คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ใครจะเชื่อว่านักเตะที่สังกัดอยู่กับทีมโซนท้ายตาราง ขนาดที่ว่าต้องดิ้นรนหนีตกชั้นจนนัดสุดท้ายของฤดูกาลจะสามารถก้าวติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ แต่วันนี้ ประกิต ดีพร้อม กองหน้าตัวเก่งจาก ทีโอที เอสซี สามารถลบคำสบประมาทเหล่านั้นได้สำเร็จ พร้อมแจ้งเกิดเต็มตัวในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
จากผลงาน 2 แอสซิสต์ ใน 2 เกมแรก โดยจ่ายให้ มงคล ทศไกร ยิงลูกแรกในเกมที่ชนะ สิงคโปร์ 2-1 ต่อด้วยลุกจากม้านั่งมาเปิดให้ อดิศักดิ์ ไกรษร ชาร์จประตูชัยเหนือ มาเลเซีย 3-2 ในช่วงท้ายเกม ก่อนจะโชว์ทีเด็ดสังหารฟรีคิกด้วยอีซ้าย บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย ตอกฝาโลงดับ เมียนมาร์ 2-0 ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ชื่อของ ประกิต ก็เข้าไปครองใจแฟนลูกหนังไทยในทันใด
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีหลายคนแอบลุ้นเอาใจช่วยอยากเห็นเจ้าตัวติดทีมชาติกับเขาบ้าง เพราะแม้ต้นสังกัดจะผลงานไม่สู้ดีขนาดไหน แต่ฟอร์มของเจ้าตัวก็ยังคงเส้นคงวาต่อเนื่อง เพียงแต่เรื่องโชควาสนาไม่เข้าใครออกใคร กอปรกับการที่ค้าแข้งกับทีมขนาดเล็กจึงถูกโค้ชตาน้ำข้าวเมินเสียเป็นส่วนใหญ่
กระทั่งการเข้ามาของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือช้างศึกเลือดไทย ที่เห็นแววเจ้าตัวที่ซัดไป 5 ประตู พร้อมทำ 5 แอสซิสต์ ให้ทัพฮัลโหลในฤดูกาลที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีจุดเด่นคือ ทักษะดี เร็ว และยิงคม ที่สำคัญ สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้ง หน้าเป้า หน้าต่ำ ปีกซ้าย ปีกขวา ตามคอนเซ็ปต์ที่โค้ชต้องการ เลยได้โอกาสติดธงชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
แม้จะเป็นน้องใหม่ในนามทีมชาติ แต่หากย้อนประวัติลงไปจะพบว่าดีกรีของหอกวัย 26 ปีรายนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หากใครไม่ได้ติดตามบอลไทยมาอย่างใกล้ชิดคงจะไม่รู้ว่า “เจ้ากิต” นั้น ถือเป็นเพื่อนซี้และคู่หูในแดนหน้าของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หอกเบอร์ 1 ไทย ตั้งแต่ครั้งสวมขาสั้นวัยละอ่อน ชนิดเข้าขารู้ใจ เคยร่วมกันแจ้งเกิดด้วยการพา โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพฯ รุ่น 12 ปี ต่อด้วย แชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่น 14 ปี ประเภท ก. พร้อมพา “เจ้าสัวน้อย” ไประดับโลกด้วยการคว้า อันดับ 5 ศึก ไนกี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์คัพ รอบเวิลด์ไฟนอล ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นการรวมเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปีจากทั่วโลกมาชิงชัย
โดยในเวลานั้น ประกิต ถูกยกให้เป็นแข้งพรสวรรค์อนาคตไกลคนหนึ่ง จนได้ควงคู่ “เจ้ามุ้ย” ติดเยาวชนทีมชาติไทย ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ศึกเยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2004 ก่อนจะเก็บกระเป๋าย้ายตามกันมาเป็นกำลังช่วย “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ซิวแชมป์ดิวิชัน 2 ในปี 2007
แต่หลังจากนั้นก็ถึงทางแยกของทั้งคู่ เมื่อ “มุ้ย” เริ่มกลายเป็นสตาร์ดังได้เดินทางไปฝึกซ้อมต่างแดน ส่วน ประกิต โลดแล่นอยู่กับ ราชประชา ภายใต้การคุมทีมของ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือมาดเข้ม ก่อนจะตัดสินใจหอบผ้าผ่อนตาม “โค้ชชาย” มาอยู่กับ ทีโอที ในที่สุด และเป็นกำลังหลักช่วยทีมหนีตายได้ทุกฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม แม้ ประกิต จะได้ติดทีมชาติสมใจหมายแล้ว แต่โอกาสที่จะได้หวนจับคู่กับอดีตพาร์ทเนอร์ผู้รู้ใจย้อนวันวานล่าตาข่ายร่วมกันอีกครั้งนั้น ดูท่าจะยังอีกนานกว่าจะมาบรรจบกันได้ เพราะดูจากทัวร์นาเมนต์ต่อจากนี้รวมถึงเกมอุ่นเครื่องแล้วคงจะยากที่ “เจ้ามุ้ย” จะลัดฟ้าจากสเปนกลับมาช่วยงานทีมชาติ ที่เป็นไปได้ที่สุดคงต้องรอลุ้นในเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ที่จะเริ่มเฟ้นกันกลางปีหน้านั่นแหละว่าจะได้เห็นคู่หู “ประกิต - ธีรศิลป์” ลงสนามหรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ใครจะเชื่อว่านักเตะที่สังกัดอยู่กับทีมโซนท้ายตาราง ขนาดที่ว่าต้องดิ้นรนหนีตกชั้นจนนัดสุดท้ายของฤดูกาลจะสามารถก้าวติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ แต่วันนี้ ประกิต ดีพร้อม กองหน้าตัวเก่งจาก ทีโอที เอสซี สามารถลบคำสบประมาทเหล่านั้นได้สำเร็จ พร้อมแจ้งเกิดเต็มตัวในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
