คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ได้ประกาศรายชื่อผู้เล่นชุดใหญ่ จำนวน 19 คน ที่จะใช้ลับแข้งกับ สิงคโปร์ วันที่ 26 มิถุนายน และ แคเมอรูน วันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งเป็นโปรแกรมตามฟีฟาเดย์ ออกมาเรียบร้อย โดยมี “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน เป็นตัวชูโรง
ขณะที่แข้งรายอื่นก็เป็นขาประจำอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ประกิต ดีพร้อม และ อดุล หละโสะ นอกจากนี้กุนซือวัย 41 ปี ได้เปิดโอกาสให้แข้งหน้าใหม่ที่ห่างหายจากการติดธงไปนาน หรือไม่เคยถูกเรียกติดเลยได้ลองมาโชว์ฝีเท้า อาทิ กรวิทย์ นามวิเศษ ปราการหลังจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึง เอกชัย สำเร กับ พุทธินันท์ วรรณศรี สองแข้งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด และที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวจี๊ดจากสุพรรณบุรี เอฟซี
ต้องยอมรับว่า “เจ้าบอล” เป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวามาตลอดคนหนึ่งตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะถูกเรียกมารายงานตัว เพื่อเตรียมลุย อินชอนเกมส์ 2014 ในโควตาอายุเกิน 23 ปี แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าแคมป์ก็เหมือนสวรรค์ล่ม เมื่อทางโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แจ้งเรื่องมาว่าเจ้าตัวไม่สามารถร่วมทัพในครั้งนั้นได้ เนื่องจากไม่มีรายชื่ออยู่ใน 40 คนแรกที่ส่งขึ้นทะเบียนกับทางโอลิมปิกสากลไป ก่อนจะตัดเหลือ 20 คนสุดท้าย ทำให้ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปอย่างเศร้าๆทั้งที่เพิ่งแพ็คสัมภาระออกมาที่โรงแรม
หลังจากนั้น จักรพันธ์ ก็หลุดโผทัพช้างศึกในโปรแกรมทัวร์นาเมนท์มาตลอด ไล่ตั้งแต่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43 โดยได้โอกาสอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่ไทยส่งทีมเฉพาะกิจบุกไปแพ้ จีน 0-3 เมื่อเดือนตุลาคม ปีก่อนเท่านั้น
จนกระทั่งล่าสุดได้มีโอกาสหวนมาติดทีมอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่จะถึงนี้ แถมมาแบบสมศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิ เพราะฟอร์มการเล่นกับต้นสังกัด “ช้างศึกยุทธหัตถี” 4 นัดที่ผ่านมานั้นไฉไลเป็นบ้า ยิงไปแล้ว 3 ประตู และแอสซิสต์อีก 2 ครั้ง โดยเฉพาะเกมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เจ้าตัวตั้งป้อมซัดไกลริมเขตโทษ บอลโค้งเสียบเสาไกลอย่างสวยงามให้ทีมตามตีเสมอ 1-1 ก่อนจะบรรจงหยอดฟรีคิกให้ ซอร์จิโอ ฟาน ไดจ์ค โขกตีเจ๊า 2-2 ในช่วงท้ายเกม เปิดบ้านแบ่งแต้มกับแชมป์เก่าได้สำเร็จ
ที่สำคัญหากวัดกันที่ตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว ริมเส้นฝั่งขวา ในเรื่องของประสบการณ์ความแพรวพราวและลูกล่อลูกชนที่จะเป็นตัวพลิกเกมแล้ว ส่วนตัวผมยังมองว่าแข้งวัย 27 ปีรายนี้ ที่ผ่านการเล่นให้กับ เพื่อนตำรวจ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด มาอย่างโชกโชน ยังมีภาษีข่มกว่ารายอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ภิญโญ อินพินิจ ศราวุฒิ มาสุข หรือ มงคล ทศไกร จากอาร์มี่ ยูไนเต็ด กับ นูรูล ศรียานเก็ม จากชลบุรี เอฟซี ที่ติดทีมชุดนี้เช่นกัน
ถือว่าเหมาะสมครับสำหรับโอกาสอีกครั้งจากความพยายามของเจ้าตัวที่ก้มหน้าก้มตาเล่นให้กับสโมสรมาอย่างหนัก และไม่เคยปริปากบ่นเรียกร้องออกสื่อเมื่อครั้งที่ถูกทีมชาติเรียกมาเก้อ หากยังรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงไม่แคล้วมีชื่อเป็น 1 ในขุนพล ลุยศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เดือนมิถุนายน นี้แน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ได้ประกาศรายชื่อผู้เล่นชุดใหญ่ จำนวน 19 คน ที่จะใช้ลับแข้งกับ สิงคโปร์ วันที่ 26 มิถุนายน และ แคเมอรูน วันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งเป็นโปรแกรมตามฟีฟาเดย์ ออกมาเรียบร้อย โดยมี “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน เป็นตัวชูโรง
ขณะที่แข้งรายอื่นก็เป็นขาประจำอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ประกิต ดีพร้อม และ อดุล หละโสะ นอกจากนี้กุนซือวัย 41 ปี ได้เปิดโอกาสให้แข้งหน้าใหม่ที่ห่างหายจากการติดธงไปนาน หรือไม่เคยถูกเรียกติดเลยได้ลองมาโชว์ฝีเท้า อาทิ กรวิทย์ นามวิเศษ ปราการหลังจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึง เอกชัย สำเร กับ พุทธินันท์ วรรณศรี สองแข้งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด และที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น จักรพันธ์ พรใส ปีกตัวจี๊ดจากสุพรรณบุรี เอฟซี
ต้องยอมรับว่า “เจ้าบอล” เป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้คงเส้นคงวามาตลอดคนหนึ่งตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะถูกเรียกมารายงานตัว เพื่อเตรียมลุย อินชอนเกมส์ 2014 ในโควตาอายุเกิน 23 ปี แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าแคมป์ก็เหมือนสวรรค์ล่ม เมื่อทางโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แจ้งเรื่องมาว่าเจ้าตัวไม่สามารถร่วมทัพในครั้งนั้นได้ เนื่องจากไม่มีรายชื่ออยู่ใน 40 คนแรกที่ส่งขึ้นทะเบียนกับทางโอลิมปิกสากลไป ก่อนจะตัดเหลือ 20 คนสุดท้าย ทำให้ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปอย่างเศร้าๆทั้งที่เพิ่งแพ็คสัมภาระออกมาที่โรงแรม
หลังจากนั้น จักรพันธ์ ก็หลุดโผทัพช้างศึกในโปรแกรมทัวร์นาเมนท์มาตลอด ไล่ตั้งแต่ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 43 โดยได้โอกาสอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่ไทยส่งทีมเฉพาะกิจบุกไปแพ้ จีน 0-3 เมื่อเดือนตุลาคม ปีก่อนเท่านั้น
จนกระทั่งล่าสุดได้มีโอกาสหวนมาติดทีมอีกครั้งในเกมอุ่นเครื่องที่จะถึงนี้ แถมมาแบบสมศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิ เพราะฟอร์มการเล่นกับต้นสังกัด “ช้างศึกยุทธหัตถี” 4 นัดที่ผ่านมานั้นไฉไลเป็นบ้า ยิงไปแล้ว 3 ประตู และแอสซิสต์อีก 2 ครั้ง โดยเฉพาะเกมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เจ้าตัวตั้งป้อมซัดไกลริมเขตโทษ บอลโค้งเสียบเสาไกลอย่างสวยงามให้ทีมตามตีเสมอ 1-1 ก่อนจะบรรจงหยอดฟรีคิกให้ ซอร์จิโอ ฟาน ไดจ์ค โขกตีเจ๊า 2-2 ในช่วงท้ายเกม เปิดบ้านแบ่งแต้มกับแชมป์เก่าได้สำเร็จ
ที่สำคัญหากวัดกันที่ตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว ริมเส้นฝั่งขวา ในเรื่องของประสบการณ์ความแพรวพราวและลูกล่อลูกชนที่จะเป็นตัวพลิกเกมแล้ว ส่วนตัวผมยังมองว่าแข้งวัย 27 ปีรายนี้ ที่ผ่านการเล่นให้กับ เพื่อนตำรวจ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด มาอย่างโชกโชน ยังมีภาษีข่มกว่ารายอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ภิญโญ อินพินิจ ศราวุฒิ มาสุข หรือ มงคล ทศไกร จากอาร์มี่ ยูไนเต็ด กับ นูรูล ศรียานเก็ม จากชลบุรี เอฟซี ที่ติดทีมชุดนี้เช่นกัน
ถือว่าเหมาะสมครับสำหรับโอกาสอีกครั้งจากความพยายามของเจ้าตัวที่ก้มหน้าก้มตาเล่นให้กับสโมสรมาอย่างหนัก และไม่เคยปริปากบ่นเรียกร้องออกสื่อเมื่อครั้งที่ถูกทีมชาติเรียกมาเก้อ หากยังรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงไม่แคล้วมีชื่อเป็น 1 ในขุนพล ลุยศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เดือนมิถุนายน นี้แน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *