xs
xsm
sm
md
lg

หนุนแยกกระทรวง พัฒนากีฬาเต็มรูปแบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา สนับสนุนเต็มที่
ASTV ผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีแนวคิดปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็เพื่อแยกภารกิจด้านการท่องเที่ยวและกีฬาออกจากกันให้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ที่เชื่อว่าเป็นความคิดส่วนบุคคล ไม่ใช่ความคิดของหน่วยงาน เนื่องจากมองว่า 2 หน่วยงานนี้ควรจะอยู่เกื้อหนุนกัน เป็นเหตุให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายตามมา

ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการโอลิมปิกฯ พร้อมผลักดันการแยกกระทรวงกีฬาออกมาเป็นกีฬาอย่างเดียว เพราะทั้งกีฬาและการท่องเที่ยวมีบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างมาก โดยกล่าวว่า “ทำนอง แฝดคนละฝา-เหมือนปลาคนละน้ำ หากมีการขยับขยายหรือแยกออกจากกัน ประโยชน์น่าจะอยู่กับประเทศไทย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

“เคยมีการเสนอให้มีการแยกกระทรวงกีฬาออกจากกระทรวงท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาติดเรื่องการเมือง ทว่าตอนนี้ยังไม่มีนักการเมือง แต่มีสภาปฏิรูปประเทศ เมื่อมีโอกาสทำให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน วงการกีฬาก็น่าจะเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปด้วยเช่นกัน เพื่อการพัฒนาวงการกีฬาไทยไปสู่ระดับโลก รวมถึงเร่งประสานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ช่วยพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.การกีฬาฉบับปรังปรุงแก้ไขใหม่ ให้มีผลบังคับใช้ ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพทำให้วงการกีฬาได้เดินหน้าไปสู่ระดับสากล” บิ๊กอ็อดกล่าว

ขณะที่ “บิ๊กเอ” พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย สนับสนุนให้มีแยก 2 หน่วยงานออกจากกัน แต่อาจต้องใช้เวลาปรับตัว พร้อมจี้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการลดความซ้ำซ้อน “ส่วนตัวคิดว่าควรแยกงานออกเพื่อจะได้เน้นความเป็นเลิศในเรื่องกีฬาเพียงอย่างเดียว ส่วนการท่องเที่ยว ก็มุ่งสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศไปอยู่กระทรวงเศรษฐกิจก็มีเหตุสมควร โดยจะต้องมีบทบาทบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้มากกว่านี้ รวมถึงต้องดูกิจการและการจัดตั้งโรงแรม เพราะปัจจุบันขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย”

“อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดำเนินการควรถามความรู้สึกของข้าราชการ ซึ่งเดิมกีฬาเคยอยู่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีบุคลากรจากวิทยาลัยพลศึกษา แต่เมื่อแยกมาเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้ต้องมีการปรับตัว โดยมองว่าการแยกออกมาจริงๆ จะยุ่งยาก ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป จึงเป็นไปได้ยากที่ คสช. จะดำเนินการ เพราะมีเป้าหมายสำคัญด้านอื่นต้องเร่งดำเนินการ” พิมล เผย

ส่วน นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กีฬาควรอยู่กับกระทรวงที่สร้างคน อย่าง กระทรวงศึกษาธิการ หรือ วัฒนธรรม มากกว่า เพราะไม่ได้มีวัตถุประสงค์หารายได้เหมือนการท่องเที่ยว “ที่ผ่านมามีบุคลากรทางด้านกีฬาเข้ามาดูแลเรื่องท่องเที่ยว ทั้งที่ทำงานกันคนละแบบ ดังนั้น ควรคัดสรรบุคลากรที่เกี่ยวข้องเฉพาะด้านโดยตรง และกีฬาควรไปอยู่กับกระทรวงศึกษาธิการ ที่เน้นสร้างบุคลากร สร้างความสามัคคี หรือสร้างวัฒนธรรมกีฬากับกระทรวงวัฒนธรรม ให้นักกีฬารู้จักแบ่งปัน มีน้ำใจให้กัน จะถูกวัตถุประสงค์ของกีฬามากกว่า เพราะกีฬาไม่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้ และที่ผ่านมา รายได้การการแข่งขัน หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ เป็นเพียงผลพลอยได้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกีฬา”

ทั้งนี้ นายใหญ่ลูกยาง ยังเผยว่า การเปลี่ยนถ่ายกระทรวง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสมาคม เพราะมีหน่วยงานหลักที่ดูแลอยู่แล้ว คือ คณะกรรมการโอลิมปิก แห่งประเทศไทย “การดำเนินการต่างๆ ของสมาคมสามารถปฏิบัติได้ตามปกติ เพราะมีหน่วยงานหลักที่ดูแลอยู่แล้วคือคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย คอยดูแลและช่วยประสานงาน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงก็อาจจะส่งผลในด้านของวัตถุประสงค์ของกีฬามากกว่า ไม่มีความกระทบด้านอื่น”

เช่นเดียวกับ “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย ประมุขสมาคมยกน้ำหนักฯ ที่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “การให้กีฬาไปขึ้นอยู่กับสมาคมอื่นที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว จะช่วยให้สามารถพัฒนาด้านกีฬาได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากการทำงานที่ผ่านมากีฬาเป็นเหมือนลูกเมียน้อยที่ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลในเรื่องงบประมาณ เพราะไม่ได้เป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญของประเทศเหมือนกับกระทรวงการท่องเที่ยว”

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


สมพร อยากเห็นกีฬาช่วยเสริมการศึกษา
“มาดามบุษ” โอดกีฬาลูกเมียน้อย
เอเชียน บีช เกมส์ 2014 ทำเงินสะพัด
กำลังโหลดความคิดเห็น