จากผลงาน 2 แอสซิสต์ ใน 2 เกมแรก โดยจ่ายให้ มงคล ทศไกร ยิงลูกแรกในเกมที่ชนะ สิงคโปร์ 2-1 ต่อด้วยลุกจากม้านั่งมาเปิดให้ อดิศักดิ์ ไกรษร ชาร์จประตูชัยเหนือ มาเลเซีย 3-2 ในช่วงท้ายเกม ก่อนจะโชว์ทีเด็ดสังหารฟรีคิกด้วยอีซ้าย บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย ตอกฝาโลงดับ เมียนมาร์ 2-0 ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ชื่อของ ประกิต ก็เข้าไปครองใจแฟนลูกหนังไทยในทันใด
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีหลายคนแอบลุ้นเอาใจช่วยอยากเห็นเจ้าตัวติดทีมชาติกับเขาบ้าง เพราะแม้ต้นสังกัดจะผลงานไม่สู้ดีขนาดไหน แต่ฟอร์มของเจ้าตัวก็ยังคงเส้นคงวาต่อเนื่อง เพียงแต่เรื่องโชควาสนาไม่เข้าใครออกใคร กอปรกับการที่ค้าแข้งกับทีมขนาดเล็กจึงถูกโค้ชตาน้ำข้าวเมินเสียเป็นส่วนใหญ่
กระทั่งการเข้ามาของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือช้างศึกเลือดไทย ที่เห็นแววเจ้าตัวที่ซัดไป 5 ประตู พร้อมทำ 5 แอสซิสต์ ให้ทัพฮัลโหลในฤดูกาลที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีจุดเด่นคือ ทักษะดี เร็ว และยิงคม ที่สำคัญ สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้ง หน้าเป้า หน้าต่ำ ปีกซ้าย ปีกขวา ตามคอนเซ็ปต์ที่โค้ชต้องการ เลยได้โอกาสติดธงชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
แม้จะเป็นน้องใหม่ในนามทีมชาติ แต่หากย้อนประวัติลงไปจะพบว่าดีกรีของหอกวัย 26 ปีรายนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หากใครไม่ได้ติดตามบอลไทยมาอย่างใกล้ชิดคงจะไม่รู้ว่า “เจ้ากิต” นั้น ถือเป็นเพื่อนซี้และคู่หูในแดนหน้าของ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หอกเบอร์ 1 ไทย ตั้งแต่ครั้งสวมขาสั้นวัยละอ่อน ชนิดเข้าขารู้ใจ เคยร่วมกันแจ้งเกิดด้วยการพา โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพฯ รุ่น 12 ปี ต่อด้วย แชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่น 14 ปี ประเภท ก. พร้อมพา “เจ้าสัวน้อย” ไประดับโลกด้วยการคว้า อันดับ 5 ศึก ไนกี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์คัพ รอบเวิลด์ไฟนอล ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นการรวมเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปีจากทั่วโลกมาชิงชัย
โดยในเวลานั้น ประกิต ถูกยกให้เป็นแข้งพรสวรรค์อนาคตไกลคนหนึ่ง จนได้ควงคู่ “เจ้ามุ้ย” ติดเยาวชนทีมชาติไทย ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ศึกเยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2004 ก่อนจะเก็บกระเป๋าย้ายตามกันมาเป็นกำลังช่วย “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ซิวแชมป์ดิวิชัน 2 ในปี 2007
แต่หลังจากนั้นก็ถึงทางแยกของทั้งคู่ เมื่อ “มุ้ย” เริ่มกลายเป็นสตาร์ดังได้เดินทางไปฝึกซ้อมต่างแดน ส่วน ประกิต โลดแล่นอยู่กับ ราชประชา ภายใต้การคุมทีมของ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือมาดเข้ม ก่อนจะตัดสินใจหอบผ้าผ่อนตาม “โค้ชชาย” มาอยู่กับ ทีโอที ในที่สุด และเป็นกำลังหลักช่วยทีมหนีตายได้ทุกฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม แม้ ประกิต จะได้ติดทีมชาติสมใจหมายแล้ว แต่โอกาสที่จะได้หวนจับคู่กับอดีตพาร์ทเนอร์ผู้รู้ใจย้อนวันวานล่าตาข่ายร่วมกันอีกครั้งนั้น ดูท่าจะยังอีกนานกว่าจะมาบรรจบกันได้ เพราะดูจากทัวร์นาเมนต์ต่อจากนี้รวมถึงเกมอุ่นเครื่องแล้วคงจะยากที่ “เจ้ามุ้ย” จะลัดฟ้าจากสเปนกลับมาช่วยงานทีมชาติ ที่เป็นไปได้ที่สุดคงต้องรอลุ้นในเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย ที่จะเริ่มเฟ้นกันกลางปีหน้านั่นแหละว่าจะได้เห็นคู่หู “ประกิต - ธีรศิลป์” ลงสนามหรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *