เอเยนซี - เชลซี ผลักดันตัวเองขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ด้วยการโชว์เกมรับระดับมาสเตอร์คลาสบุกไปหยิบ 1 แต้มจากรัง เอมิเรตส์ สเตเดียม ของ อาร์เซนอล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา จากนี้ขอชนะ 2 จาก 5 นัดที่เหลือแต้มก็จะขาดลอย ทว่าก็ตามมาพร้อมเสียงวิจารณ์ถึงสไตล์การเล่น "น่าเบื่อ" ร้อนถึง โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ชาวโปรตุกีส กับ จอห์น เทอร์รี แนวรับหัวใจสำคัญ ต้องออกมาตอบโต้ ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาทีมที่ประสบความสำเร็จได้แชมป์ลีกล้วนมีรากฐานจากเกมรับที่ไว้ใจได้ ดังเช่น 5 ทีมต่อไปนี้
อาร์เซนอล 1997-98
แบ็คโฟร์อังกฤษแบบยกแผงในปัจจุบันถือว่าหาได้ยากยิ่ง ซึ่ง ลี ดิ๊กสัน, โทนี อดัมส์, สตีฟ โบลด์ และ ไนเจล วินเทอร์เบิร์น ยังมีสำรองคือ มาร์ติน คีโอว์น ทั้งหมดคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ อาร์แซน เวนเกอร์ คว้าดับเบิลแชมป์ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุม อาร์เซนอล แบบเต็มซีซัน เพราะจริงๆ แล้วเข้ามาทำงานเดือนกันยายนปี 1996 แชมป์ที่ได้ก็คือ พรีเมียร์ ลีก กับ เอฟเอ คัพ โดยในลีกเสียไป 33 ประตูจาก 38 นัด แม้ไม่ได้น้อยที่สุดก็ตาม แต่ก็เฉือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เสีย 26 ประตู ได้แชมป์ไปเพียงแค่แต้มเดียว
อาร์เซนอล 2003-04
แม้ว่านักเตะจะโรยราไปรุ่นต่อรุ่น แต่ 6 ปีต่อมา เวนเกอร์ ก็สามารถผลักดันจนคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 3 ของตนเองและเป็นครั้งสุดท้ายจวบจนทุกวันนี้ ถือว่าเป็นฤดูกาลมหัศจรรย์ของ "ปืนโต" ที่ใครก็ยากจะลอกเลียนแบบ เนื่องจาก 38 นัดไร้พ่ายยิงมากที่สุด 73 ประตูเสียน้อยที่สุด 26 ประตูทิ้งอันดับ 2 เชลซี ถึง 11 แต้ม ซึ่ง "ปืนโต" ชุดนี้หลังบ้านบัญชาการโดย โลร็องต์ เอตาเม, โคโล ตูเร, โซล แคมป์เบลล์ และ แอชลีย์ โคล "บิ๊กโซล" ที่มาจาก ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ คือทายาทชั้นดีของ อดัม ส่วนแบ็คก็เติมเกมรุก 2 ข้างได้เยี่ยม
เชลซี 2004-05
ไม่มีสโมสรไหนของ พรีเมียร์ ลีก ที่เสียประตูน้อยกว่า เชลซี ของ โชเซ มูรินโญ ที่คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกกับการคุมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 15 ประตูที่ถูกยิงไปจาก 38 นัดถือเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อมาก ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องยกความดีความชอบให้กับแผงแบ็คโฟร์ที่นำโดย เปาโล แฟร์ไรรา, จอห์น เทอร์รี, วิลเลียม กัลลาส และ ริคาร์โด คาร์วัลโญ 2 รายถูกดึงมาจาก เอฟซี ปอร์โต ที่นายใหญ่ชาวโปรตุกีสพาคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่เหนืออื่นใดคือ "เจที" ที่ยืนหยัดจนถึงตอนนี้วัยปาเข้าไป 34 ปีแล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1998-99
ฤดูกาลอันน่าเหลือเชื่อของ แมนฯยู ภายใต้ยุคคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คว้าทริปเปิลแชมป์ โดยในลีกเสีย 37 ประตูจาก 38 นัดเฉือน อาร์เซนอล ที่เสียแค่ 17 ประตูไปแต้มเดียว แต่ตอนนั้นปรัชญาของนายใหญ่ชาวสกอตต์คือ "ยิงให้ได้มากกว่าที่เสียไป" อย่างเช่นรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่เสมอ บาร์เซโลนา 3-3 แบ็คโฟร์ตอนนั้นได้แก่ แกรี เนวิลล์, ยาป สตัม, รอนนี ยอห์นเซน และ เดนิส เออร์วิน เฉพาะอย่างยิ่งแข้งไอร์แลนด์ที่ เฟอร์กี ยกย่องว่าครบเครื่องที่สุด ส่วนตัวกลางชาวดัตช์ก็รับเสียใจที่ขายออกไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2006-07 / 2007-08 / 2008-09
3 ปีติดต่อกันที่ แมนฯยู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก กับการกุมบังเหียนของบรมกุนซือ เฟอร์กี โดยเฉลี่ยเสีย 24 ประตูตลอดทั้ง 3 ฤดูกาล หัวใจสำคัญก็คือ แกรี เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช และ ปาทริช เอฟรา ถือว่าทุกคนอยู่ในช่วงฟอร์มดีที่สุดของอาชีพค้าแข้ง รายของ วิดิช กับ เอฟรา ซื้อมาช่วงเดือนมกราคมปี 2006 เรียกได้ว่าเป็นการเสริมที่ถูกจุดแม้ว่าทั้งคู่จะต้องปรับตัวในช่วงแรก ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ระดับ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถึง 3 ครั้ง
แมนเชสเตอร์ ซิตี 2011-12
แชมป์ พรีเมียร์ ลีก สมัยแรกของ แมนฯซิตี กับการเสียไป 29 ประตู ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นนี้สำคัญอย่างมาก เพราะเฉือน แมนฯยูไนเต็ด ด้วยประตูบวกมากกว่า 64 กับบวก 56 หลังทั้งคู่มี 89 แต้มเท่ากัน โดย "ผีแดง" เสียมากกว่า 33 ประตูและยิงได้น้อยกว่า จึงเรียกได้ว่าแสบเข้าไปถึงทรวงอริร่วมเมือง ก็ต้องขอบคุณแนวรับทั้ง พาโบล ซาบาเลตา, แวงซองต์ กอมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์ และ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ แถม 2 แข้งอย่าง กอมปานี กับ เลสค็อตต์ เป็นมรดกที่ มาร์ค ฮิวจ์ส เซ็นตอนคุมทัพ ก่อนตกถึงมือ โรแบร์โต มันชินี นายใหญ่อิตาเลี่ยน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *