“ฟิล์ม” แตกหัก “คอร์” หาสังกัดใหม่-เวทีเดิม

ASTV ผู้จัดการรายวัน – กลายเป็นข่าวใหญ่โตในรอบสัปดาห์เมื่อ คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ทีมบิดสัญชาติไทยในรายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป ประกาศยกเลิกสัญญากับ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักแข่งชื่อดังที่กำลังสร้างผลงานเยี่ยมในวงการอีกครั้ง ด้วยปัญหาภายในที่แฝงอยู่ในทีมมานานจนต้องมีการตอบโต้วาทะกันผ่านทาง โซเชียล มีเดีย ยากที่จะประสานรอยร้าว และทำให้ “ฟิล์ม” ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์อีกครั้งทั้งที่ฟอร์มกำลังดี

ย้อนกลับไปปี 2014 รัฐภาคย์ ที่ไร้สังกัดเพราะเพิ่งแยกทางกับ เอ.พี.ฮอนด้า ได้โอกาสคืนสู่สังเวียนความเร็วครั้งที่สอง จากความช่วยเหลือของ ปวีร์ ปานดำรงสถิตย์ ผู้บริหารบริษัท คอร์ เคมาติส จำกัด ที่ยื่นมือเข้ามามอบชีวิตใหม่ให้นักบิดวัย 27 ปี ลงแข่งรายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิป รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำผลงานจบอันดับ 9 บนตารางชิงแชมป์โลก และได้โพเดียมอันดับ 2 ที่ กาตาร์ สนามสุดท้ายของฤดูกาล

เข้าสู่ปี 2015 คอร์ และ ฟิล์ม กลับมาลุยต่ออีกครั้งในรุ่นเดิม ผ่านไป 5 สนามได้แชมป์แรกในชีวิตคือโฮมเรซที่ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือนมีนาคม และอยู่อันดับ 5 บนตารางชิงแชมป์โลก ซึ่งตามโปรแกรมนั้น รัฐภาคย์ จะต้องเดินทางไป อังกฤษ เพื่อลงแข่งสนามถัดไปที่ โดนิงตัน พาร์ค วันที่ 24 พฤษภาคม แต่แผนการณ์ทั้งหมดก็ถูกพับเก็บเพราะปัญหาส่วนตัวระหว่างนักแข่งกับทีม ก่อนนำมาสู่การยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดคือสิ้นปี 2015

เหตุผลเบื้องต้นที่ “บอสวีร์” หยิบยกมาเป็นประเด็นคือความไม่พอใจที่นักแข่งปล่อยให้ อนุรดี วิไลโรจน์ ภรรยาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการทำงาน รวมถึงแฟนคลับที่โพสต์ข้อความโจมตีทีมนักแข่งบน เฟซบุ๊ค จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตโดยที่นักแข่งไม่ห้ามปรามหรือควบคุม พร้อมกับมีการตอบโต้กันระหว่างเจ้าของทีมและภรรยานักแข่งบนโลกออนไลน์ซึ่งเป็นสังคมสาธารณะ โดยไม่มีการพูดคุยชี้แจงกันภายในจนสื่อและแฟนได้เห็นข้อความทั้งหมดแบบไม่มีปิดบัง

โดยบอสใหญ่ของทีม คอร์ฯ เผยผ่านแถลงการณ์โดยปัดพูดถึงปัญหาทั้งหมด ก่อนเผยได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้วในการส่งนักแข่งไปสู่ฝันคือขึ้นโพเดียมและคว้าแชมป์ พร้อมปล่อยให้นักบิดออกไปหาทีมใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจากนี้ คอร์ คงต้องหานักแข่งใหม่มาลุยต่อให้จบอีก 7 สนามที่เหลือ เพื่อรักษาสถานะของทีมและเลี่ยงการเสียค่าชดเชยให้กับทาง ดอร์นา ฝ่ายจัดการแข่งขัน ตามที่เซ็นสัญญากันไว้

ขณะที่ฝั่งอดีตนักบิดโมโตทู แก้ต่างชี้เป็นการยกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พร้อมปกป้องภรรยาว่าไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆทั้งสิ้นกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า “การยกเลิกสัญญาครั้งนี้ สิ่งที่ผมทำได้คือเคารพการตัดสินใจของทีม แต่ยืนยันเลยว่าครอบครัวของผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของทีม เรื่องเกิดจากแฟนคลับบางส่วนในเฟซบุ๊คกลุ่มปิดที่โพสต์ข้อความเสียหาย แต่เขากลับมองว่าเราไม่ช่วยปกป้องหรือแก้ต่างอะไรเลยจนทำให้ทีมไม่พอใจ”

“ผมคิดว่าปัญหาทุกอย่างควรจบที่การพูดคุยกันภายใน ไม่ใช่โพสต์ลงสื่อสาธารณะให้ทุกคนรู้ เพราะนั่นหมายความว่าไม่มีความเคารพกัน ทั้งที่ผมทุ่มเททำเพื่อทีมเต็มที่ และชื่นชมการทำงานของทีมตลอด ส่วนอนาคตต่อจากนี้ผมก็ต้องหาทีมใหม่ ลงแข่งรุ่นเดิมหรือใหญ่กว่านี้ ด้วยวัย 27 ปี ผมบอกเลยว่าไม่เคยหมดไฟ อยากลงแข่งต่อ กลับมาเริ่มจากศูนย์อีกรอบ ส่วนชัยชนะและแต้มทั้งหมดที่ได้มาเมื่อผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าผมจะไปเป็นนักแข่งให้ทีม บุรีรัมย์ นั้นไม่จริงเพราะยังไม่ได้คุยกับทีมใดเลย” อดีตนักบิดจาก เอ.พี.ฮอนด้า กล่าว

ส่วน นาย อารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ที่ปลุกปั้นนักขี่จากชลบุรีให้เป็นที่รู้จักของวงการมอเตอร์สปอร์ตในไทย กล่าวเสียดายอนาคตของนักแข่งที่กำลังไปได้สวยและสร้างชื่ออยู่ในระดับโลก ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ที่จะดึงอดีตลูกหม้อของ ฮอนด้า กลับสู่บ้านหลังเก่านั้น “เสี่ยอารักษ์” บอกยังไม่น่าใช่ในเร็วๆนี้เพราะโควตานักแข่งที่ส่งไปตามรายการต่างๆครบหมดแล้ว หากจะมีพูดคุยกันจริงก็คงเป็นช่วงปลายปี

จากเรื่องที่เกิดขึ้นนับว่าน่าเสียดาย เพราะนี่คือช่วงเวลาดีที่สุดในฐานะนักบิดอาชีพของเจ้าตัว พิสูจน์ได้จากตำแหน่งที่ 5 บนตารางชิงแชมป์โลก และมีโอกาสยกระดับสู่การลุ้นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์สปอร์ต ทั้งที่ก่อนหน้าแทบหาสังกัดอยู่ไม่ได้ แน่นอนว่าการเริ่มต้นใหม่ด้วยวัย 27 ปี ซึ่งไม่ได้อยู่ในความ “สด” แบบเดียวกับเด็กรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการเรียกฟอร์มให้ได้ระดับเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อชีวิตต้องเดินต่อก็ต้องจับตาดูอนาคตของนักบิดหนุ่มรายนี้จะก้าวไปสู่ทิศทางใด

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *