คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ก็เพราะทีมสโมสรต่างๆที่นำนักเตะของตนมาเข้ามาร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรเอเชียนั้นถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ทาง สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (Asian Football Confederation - AFC) เอาไปขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์ ขายสปอนเซ่อร์ ได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้น ส่วนหนึ่งของรายได้จึงถูกจัดสรรให้แก่นักแสดงและผู้เกี่ยวข้องมากน้อยตามผลงาน วันนี้ ผมขอยกมาเล่ากันเพียง เอเอ๊ฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยใหญ่ของเอเชียที่เรายังเหลือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรหนึ่งเดียวจากไทยเป็นตัวแทน
ก่อนที่การแข่งขันฤดูกาล 2015 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง เอเอ๊ฟซี ได้จัดประชุมสัมนาบรรดาเจ้าหน้าที่จากสโมสรที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกันในทุกเรื่อง ทุกประเด็น ทั้งเรื่องโปรแกรมการแข่งขัน ระบบการแข่งขัน กฎระเบียบต่างๆ มาตรการทางวินัย สื่อมวลชน เครื่องมืออุปกรณ์ ตั๋วเข้าชมการแข่งขัน แพทย์และการตรวจสารกระตุ้น ตลอดจน เรื่องเงิน เป็นต้น โดยอาศัยช่วงวันจับสลากประกบคู่ หรือแบ่งกลุ่ม ที่ได้จัดขึ้นที่ ประเทศมาเลเซีย เมื่อต้นเดือนธ้นวาคม 2014 แล้ว
สำหรับเรื่องเงินนั้น ประเภทแรก ทาง เอเอ๊ฟซี ใช้คำรวมๆกันเรียกว่า เงินอุดหนุนการแข่งขัน (Match Subsidy) ซึ่งมี 3 อย่างคือ อย่างแรก เงินอุดหนุนการเดินทาง (Travel Subsidy) อันนี้ให้เฉพาะเมื่อแข่งขันในฐานะทีมเยือนเท่านั้น แข่งบ้านตนเองไม่ได้รับนะครับ โดยรอบ เพลย์-อ๊อฟ ได้รับนัดละ 20,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบแบ่งกลุ่ม นัดละ 34,200 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบ 16 ทีม รอบ 8 ทีม และรอบรองชนะเลิศ นัดละ 30,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ได้รับ 60,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส
อย่างที่ 2 เป็น เงินโบนัส (Performance Bonus) อันนี้ขึ้นอยู่กับผลงานของทีมและจ่ายเฉพาะในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น นัดไหนชนะก็ได้รับ 40,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส เสมอรับครึ่งเดียว แต่ถ้าแพ้อด และอย่างสุดท้ายเขาจะเรียกว่า ค่าธรรมเนียมเข้าร่วมการแข่งขัน (Participation Fee) อันนี้ เอเอ๊ฟซี จ่ายให้ใน รอบน้อค-เอ๊าท์ เป็นแบบเหมาจ่าย ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ทีมรับไปเท่ากันคือ ในรอบ 16 ทีม ได้รับ 50,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบ 8 ทีม ได้รับ 80,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส และรอบรองชนะเลิศ ได้รับ 120,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส
เงินอุดหนุนการแข่งขันทั้ง 3 อย่างนี้ เอเอ๊ฟซี จะส่งตรงไปให้ สมาคมฟุตบอล ไม่ใช่ทางสโมสร ซึ่งสมาคมฟุตบอลก็จะส่งต่อให้ทางสโมสรในภายหลัง แต่ก่อนจ่ายเงินดังกล่าว เอเอ๊ฟซี จะหักเงินค่าปรับต่างๆเสียก่อนถ้าเกิดไปทำอะไรผิดกฎ ข้อบังคับ และโดนคณะกรรมการด้านวินัยหรือผู้มีอำนาจหน้าที่จากทาง เอเอ๊ฟซี สั่งปรับ
แล้วก็มาถึงสิ่งที่ เอเอ๊ฟซี เรียกว่า เงินรางวัล (Prize Money) อันนี้ มีจัดให้เพียง 2 อันดับแรกเท่านั้นคือ ทีมแช้มพ์ฟุตบอล เอเอ๊ฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้รับเงิน 1.5 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ส่วนรองแช้มพ์จะได้รับเพียงครึ่งเดียว
นอกจากนั้น ในแต่ละนัดเขาจะมีการเลือกนักเตะยอดเยี่ยมของเกมนั้นเป็น ผู้เล่นทรงคุณค่า (Most Valuable Player) มันก็คือ Man of the Match นั่นเอง รวมทั้ง นักเตะที่แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาลก็จะได้รับเลือกเป็น นักเตะทรงคุณค่าของการแข่งขัน (Most Valuable Player of the Competition) ใครทำประตูได้มากที่สุดก็เป็น ดาวซัลโว (Top Goalscorer) อันนี้นับประตูที่ทำได้ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ซึ่งถ้ามีผู้ยิงประตูได้เท่ากันหลายคนก็มาดูที่ใครผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้มากกว่ากัน และยังมี ทีมแฟร์เพลย์ (AFC Fair Play Award) อีกด้วย อันนี้คิดจากการที่ทีมโดนหักคะแนนจากการโดนใบเหลือง ใบแดง หรือเจ้าหน้าที่ทีมโดนลงโทษจากความประพฤติที่ไม่เหมาะสมน้อยที่สุด ทั้ง 4 รางวัลนี้ถือเป็นประเภทรางวัลประกาศเกียรติคุณ (Awards)
ส่วนถ้วยแช้มพ์นั้น เอเอ๊ฟซี จะทำพิธีมอบให้ทีมแช้มพ์หลังจากจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ แต่จะนำกลับคืนไป คงมอบเป็นกรรมสิทธิ์ให้เพียงถ้วยที่ทำเลียนแบบขึ้นมาอีกใบเท่านั้น และเรื่องเงินรายได้ค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่ทีมเจ้าบ้านจัดเก็บนั้น อันนี้ใครเก็บก็รับไปเต็มๆ ไม่ต้องมีการจ่ายค่าต๋งทั้งสิ้น แต่ในรอบชิงชนะเลิศ ทีมเจ้าบ้าน ต้องหักไว้ 10 เพอร์เซ็นท์ แบ่งให้ เอเอ๊ฟซี ครับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ก็เพราะทีมสโมสรต่างๆที่นำนักเตะของตนมาเข้ามาร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรเอเชียนั้นถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ทาง สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (Asian Football Confederation - AFC) เอาไปขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์ ขายสปอนเซ่อร์ ได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้น ส่วนหนึ่งของรายได้จึงถูกจัดสรรให้แก่นักแสดงและผู้เกี่ยวข้องมากน้อยตามผลงาน วันนี้ ผมขอยกมาเล่ากันเพียง เอเอ๊ฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วยใหญ่ของเอเชียที่เรายังเหลือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรหนึ่งเดียวจากไทยเป็นตัวแทน
ก่อนที่การแข่งขันฤดูกาล 2015 จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง เอเอ๊ฟซี ได้จัดประชุมสัมนาบรรดาเจ้าหน้าที่จากสโมสรที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกันในทุกเรื่อง ทุกประเด็น ทั้งเรื่องโปรแกรมการแข่งขัน ระบบการแข่งขัน กฎระเบียบต่างๆ มาตรการทางวินัย สื่อมวลชน เครื่องมืออุปกรณ์ ตั๋วเข้าชมการแข่งขัน แพทย์และการตรวจสารกระตุ้น ตลอดจน เรื่องเงิน เป็นต้น โดยอาศัยช่วงวันจับสลากประกบคู่ หรือแบ่งกลุ่ม ที่ได้จัดขึ้นที่ ประเทศมาเลเซีย เมื่อต้นเดือนธ้นวาคม 2014 แล้ว
