คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
พลันที่คนใกล้ตัวอย่าง "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุล และ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ประกาศตัวเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แข่งขันกับ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เจ้าของตำแหน่งหลายสมัย ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแยกกันเดินรวมกันตีหรือไม่ เพราะภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองนั้นจะว่าไปก็แนบแน่นกับเจ้าของเก้าอี้นายกสมาคมมาตั้งแต่ครั้งอดีต
ทว่าความสงสัยดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็เปิดฉากแสดงวิสัยทัศน์ผ่านสื่อมวลชนกันอย่างถึงพริกถึงขิงว่า ต้องการชัยชนะเพื่อความเปลี่ยนแปลงแนวทางในการบริหารงานสมาคมกีฬาแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าที่ผ่านมา โดยในรายของ "บิ๊กเจี๊ยบ" แม้จะไม่ประกาศท้าชนอย่างอึกทึกครึกโครม แต่ก็ชูนโยบายโปร่งใส ยุติธรรม พร้อมบอกว่าหากเป็นนายกสมาคม การเงินต่างๆ ที่ไม่เคยเผยแพร่ตัวเลขอย่างชัดเจน จะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินทุกบาททุกสตางค์
ส่วน "บิ๊กหอย" เหมือนจะแรงกว่ามาก ถึงกับทำหนังสือถึง "มาดามน้อง" กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาหลายครั้ง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พร้อมกับระบุชัดเจนในหนังสือส่งต่อเจ้ากระทรวงวินิจฉัยและสั่งการเฉียบขาดต่อพฤติกรรมที่ส่อเจตนาไม่สุจริต ผิดพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย 2558 ของเหล่าบรรดาขาใหญ่วงการลูกหนัง
ตามหนังสือที่ "บิ๊กหอย" ยื่นไป คนทั่วไป อาจจะงงๆ กับเรื่องกฎหมายกันอยู่บ้าง แต่หากให้สรุปแล้ว คือการระบุว่าไม่ให้มีการแก้ไขข้อบังคับการเลือกตั้ง ในการประชุมวันที่ 17 กันยายนนี้ พร้อมกับให้คงสิทธิการลงคะแนนของสโมสรผู้มีสิทธิ ตามคำสั่งของฟีฟ่าเช่นเดิม และมิให้ใช้หนังสือมอบอำนาจในการเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการปลอมแปลงเอกสาร รวมถึงต้องการให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเข้ามาจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ ยุติธรรม
หากจำกันได้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2556 นั้น มีพฤติกรรมหลายประการที่ถูกตั้งเป็นข้อกังขาของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการนำธรรมนูญใหม่ของ ฟีฟ่า มาอ้าง ให้ลดเสียงสโมสรสมาชิก จาก 184 ลงเหลือ 72 เสียง แถมวันเลือกตั้งจริงยังเกิดเหตุการณ์ที่ประธานสโมสรที่มีสิทธิออกเสียงไม่สามารถเข้าห้องประชุมได้ เพราะมีใครก็ไม่รู้ตัดหน้าเซ็นชื่อเข้าไปโหวตก่อนแล้ว เรื่องนี้ดูเหมือนการกีฬาแห่งประเทศไทยก็ทราบดี เพราะมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ถึงวันนี้ได้ยินเสียง "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาขานรับว่าจะต้องให้เกิดการเลือกตั้งภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ด้วยความใสสะอาดบริสุทธิ์ คงต้องคอยดูว่าหลังใช้ พรบ.กีฬาฉบับใหม่ กกท.จะแข็งแกร่งและทรงพลังดังที่ควร หรือจะตกม้าตายอย่างเคย อีกไม่นานก็คงจะทราบ....
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
พลันที่คนใกล้ตัวอย่าง "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุล และ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ประกาศตัวเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แข่งขันกับ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เจ้าของตำแหน่งหลายสมัย ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแยกกันเดินรวมกันตีหรือไม่ เพราะภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองนั้นจะว่าไปก็แนบแน่นกับเจ้าของเก้าอี้นายกสมาคมมาตั้งแต่ครั้งอดีต
ทว่าความสงสัยดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็เปิดฉากแสดงวิสัยทัศน์ผ่านสื่อมวลชนกันอย่างถึงพริกถึงขิงว่า ต้องการชัยชนะเพื่อความเปลี่ยนแปลงแนวทางในการบริหารงานสมาคมกีฬาแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าที่ผ่านมา โดยในรายของ "บิ๊กเจี๊ยบ" แม้จะไม่ประกาศท้าชนอย่างอึกทึกครึกโครม แต่ก็ชูนโยบายโปร่งใส ยุติธรรม พร้อมบอกว่าหากเป็นนายกสมาคม การเงินต่างๆ ที่ไม่เคยเผยแพร่ตัวเลขอย่างชัดเจน จะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินทุกบาททุกสตางค์
ส่วน "บิ๊กหอย" เหมือนจะแรงกว่ามาก ถึงกับทำหนังสือถึง "มาดามน้อง" กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาหลายครั้ง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พร้อมกับระบุชัดเจนในหนังสือส่งต่อเจ้ากระทรวงวินิจฉัยและสั่งการเฉียบขาดต่อพฤติกรรมที่ส่อเจตนาไม่สุจริต ผิดพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย 2558 ของเหล่าบรรดาขาใหญ่วงการลูกหนัง
ตามหนังสือที่ "บิ๊กหอย" ยื่นไป คนทั่วไป อาจจะงงๆ กับเรื่องกฎหมายกันอยู่บ้าง แต่หากให้สรุปแล้ว คือการระบุว่าไม่ให้มีการแก้ไขข้อบังคับการเลือกตั้ง ในการประชุมวันที่ 17 กันยายนนี้ พร้อมกับให้คงสิทธิการลงคะแนนของสโมสรผู้มีสิทธิ ตามคำสั่งของฟีฟ่าเช่นเดิม และมิให้ใช้หนังสือมอบอำนาจในการเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการปลอมแปลงเอกสาร รวมถึงต้องการให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเข้ามาจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ ยุติธรรม
หากจำกันได้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2556 นั้น มีพฤติกรรมหลายประการที่ถูกตั้งเป็นข้อกังขาของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการนำธรรมนูญใหม่ของ ฟีฟ่า มาอ้าง ให้ลดเสียงสโมสรสมาชิก จาก 184 ลงเหลือ 72 เสียง แถมวันเลือกตั้งจริงยังเกิดเหตุการณ์ที่ประธานสโมสรที่มีสิทธิออกเสียงไม่สามารถเข้าห้องประชุมได้ เพราะมีใครก็ไม่รู้ตัดหน้าเซ็นชื่อเข้าไปโหวตก่อนแล้ว เรื่องนี้ดูเหมือนการกีฬาแห่งประเทศไทยก็ทราบดี เพราะมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ถึงวันนี้ได้ยินเสียง "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาขานรับว่าจะต้องให้เกิดการเลือกตั้งภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ด้วยความใสสะอาดบริสุทธิ์ คงต้องคอยดูว่าหลังใช้ พรบ.กีฬาฉบับใหม่ กกท.จะแข็งแกร่งและทรงพลังดังที่ควร หรือจะตกม้าตายอย่างเคย อีกไม่นานก็คงจะทราบ....
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
