คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยประทับใจฟอร์มการเล่นของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ในระยะหลังเท่าที่ควร และเชื่อว่าหลายคนคงคิดไม่ต่างกัน
เกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดแรก ที่ ไทย เปิดบ้านเฉือน เวียดนาม 1-0 ธีรศิลป์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ต้องบอกว่าตลอด 90 นาที หัวหอกดีกรี ลา ลีกา สเปน ไม่สามารถสร้างความอันตรายใดๆให้คู่แข่งได้เลย มีโอกาสสับไก 1-2 ครั้ง แต่ก็ไม่ดีพอ ที่เหลือก็แทบจะหายไปจากเกม พยายามวิ่งหาช่อง รอบอลเข้าหาเท้า แต่สุดท้ายก็มาไม่ถึง แม้จะได้บันทึกสถิติว่าเป็นผู้แอสซิสต์ให้ ปกเกล้า อนันต์ ตัวสำรองซัดประตูโทนก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการถ่ายบอลธรรมดา
ซึ่งนี่ไม่ใช่เกมแรกที่ “เจ้ามุ้ย” ฟอร์มบอดเยี่ยงนี้ ย้อนไปเกมอุ่นเครื่อง พ่าย แคเมอรูน 2-3 และ เกาหลีเหนือ 0-1 ก็ไม่ต่างกัน หรือพูดง่ายๆคือนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวกลับมาจากแดนกระทิง ซึ่งพวกพ้องสื่อมวลชนมองเป็นเสียงเดียวกันว่า “มุ้ย” เล่นไม่ได้ และส่งผลต่อภาพเกมรุกโดยรวมของทีม ยิ่งเมื่อเทียบกับ “เจ้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ด้วยแล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดเจน
โดยเกมที่ผ่านมา กองหน้าค่าย บีอีซี เทโรศาสน ถูกส่งลงมาช่วง 15 นาทีสุดท้าย แต่สามารถสร้างความวูบวาบได้มากกว่า และเกือบเบิกสกอร์ได้หลังสตั๊ดแตะพื้นสนามเพียงไม่กี่นาที จากลูกโขกเต็มๆหัว แต่โดนปัดไว้ได้ด้วยปลายนิ้ว
สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะรูปแบบการเล่นของทัพ “ช้างศึก” จากกึ๋นของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ที่วางหมากเน้นให้ ศูนย์หน้าตัวเป้าในระบบ 4-3-3 ทำหน้าที่หลักคือ เป็นตัวพักบอล บังบอลเปิดทางให้เพื่อนแถวสองสอดขึ้นมาลุ้นสกอร์ แต่ในขณะเดียวกันจังหวะที่ต้องยิงก็ยังเชื่อขนมกินได้ ซึ่งที่ผ่านมา อดิศักดิ์ ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า พิสูจน์จาก ซีเกมส์ 2013 เอเชียนเกมส์ 2014 และ ซูซูกิ คัพ 2014 ที่แม้เจ้าตัวจะไม่ยิงกระฉูดแต่ก็มีส่วนสำคัญในการทำประตูตลอด
ผิดกับ ธีรศิลป์ ที่แม้จะเคยเปรี้ยงปร้างจนคว้าดาวซัลโวกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ใช้ระบบ 4-3-3เช่นเดียวกันเมื่อปี 2012 แต่ครานั้น “กิเลนผยอง” ใช้ “มุ้ย” คอยฉกชิงจังหวะหน้ากรอบเขตโทษ กระชากหรือสอดทะลุเข้าไปจบสกอร์มากกว่า ซึ่งคนละสไตล์กับยามที่ต้องลงเล่นในสีเสื้อช้างศึกยุคนี้
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปก็คือ “ความมั่นใจ” ของเจ้าตัว ที่ดูจะลดลงอย่างน่าใจหายนับตั้งแต่ถูกดองบนม้านั่งที่อัลเมเรีย เสมือนถูกพรากสัญชาตญาณดาวยิงออกไปจนหมดเกลี้ยง ซึ่งเรื่องนี้แก้ได้โดยการให้โอกาสเจ้าตัวลงสนามจนสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมา เหมือนที่ เอสซีจี เมืองทองฯ ทำอยู่ในขณะนี้ จากที่ฝืดสนิทเมื่อช่วงต้นฤดูกาลก็เริ่มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ และอีกไม่นานก็จะเข้าใกล้จุดเดิมที่เคยเป็น
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ “ซิโก้” แล้วว่าจะเลือกใครเป็นมือปืนตัวจริง หากให้โอกาสแล้วยังทำไม่ได้ จะกล้าดร็อป “มุ้ย” เพื่อเปิดทางให้หอกรุ่นน้องอย่าง “กอล์ฟ” ขึ้นมาเบียดพื้นที่หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยประทับใจฟอร์มการเล่นของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ในระยะหลังเท่าที่ควร และเชื่อว่าหลายคนคงคิดไม่ต่างกัน
เกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดแรก ที่ ไทย เปิดบ้านเฉือน เวียดนาม 1-0 ธีรศิลป์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แต่ต้องบอกว่าตลอด 90 นาที หัวหอกดีกรี ลา ลีกา สเปน ไม่สามารถสร้างความอันตรายใดๆให้คู่แข่งได้เลย มีโอกาสสับไก 1-2 ครั้ง แต่ก็ไม่ดีพอ ที่เหลือก็แทบจะหายไปจากเกม พยายามวิ่งหาช่อง รอบอลเข้าหาเท้า แต่สุดท้ายก็มาไม่ถึง แม้จะได้บันทึกสถิติว่าเป็นผู้แอสซิสต์ให้ ปกเกล้า อนันต์ ตัวสำรองซัดประตูโทนก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการถ่ายบอลธรรมดา
ซึ่งนี่ไม่ใช่เกมแรกที่ “เจ้ามุ้ย” ฟอร์มบอดเยี่ยงนี้ ย้อนไปเกมอุ่นเครื่อง พ่าย แคเมอรูน 2-3 และ เกาหลีเหนือ 0-1 ก็ไม่ต่างกัน หรือพูดง่ายๆคือนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวกลับมาจากแดนกระทิง ซึ่งพวกพ้องสื่อมวลชนมองเป็นเสียงเดียวกันว่า “มุ้ย” เล่นไม่ได้ และส่งผลต่อภาพเกมรุกโดยรวมของทีม ยิ่งเมื่อเทียบกับ “เจ้ากอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ด้วยแล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดเจน
โดยเกมที่ผ่านมา กองหน้าค่าย บีอีซี เทโรศาสน ถูกส่งลงมาช่วง 15 นาทีสุดท้าย แต่สามารถสร้างความวูบวาบได้มากกว่า และเกือบเบิกสกอร์ได้หลังสตั๊ดแตะพื้นสนามเพียงไม่กี่นาที จากลูกโขกเต็มๆหัว แต่โดนปัดไว้ได้ด้วยปลายนิ้ว
สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะรูปแบบการเล่นของทัพ “ช้างศึก” จากกึ๋นของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ที่วางหมากเน้นให้ ศูนย์หน้าตัวเป้าในระบบ 4-3-3 ทำหน้าที่หลักคือ เป็นตัวพักบอล บังบอลเปิดทางให้เพื่อนแถวสองสอดขึ้นมาลุ้นสกอร์ แต่ในขณะเดียวกันจังหวะที่ต้องยิงก็ยังเชื่อขนมกินได้ ซึ่งที่ผ่านมา อดิศักดิ์ ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า พิสูจน์จาก ซีเกมส์ 2013 เอเชียนเกมส์ 2014 และ ซูซูกิ คัพ 2014 ที่แม้เจ้าตัวจะไม่ยิงกระฉูดแต่ก็มีส่วนสำคัญในการทำประตูตลอด
ผิดกับ ธีรศิลป์ ที่แม้จะเคยเปรี้ยงปร้างจนคว้าดาวซัลโวกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ใช้ระบบ 4-3-3เช่นเดียวกันเมื่อปี 2012 แต่ครานั้น “กิเลนผยอง” ใช้ “มุ้ย” คอยฉกชิงจังหวะหน้ากรอบเขตโทษ กระชากหรือสอดทะลุเข้าไปจบสกอร์มากกว่า ซึ่งคนละสไตล์กับยามที่ต้องลงเล่นในสีเสื้อช้างศึกยุคนี้
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปก็คือ “ความมั่นใจ” ของเจ้าตัว ที่ดูจะลดลงอย่างน่าใจหายนับตั้งแต่ถูกดองบนม้านั่งที่อัลเมเรีย เสมือนถูกพรากสัญชาตญาณดาวยิงออกไปจนหมดเกลี้ยง ซึ่งเรื่องนี้แก้ได้โดยการให้โอกาสเจ้าตัวลงสนามจนสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมา เหมือนที่ เอสซีจี เมืองทองฯ ทำอยู่ในขณะนี้ จากที่ฝืดสนิทเมื่อช่วงต้นฤดูกาลก็เริ่มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ และอีกไม่นานก็จะเข้าใกล้จุดเดิมที่เคยเป็น
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ “ซิโก้” แล้วว่าจะเลือกใครเป็นมือปืนตัวจริง หากให้โอกาสแล้วยังทำไม่ได้ จะกล้าดร็อป “มุ้ย” เพื่อเปิดทางให้หอกรุ่นน้องอย่าง “กอล์ฟ” ขึ้นมาเบียดพื้นที่หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *