คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ความสำเร็จของทัพฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ทั้งการผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก ที่แคนาดา 2015 แถมยังเก็บชัยชนะกลับบ้านได้อีกต่างหาก ทว่าหากมองลึกลงไปดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ซินเดอเรลลาที่ได้ชื่นชมรถฟักทองเพียงแค่ชั่วยาม
จะไม่ให้พูดแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้บ้านเรายังไม่มีการแข่งขัน “ลีกฟุตบอลหญิง” มาจะ 2 ปีแล้ว ทั้งที่มีนายกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นถึงประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก มาแล้ว 3 สมัย โดยลีกสาวไทยฟาดแข้งครั้งล่าสุดก็เมื่อปี 2013 ในชื่อ “เมืองไทย ไทยแลนด์ วีเมน พรีเมียร์ ลีก” นั่นแหละ แล้วแบบนี้จะมีเลือดใหม่ก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ที่อายุเข้าหลักไมล์ที่ 20 ปลายๆกันเกือบค่อนทีมแล้วได้เช่นไร
ที่ผ่านมาเรามีการจัดแข่งบอลลีกหญิงเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ ครั้งแรกปี 2009 แชมป์ คือ สโมสร มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ที่มี พิสมัย สอนไสย์ และ จันทร์เพ็ญ ศรีเสริม เป็นตัวชูโรง ก่อนที่แข้ง “อาร์แบค” จะเบิ้ลแชมป์สมัยสองในปี 2010 ถัดมาปี 2011 เป็น บีจี-บัณฑิตเอเชีย ที่ผงาดครองความยิ่งใหญ่แทน เมื่อดึงตัว “จ๊อบ” นภัทร สีเสริม จากแชมป์เก่ามาผนึกกำลังร่วมกับ สุภาภรณ์ แก้วแบน พร้อมควบโทรฟีอีกครั้งในปี 2013 หลังจากที่เว้นว่างไปในปี 2012 ที่ไม่มีจัดการแข่งขัน
โดยนักเตะจากยุคนั้นต่างก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมชาติชุดนี้แทบทั้งสิ้น พร้อมต่อยอดความสำเร็จด้วยการทวงบัลลังก์แชมป์ซีเกมส์ 2013 ต่อด้วยผ่านเข้ารอบสองเอเชียนเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2014 บวกแชมป์อาเซียน 2015 และฟุตบอลโลก ครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งจริงอยู่ที่ขุมกำลังชุดนี้ยังมีอายุการใช้งานอีกหลายปี แต่ในอนาคตหากเราหวังกลับไปแก้มือในฟุตบอลโลกอีกครั้ง แล้วยังไม่มีนักฟุตบอลเลือดใหม่ขึ้นมาเสริม จากที่เคยเป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด 24 ปี อาจจะกลายเป็นทีมที่อายุเฉลี่ยมากที่สุดก็เป็นได้ เอาง่ายๆครั้งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ฝรั่งเศส จะมีแข้งถึง 10 รายจากชุดนี้ที่อายุเกินเลข 3 นำหน้า
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเป็นลำดับแรกคือการจัดแข่งขันฟุตบอลลีกให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อให้กระแสฟุตบอลไหลลื่นเดินหน้าต่อไป เหมือนดั่งเช่นฟุตบอลชายที่ลีกติดลมบนจนมีผู้เล่นดีๆให้โค้ชเลือกใช้บริการหลักร้อยคน ที่สำคัญไปกว่านั้น เวลานี้มีฮีโร่ตัวเป็นๆ เด็กหญิงทั่วประเทศกำลังเห็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้เติบโตมาประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงเงินทอง และยิ่งหากมีสโมสรรองรับต่อเนื่องยิ่งจะทำให้กล้าตัดสินใจมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าหากไม่ติดธงแล้วจะนำเงินจากไหนมาเลี้ยงปากท้อง
จึงวอนฝากไปที่ผู้เกี่ยวข้องช่วยเร่งดำเนินการ เพราะที่ผ่านมามีการยกประเด็นนี้เข้าหารือที่ประชุมสภากรรมการลูกหนังไทยเกือบทุกครั้งจากการเสนอของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ที่พร้อมจะเป็นสปอนเซอร์หลัก และแม้จะได้คำตอบว่าจะเร่งดำเนินการในเร็ววันนี้ แต่ผ่านมา 2 ปีแล้วเรื่องยังนิ่งอยู่เลย
อาจจัดเป็นทัวร์นาเมนท์หยั่งเชิงก่อน แล้วค่อยต่อยอดเป็นลีกก็ยังดี หรือหากมีทีมสนใจเข้าร่วมเยอะขึ้นอาจเพิ่มลีกเป็น 2 ดิวิชั่นก็ยังได้ กองเชียร์อย่างเราๆหวังเพียงแค่ให้แข้งสาวไทยได้รองเท้าแก้วจากเจ้าชายไวๆเหมือนดั่งนิยายซินเดอเรลลา จะได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ความสำเร็จของทัพฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ทั้งการผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก ที่แคนาดา 2015 แถมยังเก็บชัยชนะกลับบ้านได้อีกต่างหาก ทว่าหากมองลึกลงไปดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ซินเดอเรลลาที่ได้ชื่นชมรถฟักทองเพียงแค่ชั่วยาม
จะไม่ให้พูดแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้บ้านเรายังไม่มีการแข่งขัน “ลีกฟุตบอลหญิง” มาจะ 2 ปีแล้ว ทั้งที่มีนายกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นถึงประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก มาแล้ว 3 สมัย โดยลีกสาวไทยฟาดแข้งครั้งล่าสุดก็เมื่อปี 2013 ในชื่อ “เมืองไทย ไทยแลนด์ วีเมน พรีเมียร์ ลีก” นั่นแหละ แล้วแบบนี้จะมีเลือดใหม่ก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ที่อายุเข้าหลักไมล์ที่ 20 ปลายๆกันเกือบค่อนทีมแล้วได้เช่นไร
ที่ผ่านมาเรามีการจัดแข่งบอลลีกหญิงเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ ครั้งแรกปี 2009 แชมป์ คือ สโมสร มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ที่มี พิสมัย สอนไสย์ และ จันทร์เพ็ญ ศรีเสริม เป็นตัวชูโรง ก่อนที่แข้ง “อาร์แบค” จะเบิ้ลแชมป์สมัยสองในปี 2010 ถัดมาปี 2011 เป็น บีจี-บัณฑิตเอเชีย ที่ผงาดครองความยิ่งใหญ่แทน เมื่อดึงตัว “จ๊อบ” นภัทร สีเสริม จากแชมป์เก่ามาผนึกกำลังร่วมกับ สุภาภรณ์ แก้วแบน พร้อมควบโทรฟีอีกครั้งในปี 2013 หลังจากที่เว้นว่างไปในปี 2012 ที่ไม่มีจัดการแข่งขัน
โดยนักเตะจากยุคนั้นต่างก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมชาติชุดนี้แทบทั้งสิ้น พร้อมต่อยอดความสำเร็จด้วยการทวงบัลลังก์แชมป์ซีเกมส์ 2013 ต่อด้วยผ่านเข้ารอบสองเอเชียนเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2014 บวกแชมป์อาเซียน 2015 และฟุตบอลโลก ครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งจริงอยู่ที่ขุมกำลังชุดนี้ยังมีอายุการใช้งานอีกหลายปี แต่ในอนาคตหากเราหวังกลับไปแก้มือในฟุตบอลโลกอีกครั้ง แล้วยังไม่มีนักฟุตบอลเลือดใหม่ขึ้นมาเสริม จากที่เคยเป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด 24 ปี อาจจะกลายเป็นทีมที่อายุเฉลี่ยมากที่สุดก็เป็นได้ เอาง่ายๆครั้งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ฝรั่งเศส จะมีแข้งถึง 10 รายจากชุดนี้ที่อายุเกินเลข 3 นำหน้า
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเป็นลำดับแรกคือการจัดแข่งขันฟุตบอลลีกให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อให้กระแสฟุตบอลไหลลื่นเดินหน้าต่อไป เหมือนดั่งเช่นฟุตบอลชายที่ลีกติดลมบนจนมีผู้เล่นดีๆให้โค้ชเลือกใช้บริการหลักร้อยคน ที่สำคัญไปกว่านั้น เวลานี้มีฮีโร่ตัวเป็นๆ เด็กหญิงทั่วประเทศกำลังเห็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้เติบโตมาประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงเงินทอง และยิ่งหากมีสโมสรรองรับต่อเนื่องยิ่งจะทำให้กล้าตัดสินใจมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าหากไม่ติดธงแล้วจะนำเงินจากไหนมาเลี้ยงปากท้อง
จึงวอนฝากไปที่ผู้เกี่ยวข้องช่วยเร่งดำเนินการ เพราะที่ผ่านมามีการยกประเด็นนี้เข้าหารือที่ประชุมสภากรรมการลูกหนังไทยเกือบทุกครั้งจากการเสนอของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ที่พร้อมจะเป็นสปอนเซอร์หลัก และแม้จะได้คำตอบว่าจะเร่งดำเนินการในเร็ววันนี้ แต่ผ่านมา 2 ปีแล้วเรื่องยังนิ่งอยู่เลย
อาจจัดเป็นทัวร์นาเมนท์หยั่งเชิงก่อน แล้วค่อยต่อยอดเป็นลีกก็ยังดี หรือหากมีทีมสนใจเข้าร่วมเยอะขึ้นอาจเพิ่มลีกเป็น 2 ดิวิชั่นก็ยังได้ กองเชียร์อย่างเราๆหวังเพียงแค่ให้แข้งสาวไทยได้รองเท้าแก้วจากเจ้าชายไวๆเหมือนดั่งนิยายซินเดอเรลลา จะได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
