ASTV ผู้จัดการรายวัน – หากเอ่ยถึงชื่อ “อาริ” (Ari) เหล่าบรรดาคอลูกหนังเมืองไทย น้อยคนที่จะไม่รู้จักร้านจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสตั๊ดชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลาง สยามสแควร์ ซอย 6 ที่ถือว่าเป็นสาขาแรก ทว่าวันนี้ “เอ็กซ์” ศิวัช วสันตสิงห์ โต้โผใหญ่ ได้ริเริ่มที่จะผลิตแบรนด์เสื้อบอลเป็นของตัวเองที่ใส่ใจทุกรายละเอียด คุณภาพเทียบเท่าระดับอินเตอร์ ราคาสมน้ำสมเนื้อ โดยมี แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก เป็นเจ้าแรกที่ใช้บริการ
“อาริ” ถือเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาฟุตบอลที่เหล่าสตาร์ลูกหนังเมืองไทยนิยมเข้ามาเลือกสรรเป็นสำดับต้นๆ เนื่องด้วยมีสินค้าใหม่ให้เลือกมากมายครบทุกแบรนด์จากสโมสรดังทั่วโลกแบบไม่ตกเทรนด์ ที่สำคัญยังเป็นที่แรกในเมืองไทย ที่ให้บริการปักชื่อ เบอร์ หรือข้อความ ลงบนรองเท้าสตั๊ด และอุปกรณ์กีฬาชิ้นโปรด ด้วยเครื่องจักรอันทันสมัย โดยปัจจุบันมี 5 สาขา คือ ที่สยามสแควร์, ทองหล่อ, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เซนทรัล พลาซา ขอนแก่น และ ระยอง
แต่วันนี้ “อาริ” ได้ออกเดินก้าวสำคัญด้วยการเพิ่มบทบาทจากผู้ขาย มาเป็นผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อร้าน โดยเริ่มงานแรกด้วยการออกแบบยูนิฟอร์มแข่งขันให้กับ “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ตั้งแต่เมื่อฤดูกาล 2014 ก่อนที่จะเปิดตัวสลักโลโก้ของตนเองลงบนเสื้อแข่งขันในฤดูกาลนี้อย่างเต็มภาคภูมิครั้งแรก
โดย “เอ็กซ์” ศิวัช วสันตสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และเจ้าของร้าน อาริ ฟุตบอล คอนเซ็ปต์สโตร์ ได้เผยถึงการเข้ามาจับตลาดผลิตเสื้อบอลไทยในครั้งนี้ว่า เกิดจากความคลั่งไคล้ส่วนตัว “ส่วนตัวผมชอบเสื้อบอลอยู่แล้ว สะสมเสื้อบอลสโมสรต่างประเทศหลายร้อยตัว คล้ายๆ กับตอนเปิดร้าน อาริ ที่มาจากความชอบสตั๊ด จึงอยากให้แบรนด์ไทยมีคุณภาพระดับอินเตอร์บ้าง เราจึงอยากใส่เทคโนโลยีที่มีอยู่จริงๆในโลกให้นักเตะได้ใช้ และแฟนบอลสามารถซื้อในราคาที่เข้าถึงได้ ไม่แพงจนเกินไป แต่จะได้ของดีจริงๆในแบบที่คนบ้าเสื้อบอลอยากทำออกมาให้ใส่”
“เมื่อมีโอกาสได้รับการติดต่อจากคุณขจร เจียรวนนท์ ประธานสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด อยากให้เราลองทำให้ดู ทุกอย่างจึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่งความจริงเราทำงานร่วมกับ แบงค็อกฯ มาตั้งแต่ฤดูกาล 2014 แล้ว เพียงแต่ว่าในปีแรกทุกอย่างยังใหม่หมด เลยไม่ได้ประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ เสื้อแข่งขันจึงยังไม่มีโลโก้ของ อาริ พอเข้าปีที่ 2 มีเวลาได้คิดจริงๆ ได้ทำแบรนดิงจริงๆว่า แบงค็อกฯ ใช้ อาริ เป็นสปอนเซอร์เสื้อ นอกจากนี้เรายังทำมาร์เก็ตติงเกือบทุกอย่างให้กับทีม ไม่ว่าจะเป็น โซเชียล มีเดีย ทีวี รวมถึงคิดคอนเซ็ปต์ We are the Capital ที่ทีมใช้ ขณะที่ในส่วนของอุปกรณ์เราก็ออกแบบทั้ง กางเกง เสื้อซ้อม เสื้อโปโล แจ็คเก็ต กระเป๋า หมวก เพียงแต่ไม่ได้ออกวางขายให้กับแฟนบอลเท่านั้น ทำให้กับทีมเพียงอย่างเดียว”
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารหนุ่ม ยอมรับว่าในปีแรกเจอกระแสด้านลบพอสมควร “ยอมรับเลยว่าในปีแรกที่ทำให้ แบงค็อกฯ เราเจอกระแสด้านลบจากแฟนบอลพอสมควร แต่ก็มาจากหลายๆ ปัจจัยทั้งการที่ทีมมีการเปลี่ยนแปลงปรับรูปโฉมใหม่หมดแบบกะทันหันทั้งสีเสื้อและโลโก้ทีม รวมถึงผลงานในที่ไม่สู้ดี แต่เมื่อแฟนบอลลองใส่ดูแล้วพบว่าคุณภาพดีจริงบวกกับผลงานทีมเริ่มดีขึ้นช่วงท้ายฤดูกาล กระแสด้านลบจึงค่อยๆหมดไป โดยปีนี้เราได้ปรับให้เหมาะกับแฟนบอลมากขึ้น มี 2 เวอร์ชันให้เลือกคือแบบ Player (เกรดนักเตะ) ราคา 1,090 บาท และ Replica (เกรดแฟนบอล) ราคา 690 บาท ผู้หญิงและผู้ชายสามารถใส่เที่ยวได้ ซึ่งกระแสตอบรับก็ดีขึ้นมากดีกว่าที่คิด เพราะปีแรกขายได้ประมาณ 5-6 พันตัว แต่ฤดูกาลใหม่ตอนนี้ผ่านไปไม่กี่นัดยอดขายทะลุเกินปีที่แล้วไปแล้ว”
ซึ่งในส่วนของคุณภาพนั้น “เอ็กซ์” การันตีว่าเทียบเท่ากับแบรนด์ระดับโลกแน่นอน “ทุกวันนี้เสื้อบอลถูกผลิตออกมาเยอะมาก แต่เกินครึ่งไม่ได้ขายเทคโนโลยี ขายเพียงลายปรินท์ สไตล์ หรือแค่สี ซึ่งเรามองว่านักเตะควรจะได้ใช้เสื้อแข่งที่ดีจริงๆ แม้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเล่นได้เพียงแค่ 0.001 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ถ้าทำได้และนักเตะใส่แล้วรู้สึกมั่นใจก็น่าจะมีส่วนต่อฟอร์การเล่นในสนามด้วยเช่นกัน เราจึงคัดเลือกทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ทุกเทคโนโลยีที่ใส่ลงไปจะมีดีเทลทุกอย่าง โดยคำนึงถึงตัวนักบอลเป็นอันดับแรก ทั้งเนื้อผ้าที่คุณภาพเดียวกับที่แบรนด์ดังขายเกรดเพลเยอร์ตัวละ 4-5 พันบาท แต่เราขายถูกกว่า 3-4 เท่า โดยมีคุณสมบัติเด่นคือน้ำหนักเบาเพียง 113 กรัม ทำให้นักเตะใส่แล้วเบาสบาย พูดได้ว่าเนื้อผ้าเราใส่สบายที่สุดถ้าเทียบกับทีมอื่นใน ไทย พรีเมียร์ ลีก”
“ที่สำคัญเสื้อหนึ่งตัว เราไม่ได้ใช้ผ้าเพียงชิ้นเดียวแล้วย้อมสี แต่เราใช้เนื้อผ้าถึง 3 ชิ้นมาประกอบกัน คือ ตัวเสื้อที่เลือกใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบามาก ส่วนแขนเสื้อใช้ผ้าสเปนเด็กซ์ซึ่งมีคุณสมบัติคือเป็นผ้ายืดรัดรูป ช่วยล็อคแขนไว้ไม่ให้เกิดความรำคาญ ขณะที่ด้านหลังเป็นผ้าเมส หรือผ้าตาข่าย มีรูระบายอากาศ ช่วยในการระบายเหงื่อ รวมถึงด้านข้างที่เราใช้เลเซอร์เจาะรูระบายอากาศด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกรายละเอียดนี้จะเป็นตัวช่วยให้นักบอลเล่นได้อย่างมั่นใจในสนาม” ศิวัช บรรยายสรรพคุณ
ขณะที่ในเรื่องของการดีไซน์ที่แฟนบอลให้ความสนใจนั้น ซีซันนี้ “อาริ” ได้ออกแบบเสื้อให้กับ “แข้งเทพ” ทั้งหมด 3 สี คือ ชุดเหย้า-สีแดง ชุดเยือน-สีขาว และชุดที่ 3 สีน้ำเงิน สไตล์คอปก โดย จุมพล ภู่รุ่งฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกราฟฟิค ดีไซน์ ของ อาริ ได้เผยว่าทำงานกันอย่างหนัก “เรื่องดีไซน์นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่เราก็ทำงานกันอย่างหนักกว่าจะได้แบบที่ต้องการออกมา เรามีทีมงานออกแบบกว่า 10 คน ใช้เวลาในส่วนของการดีไซน์อย่างเดียวเกือบ 4 เดือน ก่อนจะมาดูอีกครั้งในขั้นตอนการผลิตว่าจะต้องแก้ไขตรงไหนอีกบ้าง เราคำนึงทุกรายละเอียด เช่น ลายปีกที่ใส่ลงไปในเนื้อผ้า ที่มีความหมายแสดงให้เห็นถึงการโบยบิน ทั้งฟอร์มการเล่นและอันดับตาราง เราต้องลองหลายครั้งว่าเมื่อออกมาแล้ว ลายจะเข้มหรืออ่อนไปขนาดไหน ต้องลองวัดให้เหมาะสมว่าเวลาอยู่ในสนามแล้วจะเห็นเป็นอย่างไร หรือแม้แต่โลโก้ที่ต่างกันระหว่างเสื้อเกรดนักฟุตบอลที่จะแข็งแรงทนทาน กับเสื้อเกรดแฟนบอลที่จะมีลูกเล่นคือนูนขึ้นมา รวมถึงสีที่เลือกใช้ทั้ง 3 สีว่าจะต้องสดมากขนาดไหน ใส่ลงสนามแล้วต้องเด่น”
พร้อมกันนี้ จุมพล ยังกล่าวต่อว่าปัญหาที่ยากที่สุดในการออกแบบเสื้อครั้งนี้คือการจัดวางโลโก้สปอนเซอร์ทั้ง 13 ราย ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม “โจทย์ที่ยากที่สุดคือการวางสปอนเซอร์ทั้ง 13 ราย บนเสื้อ ว่าจะให้ออกมาเหมาะสมได้อย่างไรโดยไม่ให้ดูเป็นการฮาร์ดเซลเกินไป แต่สปอนเซอร์ได้ในสิ่งที่ต้องการ และเสื้อยังสวยดูดีไม่รกตา ซึ่งเราใช้เวลาอยู่นานเพราะสปอนเซอร์แต่ละเจ้าก็จะมีสีของโลโก้ตนเองอยู่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่สุดท้ายก็ออกมาแฮปปี้ทุกฝ่าย ทั้งเรา สปอนเซอร์ และแฟนบอล”
เมื่อถึงวันที่ “อาริ” ไม่ได้เป็นแค่ร้านขายอุปกรณ์กีฬา และงานชิ้นแรกกับ แบงค็อกฯ ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แน่นอนว่าต้องมีเป้าหมายต่อไปในอนาคต โดย ศิวัช กล่าวว่ามีหลายทีมในประเทศติดต่อเข้ามา “มีหลายทีมในเมืองไทยติดต่อเข้ามาทั้งใหญ่และเล็ก แต่เราปฏิเสธไปหมด เพราะแม้เราจะมีศักยภาพในการผลิต มีช่องทางที่จะเลือกผ้าตามที่ต้องการได้ แต่ทีมงานออกแบบเรายังน้อย จึงไม่อยากรับงานเยอะ อยากจะทำทีมเดียวให้ดีๆก่อน หากจะรับงานหลายสโมสรก็ต้องมีทีมงานใหม่เข้ามาช่วยออกแบบ เราไม่อยากให้คนออกแบบคนเดียวกั๊กความคิดกับทีมนี้เพื่อไปใช้กับอีกทีม เราต้องใส่ให้สุดในแต่ละทีม เช่น ถ้ารับสโมสรอื่นก็ต้องให้ความมั่นใจกับ แบงค็อกฯได้ว่ายังจะได้ของทีที่สุด ได้ทุกอย่างเหมือนเดิม ที่สำคัญคือเราอยากให้คนที่ได้ใส่แบรนด์เราได้ของดีจริงๆ ถ้าเขาต้องการแค่เสื้อที่ใส่ลงสนามแล้วได้เงินสนับสนุน แบบนี้คงไปกับเราไม่ได้ ถ้าเป็นทีมที่อยากได้ดีเทล อยากลงลึกเรื่องเทคโนโลยี ผมก็พร้อม”
“เป้าหมายที่แท้จริงของเราคืออยากสร้างภาพบอลไทยให้ดีขึ้น เป็นอินเตอร์ อยากทำเสื้อบอลที่มีคุณภาพออกมา ซึ่งในอนาคตก็อยากที่จะทำให้กับทีมต่างประเทศ เช่นเดียวกับ ทีมชาติไทย ที่เราพร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ เพียงแต่เราไม่อยากไปแข่งขันกับใคร การที่เรารับงานออกแบบเสื้อบอลนั้นบอกตรงๆว่าไม่กำไรเลย ที่ทำเพราะอยากทำได้เรียนรู้และสนุกไปกับมัน ซึ่งวันนี้เราเปิดตัวก้าวแรกอย่างเต็มตัวแล้วว่า อาริ ไม่ได้เป็นแค่ร้านขายสตั๊ด แต่เป็นแบรนด์ด้วย และอยากให้ทุกคนได้รู้จักเราในอีกรูปแบบ” ศิวัช ทิ้งท้าย
นับว่าน่าจับตาไม่น้อยสำหรับก้าวแรกของแบรนด์กีฬาหน้าใหม่สายพันธุ์ไทยรายนี้ ที่เกิดขึ้นจากความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนัง และมุ่งเน้นใส่ใจไปที่คุณภาพมากกว่าราคา
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *