้วย (ยิ้ม)

• ไม่มีสุราแล้วทำงานทางด้านนี้ เราจะเข้าถึงหรือสนุกกับเขาได้อย่างไร

คือเมื่อก่อน เวลาขึ้นไปทำงานกับดีเจ ยืนถือไมค์แล้วก็ เฮ้ๆ...ขอดูมือหน่อย เมื่อก่อนผมคิดว่าการทำหน้าที่นี้กับคนเมา ยังไงเราก็ต้องกินเหล้า เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเข้าใจคนเมาได้อย่างไร ผมก็กินเหล้า ถ้าเราไม่เมา มันก็จะไม่สนุก แล้ววันหนึ่งที่เลิก เราก็ลองไปทำดู เราลองไม่เมา เราใช้สติทำงานอย่างนี้มันจะทำได้ไหม ผลปรากฏว่าได้ มันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง กินน้ำเปล่า ผมก็ยังชวนเขาชนแก้วเหมือนเดิม คนก็สนุกเหมือนเดิม แต่ผมไม่ได้ตัดสินว่าอะไรมันดีกว่ากัน ผมคิดแต่ว่าเราก็ยังทำได้นี่หว่า ไอ้สิ่งที่เราคิดว่ามันทำไม่ได้ เราทำได้หมดเลย

• คือจะบอกว่าไม่มีอาการอยากออกไปดื่ม ออกไปปาร์ตี้ของเคยๆ อีกเลย

ไม่มี เพราะตอนนั้นมันเหมือนกับว่าเรายังตื่นเต้นกับเรื่องลูกมาก จนไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว และอีกอย่าง แฟนผมหลังจากรู้ตัวว่าท้อง เขาก็บอกลาชีวิตเก่าๆ ได้ทันที คือผมต้องบอกก่อนว่าเราสองคนเจอกันในผับ แฟนผมเขาก็เป็นคนดื่มเหล้า ชอบปาร์ตี้ เรียกได้ว่าเป็นปาร์ตี้ตัวแม่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าเกิดมีวงดนตรีแนว EDM ที่เขาชอบมาแสดง เขาจะไปตลอด แต่พอท้องปุ๊บ เขาก็เลิกได้ทันทีทุกอย่าง ซึ่งมันยากและโหดร้ายกว่าผมหลายเท่า ชีวิตเขาก็ไม่ได้ทันบอกลาชีวิตเก่า ชีวิตต้องเป็นคุณแม่เลย ชีวิตต้องเลิกทุกอย่าง เขายังสามารถบอกเลิกทุกอย่าง เลิกชีวิตเก่าๆ เพื่อที่จะเป็นคุณแม่ได้เลย ในขณะที่ผมยังมีโอกาสที่ค่อยๆ จะเลิกได้ เพราะเรามีสาเหตุที่ต้องออกไปข้างนอก ไปทำงาน แต่เขาหมดโอกาสเลย เราเห็นเขาแล้วเรายิ่งรู้สึกทำให้เรารู้สึกว่าเขายังทำได้เลย
บางครั้งผมออกไปร้องเพลงข้างนอก ผมกลับมา ผมก็แอบเห็นเขานั่งร้องไห้ คิดถึงชีวิตเก่าๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า โห ขนาดแฟนเรา เขาทุกข์กว่าเรา เขายังทำได้เลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากออกไปเที่ยว แต่ว่าจำเป็นต้องทำเพื่อลูกเพราะเขารักลูกเขามาก เขายังทำอย่างนี้ได้ เราก็รักลูกเรามาก ทำไมเราจะทำไม่ได้ เราก็เลยใช้อันนี้เป็นกำลังใจ จากที่บอกว่าจะกินเหล้าจนตาย พอเลิกผมกลับรู้สึกว่าความรู้สึกเหล่านั้น จริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกว่าผมไม่ได้ต้องการมันหรอก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาผมไม่เจอความรักมั้ง ผมไม่ได้เจอสิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าชีวิต ผมไม่ได้เลิกเหล้าเพราะลูก นึกออกไหม เฮ้ย เราจะต้องเป็นคุณพ่อที่ดี เราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะยังมีความรู้สึกว่าอยากดื่มอยู่ แค่ใช้ลูกมาเป็นข้ออ้าง

แต่อันนี้ผมเหมือนกับผมไปเจออะไรสักอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากดื่มแล้ว แปลว่าที่ผ่านมาที่ ผมอยากออกไปตลอดเวลา ใจผมมันคงเว้าแหว่ง มันคงเป็นปมอะไรสักอย่างที่ผมยังไม่รู้ไง แต่พอมาเจอลูก แล้วเหมือนเติมมันเต็ม เหมือนจิ๊กซอว์ภาพชิ้นสุดท้าย พอมันทาบลงไปแปะในชีวิต แล้วมันก็เลิกเลย เท่านั้นเอง คือบางทีคนกินเหล้า เขาอาจจะไม่ได้อยากออกไปกินเหล้า แต่มันคงอยากออกไปเจออะไรสักอย่าง เพียงแต่มีเหล้าเข้ามาด้วยแค่นั้นเอง

• ชีวิตกับน้ำจันทร์ ศิลปินกับสุรา ส่วนตัวตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับคำนี้

