คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ยังอยากสนทนากับแฟนๆ ในรายการที่ “อำนาจ เกษตรพัฒนา” ป้องกันแชมป์โลกแบบไม่ค่อยสะใจคอมวยนักต่ออีกสัปดาห์ เพราะศึกเดียวกันนี้มีอดีตฮีโร่โอลิมปิกของเราอีกราย ขึ้นสังเวียนชกอาชีพเป็นไฟต์แรกด้วย คือ “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ นักชกไทยรายเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญ โอลิมปิก 2 สมัยด้วยกัน เป็นเหรียญทองหนึ่งเหรียญ เหรียญเงินหนึ่งเหรียญ พร้อมเงินอัดฉีดอีกอื้อ ซึ่งหลังจากนั้นก็ห่างเหินสังเวียนไปเพื่อ “ฉลองความสำเร็จ” จนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว แถมเป็นข่าวฉาวเป็นระยะๆ แต่ในที่สุดก็ได้ทีมงาน “เกียรติกรีรินทร์” ที่ให้โอกาสดึงมาทดลองขึ้นสังเวียนแบบอาชีพเป็นครั้งแรกในวัย 35 ปี
โดย มนัส นั้นต้องโหมลดน้ำหนักลงมาจากแตะหลักร้อยจนเหลือ 85 กิโลกรัม เพื่อขึ้นชกในไฟต์นี้ กับ ฮาเหม็ด จาลาเรนเต จอมเก๋าวัย 30 จากอินโดนีเซียที่ผ่านสังเวียนมาแล้วถึง 41 ไฟต์ ด้วยสถิติแพ้-ชนะพอๆ กัน คือชนะ 23 โดยเป็นการชนะน็อกซะ 11 ไฟต์ แพ้ 17 ซึ่งเป็นการแพ้น็อกถึง 13 และเสมออีก 1 ไฟต์ เรียกว่าโปรไฟล์เหมาะที่จะเอามาเป็นบันไดยิ่งนัก พอดีนักมวยรายนี้เป็นรุ่นใหญ่ที่ไม่ค่อยมีนักมวยไทยชกมากไม่อย่างนั้นแฟนมวยชาวไทยคงได้เห็นนักชกรายนี้บ่อยๆ
ไฟต์นี้ถือเป็นการชิมลางเลยกำหนดไว้แค่ 4 ยกเท่านั้น ตลอดการชก มนัส ก็โชว์การออกหมัดงามๆ แน่นๆ คมๆ เรียกเสียงฮือฮาและเสียงเชียร์จากแฟนมวยในอินดอร์สเตเดี้ยมกระหึ่ม แต่นักชกอิเหนารายนี้ก็ฮึดยืนหยัดจนครบ 4 ยก โดยเฉพาะช่วงท้ายนั้น “เจ้าเติ้ล” ก็ปากซีดมีอาการหมด แต่ยังพยายามออกหมัดงามๆ ได้ตลอด แต่ก็เก็บไม่ลง สุดท้ายฮีโร่โอลิมปิกของเราก็ประเดิมสังเวียนอาชีพได้สวยงามชนะคะแนนไปสบายๆ
ดูจากการชกแล้วก็ได้แต่เสียดายที่ มนัส ปล่อยเนื้อปล่อยตัวและปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนป่านนี้ ถ้าใจสู้หันขึ้นเวทีอาชีพก่อนหน้านี่เราน่าจะได้เชียร์นักมวยไทยรุ่นใหญ่ๆ กันได้สนุกทีเดียว เพราะลีลาการออกหมัด สายตา ฟุตเวิร์ก ยังถือว่าสุดยอด แต่ถึงตอนนี้แม้ มนัส จะยืนยันว่ายินดีฟิตร่างกายเพื่อทำน้ำหนักให้สามารถชกในรุ่นที่เหมาะสมได้ และจะฟิตซ้อมหวังก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกต่อไป โดยอาศัย “เจ้าเพชร” อำนาจ เกษตรพัฒนา ที่เริ่มชกอาชีพตอนอายุ 31 ปีเป็นแรงบันดาลใจ
แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าด้วยวีธีการใช้ชีวิต รวมทั้งการที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาหลายปี เชื่อว่าสภาพร่างกายฟิตยังไงก็ไม่น่าขึ้นถึงขั้นจะเจอมวยกระดูกๆ ได้ ดูรูปการแล้ว มนัส น่าจะขึ้นเวทีให้แฟนๆ ได้เชียร์กันอีกหลายไฟต์อยู่ พร้อมกับเก็บค่าตัวไปเรื่อยๆ แต่จะให้ก้าวไปถึงขั้นจะชิงแชมป์โลกหรือเปิดศึกใหญ่ๆ กับนักมวยระดับโลกจริงๆ ก็น่าจะริบหรี่เต็มที อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นนักมวยที่มีสีสัน และลีลาการชกที่งดงามแบบนี้แฟนมวยอย่างเราก็ต้องตามเชียร์กันต่อไปแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
ยังอยากสนทนากับแฟนๆ ในรายการที่ “อำนาจ เกษตรพัฒนา” ป้องกันแชมป์โลกแบบไม่ค่อยสะใจคอมวยนักต่ออีกสัปดาห์ เพราะศึกเดียวกันนี้มีอดีตฮีโร่โอลิมปิกของเราอีกราย ขึ้นสังเวียนชกอาชีพเป็นไฟต์แรกด้วย คือ “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ นักชกไทยรายเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญ โอลิมปิก 2 สมัยด้วยกัน เป็นเหรียญทองหนึ่งเหรียญ เหรียญเงินหนึ่งเหรียญ พร้อมเงินอัดฉีดอีกอื้อ ซึ่งหลังจากนั้นก็ห่างเหินสังเวียนไปเพื่อ “ฉลองความสำเร็จ” จนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว แถมเป็นข่าวฉาวเป็นระยะๆ แต่ในที่สุดก็ได้ทีมงาน “เกียรติกรีรินทร์” ที่ให้โอกาสดึงมาทดลองขึ้นสังเวียนแบบอาชีพเป็นครั้งแรกในวัย 35 ปี
โดย มนัส นั้นต้องโหมลดน้ำหนักลงมาจากแตะหลักร้อยจนเหลือ 85 กิโลกรัม เพื่อขึ้นชกในไฟต์นี้ กับ ฮาเหม็ด จาลาเรนเต จอมเก๋าวัย 30 จากอินโดนีเซียที่ผ่านสังเวียนมาแล้วถึง 41 ไฟต์ ด้วยสถิติแพ้-ชนะพอๆ กัน คือชนะ 23 โดยเป็นการชนะน็อกซะ 11 ไฟต์ แพ้ 17 ซึ่งเป็นการแพ้น็อกถึง 13 และเสมออีก 1 ไฟต์ เรียกว่าโปรไฟล์เหมาะที่จะเอามาเป็นบันไดยิ่งนัก พอดีนักมวยรายนี้เป็นรุ่นใหญ่ที่ไม่ค่อยมีนักมวยไทยชกมากไม่อย่างนั้นแฟนมวยชาวไทยคงได้เห็นนักชกรายนี้บ่อยๆ
ไฟต์นี้ถือเป็นการชิมลางเลยกำหนดไว้แค่ 4 ยกเท่านั้น ตลอดการชก มนัส ก็โชว์การออกหมัดงามๆ แน่นๆ คมๆ เรียกเสียงฮือฮาและเสียงเชียร์จากแฟนมวยในอินดอร์สเตเดี้ยมกระหึ่ม แต่นักชกอิเหนารายนี้ก็ฮึดยืนหยัดจนครบ 4 ยก โดยเฉพาะช่วงท้ายนั้น “เจ้าเติ้ล” ก็ปากซีดมีอาการหมด แต่ยังพยายามออกหมัดงามๆ ได้ตลอด แต่ก็เก็บไม่ลง สุดท้ายฮีโร่โอลิมปิกของเราก็ประเดิมสังเวียนอาชีพได้สวยงามชนะคะแนนไปสบายๆ
ดูจากการชกแล้วก็ได้แต่เสียดายที่ มนัส ปล่อยเนื้อปล่อยตัวและปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนป่านนี้ ถ้าใจสู้หันขึ้นเวทีอาชีพก่อนหน้านี่เราน่าจะได้เชียร์นักมวยไทยรุ่นใหญ่ๆ กันได้สนุกทีเดียว เพราะลีลาการออกหมัด สายตา ฟุตเวิร์ก ยังถือว่าสุดยอด แต่ถึงตอนนี้แม้ มนัส จะยืนยันว่ายินดีฟิตร่างกายเพื่อทำน้ำหนักให้สามารถชกในรุ่นที่เหมาะสมได้ และจะฟิตซ้อมหวังก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกต่อไป โดยอาศัย “เจ้าเพชร” อำนาจ เกษตรพัฒนา ที่เริ่มชกอาชีพตอนอายุ 31 ปีเป็นแรงบันดาลใจ
แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าด้วยวีธีการใช้ชีวิต รวมทั้งการที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาหลายปี เชื่อว่าสภาพร่างกายฟิตยังไงก็ไม่น่าขึ้นถึงขั้นจะเจอมวยกระดูกๆ ได้ ดูรูปการแล้ว มนัส น่าจะขึ้นเวทีให้แฟนๆ ได้เชียร์กันอีกหลายไฟต์อยู่ พร้อมกับเก็บค่าตัวไปเรื่อยๆ แต่จะให้ก้าวไปถึงขั้นจะชิงแชมป์โลกหรือเปิดศึกใหญ่ๆ กับนักมวยระดับโลกจริงๆ ก็น่าจะริบหรี่เต็มที อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นนักมวยที่มีสีสัน และลีลาการชกที่งดงามแบบนี้แฟนมวยอย่างเราก็ต้องตามเชียร์กันต่อไปแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***