สำหรับเรื่องเงินนั้น ประเภทแรก ทาง เอเอ๊ฟซี ใช้คำรวมๆกันเรียกว่า เงินอุดหนุนการแข่งขัน (Match Subsidy) ซึ่งมี 3 อย่างคือ อย่างแรก เงินอุดหนุนการเดินทาง (Travel Subsidy) อันนี้ให้เฉพาะเมื่อแข่งขันในฐานะทีมเยือนเท่านั้น แข่งบ้านตนเองไม่ได้รับนะครับ โดยรอบ เพลย์-อ๊อฟ ได้รับนัดละ 20,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบแบ่งกลุ่ม นัดละ 34,200 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบ 16 ทีม รอบ 8 ทีม และรอบรองชนะเลิศ นัดละ 30,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ได้รับ 60,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส
อย่างที่ 2 เป็น เงินโบนัส (Performance Bonus) อันนี้ขึ้นอยู่กับผลงานของทีมและจ่ายเฉพาะในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น นัดไหนชนะก็ได้รับ 40,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส เสมอรับครึ่งเดียว แต่ถ้าแพ้อด และอย่างสุดท้ายเขาจะเรียกว่า ค่าธรรมเนียมเข้าร่วมการแข่งขัน (Participation Fee) อันนี้ เอเอ๊ฟซี จ่ายให้ใน รอบน้อค-เอ๊าท์ เป็นแบบเหมาจ่าย ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ทีมรับไปเท่ากันคือ ในรอบ 16 ทีม ได้รับ 50,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส รอบ 8 ทีม ได้รับ 80,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส และรอบรองชนะเลิศ ได้รับ 120,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส
เงินอุดหนุนการแข่งขันทั้ง 3 อย่างนี้ เอเอ๊ฟซี จะส่งตรงไปให้ สมาคมฟุตบอล ไม่ใช่ทางสโมสร ซึ่งสมาคมฟุตบอลก็จะส่งต่อให้ทางสโมสรในภายหลัง แต่ก่อนจ่ายเงินดังกล่าว เอเอ๊ฟซี จะหักเงินค่าปรับต่างๆเสียก่อนถ้าเกิดไปทำอะไรผิดกฎ ข้อบังคับ และโดนคณะกรรมการด้านวินัยหรือผู้มีอำนาจหน้าที่จากทาง เอเอ๊ฟซี สั่งปรับ
แล้วก็มาถึงสิ่งที่ เอเอ๊ฟซี เรียกว่า เงินรางวัล (Prize Money) อันนี้ มีจัดให้เพียง 2 อันดับแรกเท่านั้นคือ ทีมแช้มพ์ฟุตบอล เอเอ๊ฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้รับเงิน 1.5 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส ส่วนรองแช้มพ์จะได้รับเพียงครึ่งเดียว
นอกจากนั้น ในแต่ละนัดเขาจะมีการเลือกนักเตะยอดเยี่ยมของเกมนั้นเป็น ผู้เล่นทรงคุณค่า (Most Valuable Player) มันก็คือ Man of the Match นั่นเอง รวมทั้ง นักเตะที่แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาลก็จะได้รับเลือกเป็น นักเตะทรงคุณค่าของการแข่งขัน (Most Valuable Player of the Competition) ใครทำประตูได้มากที่สุดก็เป็น ดาวซัลโว (Top Goalscorer) อันนี้นับประตูที่ทำได้ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นไป ซึ่งถ้ามีผู้ยิงประตูได้เท่ากันหลายคนก็มาดูที่ใครผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้มากกว่ากัน และยังมี ทีมแฟร์เพลย์ (AFC Fair Play Award) อีกด้วย อันนี้คิดจากการที่ทีมโดนหักคะแนนจากการโดนใบเหลือง ใบแดง หรือเจ้าหน้าที่ทีมโดนลงโทษจากความประพฤติที่ไม่เหมาะสมน้อยที่สุด ทั้ง 4 รางวัลนี้ถือเป็นประเภทรางวัลประกาศเกียรติคุณ (Awards)
ส่วนถ้วยแช้มพ์นั้น เอเอ๊ฟซี จะทำพิธีมอบให้ทีมแช้มพ์หลังจากจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ แต่จะนำกลับคืนไป คงมอบเป็นกรรมสิทธิ์ให้เพียงถ้วยที่ทำเลียนแบบขึ้นมาอีกใบเท่านั้น และเรื่องเงินรายได้ค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่ทีมเจ้าบ้านจัดเก็บนั้น อันนี้ใครเก็บก็รับไปเต็มๆ ไม่ต้องมีการจ่ายค่าต๋งทั้งสิ้น แต่ในรอบชิงชนะเลิศ ทีมเจ้าบ้าน ต้องหักไว้ 10 เพอร์เซ็นท์ แบ่งให้ เอเอ๊ฟซี ครับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