ต้องใช้คำว่าอาจจะ คือไม่เมาก็ได้หรือจะเมาก็ได้ แต่เมาแล้วรับผิดชอบได้ก็ไม่เป็นไร คือคนอื่นเขาเมาแล้วรับผิดชอบได้ แต่ผมมันทำไม่ได้ ผมไม่ได้โทษเหล้านะว่าเหล้ามันผิด บางคนทานแล้วสร้างสรรค์ก็มีอย่างศิลปินหลายๆ ท่าน คือมันแล้วแต่คน แต่คนธรรมชาติอย่างผมนี่ไม่ได้ อันนี้ผมก็เลยไม่ได้ตัดสิน ทุกคนอย่าดื่มเหล้าเลยดีกว่า มันไม่ดี เพราะฉะนั้น ผมว่าอะไรทุกอย่างมันมีประโยชน์และโทษของมันอยู่แล้ว ใช้ในทางที่ดีก็คงจะมีประโยชน์

แต่โดยส่วนตัวงานผมก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนในที่นี้ไม่ได้ตัดสินว่างานแย่ลงหรือว่าดีขึ้น คือมันเป็นอีกทางหนึ่ง ตอนนี้งานผมมันไม่มีเหลือความเกรี้ยวกราดหรือความโศกเศร้าอยู่ในนั้นแล้ว ผมรู้สึกว่าผมเขียนเพลงได้อีกแบบ ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมเขียนเพลงไม่เหลือความโกรธ ความโศกเศร้า อย่างเพลงที่เขียนแต่งให้ลูก ผมก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ มันแล้วแต่คน คืองานศิลปะบางอันมันก็ต้องหลงเหลือสิ่งเหล่านั้นไว้บ้าง แต่สำหรับผมตอนนี้มันเป็นอีกแบบหนึ่ง ผมรู้สึกว่ามันปลอดโปร่ง

• หนึ่งปีหลังจากที่ตัดสินใจเลิกขาดประกาศแยกทางกับเหล้า นอกจากแนวเพลงที่เปลี่ยนไป มีอะไรที่เห็นผลชัดเจนอีกบ้างไหมกับชีวิต

รู้สึกว่ามองหน้าคนอื่นติดขึ้น (หัวเราะ) อันนี้อย่างแรกเลย รู้สึกว่าเรากล้ามีเบอร์พี่ๆ เขาอยู่ในเครื่อง เพราะแต่ก่อนเราไม่กล้าบันทึก เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่มีสติเราต้องโทรไปหาเขาอีกแน่ๆ แต่ตอนนี้เราก็จะกล้ามีเบอร์แล้ว และเวลาที่เราเดินเข้าไปสวัสดีพี่ๆ เขา เราก็ไม่ต้องแอบๆ พี่ครับวันนั้นผมขอโทษครับ ตอนนี้เราก็รู้สึกดีขึ้น

อย่างที่สองคือเลิกเหล้าหนึ่งปี ผมมีบ้านเลย มีเงินดาวน์บ้านได้เลย จากที่ชีวิตเช่าห้องเท่ารูหนูมาตลอด มันก็ก้าวกระโดด หนึ่งปีเห็นผลมาก ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ามีลูก เราเริ่มเก็บเงินตั้งแต่วันนั้น ทุกวันนี้ เรามีเงินเก็บ กำลังจะซื้อรถ (ยิ้ม) คือชีวิตมันเปลี่ยน อย่างเห็นได้ชัดเลยว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้ เราไปทำอะไรอยู่

อย่างที่สามคือ ตอนนี้ร่างกายก็ดีมากขึ้น เพราะร่างกายเราไม่ต้องฝืนกินเหล้า จนไม่รู้เวลานอน บางทีไปนอน 11 โมงเช้า คือระบบร่างกายมันงงไปหมด มันมึนไปหมด ตอนนี้ก็กำลังจะเริ่มออกกำลังกาย ปั่นจักรยานเป็นเป้าหมายต่อไป เพราะอย่างน้อยๆ ตอนนี้ไมเกรนหายแล้ว จากที่เมื่อก่อนดื่มซะจนไมเกรนขึ้น ตอนนี้ก็ไม่มีความรู้สึกแล้ว นอนหลับมากขึ้น นอนหลับได้สนิทมากขึ้น

และสุดท้าย มุมมองในการมองโลกก็เปลี่ยนไปด้วย เราระวังตัวมากขึ้น พอเรามีสติมากขึ้น เราจะเห็นทักอย่างช้าลง มีการเดินหมากที่สุขุมมากขึ้น อ๋อ... เพราะอย่างนี้มันถึงเป็นอย่างนี้ๆ เราสังเกตสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น เพราะคนนี้มันคิดอย่างนี้ มันถึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งบางทีตอนที่เรากินเหล้า เราอาจจะไม่ได้ทันคิดได้เท่าไหร่ เรารู้สึกว่าเราได้อยู่กับตัวเองจริงๆ มากขึ้น

สำหรับคนที่อยากจะเลิกแต่เลิกไม่ได้ เชื่อเถอะว่าคนที่รู้จักผม เขาจะบอกเสมอว่า ผมเป็นคนที่กินเหล้านิสัยไม่ดีที่สุดในชีวิตที่เขาเคยเจอ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ กล้าท้าเลย แม้กระทั่งคนที่กินเหล้าด้วยกันแล้วเขารู้สึกว่าตัวเขาเละเทะขนาดไหน มาเจอผมเขาจะบอกว่าผมยิ่งกว่าหลายเท่า แต่ผมยังทำได้เลย ผมก็เชื่อว่าถ้าคิดจะเลิกคุณเลิกง่ายกว่าผม มันทำได้ทั้งนั้นแหละ ผมมีความรู้สึกว่าไอ้เรื่องที่ทำไม่ได้ ถ้าถึงจุดๆ หนึ่งมันจะทำจริงๆ มันทำได้หมดทุกคน คือมันขึ้นอยู่กับที่เราจะทำมันหรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับตัวเรา




เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก : ฟักกลิ้ง ฮีโร่

กำลังโหลดความคิดเห็น