คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ผมเคยถามคนในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นโค้ช หรือผู้เล่น ณ เวลานี้ ใครคือผู้ตัดสินมือ 1 ของเมืองไทย แทบจะทุกคนบอกผมว่า ชัยยะ มหาปราบ มีบางคนเห็นแย้งอยู่บ้างเรื่องเบอร์ 1 แต่ก็ยอมรับว่าอยู่ระดับต้นๆ ทีเดียว ส่วนตัวเองก็เคยพบปะพูดคุยกับ "เปาชัยยะ" มาบ้าง แม้ไม่สนิทสนมมาก แต่ก็พอรู้ว่าผู้ตัดสินรายนี้มีความชื่นชอบกีฬามาตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักกรีฑา ก่อนจะหันมาเล่นฟุตบอลเมื่อเรียนวิทยาลัยพลศึกษาสุพรรณบุรี
ซึ่งจริงๆ แล้วฝีเท้าก็ไม่ธรรมดาในฐานะนักฟุตบอล แต่ด้วยคำชี้แนะจากครูบาอาจารย์ที่นับถือ ส่งให้ผู้ชายคนนี้เลือกที่จะมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ตัดสินเนื่องจากมีอายุการทำหน้าที่ที่ยืนยาวกว่า กอรปกับช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีฟุตบอลอาชีพในบ้านเรา จึงก่อกำเนิดผู้ตัดสินที่หลายคนยอมรับในการทำหน้าที่
อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่ผู้ตัดสินในฟุตบอลลีกบ้านเราปัจจุบันมันไม่ง่ายเลย ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้า มักถูกจับผิดจากสื่อและแฟนบอลว่าอาจมีการเอนเอียงเข้าข้างทีมใดทีมหนึ่ง บางช่วงเวลาถึงขนาดมีแฟนบอลประชดใส่นามสกุลต่อท้ายให้ว่าเป็น "ชัยยะ ณ เมืองทอง" ด้วยซ้ำ ซึ่งตัวผู้ตัดสินรายนี้ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของตนไม่เคยเกิดจากอคติต่อทีมใด พร้อมก้มหน้ายอมรับคำติคำด่าต่างๆ นานา กระทั่งเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ในเกมที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล เสมอกับ ชลบุรี เอฟซี 1-1 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ผู้ตัดสินรายนี้โดนลงโทษแบนห้ามทำหน้าที่ทั้งในและต่างประเทศถึง 1 ปี ครึ่ง เนื่องจากส่งผลต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
จากการเป็นผู้ตัดสินดาวรุ่งพุ่งแรงพัฒนาตัวเองสู่การเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่า ได้นั้นไม่ใช่เวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว หากแต่ต้องใช้เวลานานนับสิบปี แต่กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายกลับโดนแบนจนโลกลืม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การสูญเสียชื่อเสียง หรือรายได้จากการทำหน้าที่เท่านั้น หากแต่ยังส่งผลต่อเกียรติยศศักดิ์ศรีความเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลไทยด้วย
แฟนบอลบางรายอาจสะใจกับการลงโทษดังกล่าว แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการลงโทษที่เข้าขั้นหนักหนาสำหรับลูกผู้ชายชื่อ ชัยยะ เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นข่าวคราวของเปารายนี้ก็เงียบหายไป ก่อนจะมากลายเป็นตัวตั้งตัวตีในการเรียกร้องค่าจ้างผู้ตัดสินที่มีการค้างจ่ายมานานนับปี เรื่องดังกล่าวเมื่อสอบถามไปก็กลายเป็นเรื่องที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.ผลักดัน พ.ร.บ.กีฬา ฉบับใหม่ออกมา แต่ยังไม่ได้มีการเขียนกฎหมายลูกออกมารองรับ จึงต้องร้องเพลงรอกันไปก่อน ซึ่งเท่าที่ดูแล้วคาดว่าคงอีกนาน แถมยังมีคำถามไปถึงสมาคมด้วยว่า เมื่อต้องรอนานๆ ทำไมจึงไม่สำรองจ่ายไปก่อนทั้งที่มีรายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นเงินก้อนโต อีกทั้งเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ตัดสินไทย
นอกจาก "เปาชัยยะ" ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และคนในวงการเชิ้ตดำแล้ว ยังมีผู้ตัดสินอีกหลายคนที่เปิดตัวลงชื่อยื่นหนังสื่อเรียกร้องผ่านหลายหน่วยงาน แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่เป็นแกนนำต้องถูกพักงาน แถมยังมีสื่อมวลชนขาใหญ่บางฉบับออกมารับลูก กล่าวหาว่าเป็นการออกมาดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งผู้นำสมาคม
ก็แค่ผู้ตัดสินตัวเล็กๆ ทำงานด้วยความรักในกีฬาฟุตบอล แล้วออกมาทวงเงินค่าจ้างที่ค้างกันมาเป็นปี ต้องทำให้กลายเป็นโจรปล้นเก้าอี้ผู้นำกันเลยหรือ...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ผมเคยถามคนในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นโค้ช หรือผู้เล่น ณ เวลานี้ ใครคือผู้ตัดสินมือ 1 ของเมืองไทย แทบจะทุกคนบอกผมว่า ชัยยะ มหาปราบ มีบางคนเห็นแย้งอยู่บ้างเรื่องเบอร์ 1 แต่ก็ยอมรับว่าอยู่ระดับต้นๆ ทีเดียว ส่วนตัวเองก็เคยพบปะพูดคุยกับ "เปาชัยยะ" มาบ้าง แม้ไม่สนิทสนมมาก แต่ก็พอรู้ว่าผู้ตัดสินรายนี้มีความชื่นชอบกีฬามาตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักกรีฑา ก่อนจะหันมาเล่นฟุตบอลเมื่อเรียนวิทยาลัยพลศึกษาสุพรรณบุรี
ซึ่งจริงๆ แล้วฝีเท้าก็ไม่ธรรมดาในฐานะนักฟุตบอล แต่ด้วยคำชี้แนะจากครูบาอาจารย์ที่นับถือ ส่งให้ผู้ชายคนนี้เลือกที่จะมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ตัดสินเนื่องจากมีอายุการทำหน้าที่ที่ยืนยาวกว่า กอรปกับช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีฟุตบอลอาชีพในบ้านเรา จึงก่อกำเนิดผู้ตัดสินที่หลายคนยอมรับในการทำหน้าที่
อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่ผู้ตัดสินในฟุตบอลลีกบ้านเราปัจจุบันมันไม่ง่ายเลย ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้า มักถูกจับผิดจากสื่อและแฟนบอลว่าอาจมีการเอนเอียงเข้าข้างทีมใดทีมหนึ่ง บางช่วงเวลาถึงขนาดมีแฟนบอลประชดใส่นามสกุลต่อท้ายให้ว่าเป็น "ชัยยะ ณ เมืองทอง" ด้วยซ้ำ ซึ่งตัวผู้ตัดสินรายนี้ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของตนไม่เคยเกิดจากอคติต่อทีมใด พร้อมก้มหน้ายอมรับคำติคำด่าต่างๆ นานา กระทั่งเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ในเกมที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล เสมอกับ ชลบุรี เอฟซี 1-1 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ผู้ตัดสินรายนี้โดนลงโทษแบนห้ามทำหน้าที่ทั้งในและต่างประเทศถึง 1 ปี ครึ่ง เนื่องจากส่งผลต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
จากการเป็นผู้ตัดสินดาวรุ่งพุ่งแรงพัฒนาตัวเองสู่การเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่า ได้นั้นไม่ใช่เวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว หากแต่ต้องใช้เวลานานนับสิบปี แต่กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายกลับโดนแบนจนโลกลืม เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การสูญเสียชื่อเสียง หรือรายได้จากการทำหน้าที่เท่านั้น หากแต่ยังส่งผลต่อเกียรติยศศักดิ์ศรีความเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลไทยด้วย
แฟนบอลบางรายอาจสะใจกับการลงโทษดังกล่าว แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการลงโทษที่เข้าขั้นหนักหนาสำหรับลูกผู้ชายชื่อ ชัยยะ เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นข่าวคราวของเปารายนี้ก็เงียบหายไป ก่อนจะมากลายเป็นตัวตั้งตัวตีในการเรียกร้องค่าจ้างผู้ตัดสินที่มีการค้างจ่ายมานานนับปี เรื่องดังกล่าวเมื่อสอบถามไปก็กลายเป็นเรื่องที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.ผลักดัน พ.ร.บ.กีฬา ฉบับใหม่ออกมา แต่ยังไม่ได้มีการเขียนกฎหมายลูกออกมารองรับ จึงต้องร้องเพลงรอกันไปก่อน ซึ่งเท่าที่ดูแล้วคาดว่าคงอีกนาน แถมยังมีคำถามไปถึงสมาคมด้วยว่า เมื่อต้องรอนานๆ ทำไมจึงไม่สำรองจ่ายไปก่อนทั้งที่มีรายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นเงินก้อนโต อีกทั้งเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ตัดสินไทย
นอกจาก "เปาชัยยะ" ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และคนในวงการเชิ้ตดำแล้ว ยังมีผู้ตัดสินอีกหลายคนที่เปิดตัวลงชื่อยื่นหนังสื่อเรียกร้องผ่านหลายหน่วยงาน แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่เป็นแกนนำต้องถูกพักงาน แถมยังมีสื่อมวลชนขาใหญ่บางฉบับออกมารับลูก กล่าวหาว่าเป็นการออกมาดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งผู้นำสมาคม
ก็แค่ผู้ตัดสินตัวเล็กๆ ทำงานด้วยความรักในกีฬาฟุตบอล แล้วออกมาทวงเงินค่าจ้างที่ค้างกันมาเป็นปี ต้องทำให้กลายเป็นโจรปล้นเก้าอี้ผู้นำกันเลยหรือ...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *