ฟรองค์ ริเบรี นักเตะจอมเก๋าของ บาเยิร์น มิวนิก แสดงความเห็นถึงรางวัล ฟีฟา บัลลงดอร์ ที่แจกกันเป็นประจำทุกปีทำนองไม่มีมนต์ขลังหรือคุณค่าใดๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการมอบรางวัลที่มีเรื่องการเมืองเข้า มากกว่าฝีเท้าของผู้เล่นที่เข้าชิง
ริเบรี วัย 31 ปี เคยพ่ายแพ้ให้กับ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงของ รีล มาดริด ในการชิงรางวัลเมื่อปีที่แล้ว หลังมีชื่อติดโผเป็น 3 คนสุดท้ายร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์แห่ง บาร์เซโลนา แต่สุดท้ายก็เป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส คว้ารางวัลไป
ขณะที่การลุ้นรางวัลปีนี้ แข้งทีมชาติฝรั่งเศส ไม่มีชื่อติด 1 ใน 23 คน ที่ได้ลุ้นรอบแรก ซึ่งเจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ว่ารางวัลดังกล่าวหมดสิ้นมนต์ขลังไปนานแล้ว เพราะคิดว่าการมอบรางวัลให้นักเตะไม่ได้มาจากฝีเท้าอย่างแท้จริง แต่เป็นเรื่องการเมืองมาเอี่ยว
ริเบรี เปิดใจ “ผมเรียนรู้อะไรมากมายจากงานกาลาปีก่อน และบอกภรรยาว่าคงแพ้แบบไม่ต้องสงสัย ผมเห็น เซปป์ แบลตเตอร์ กำลังกอด โรนัลโด และครอบครัวของเขาก็อยู่ที่นั่น ผมไม่โง่หรอก มันชัดเจนทีเดียวว่าเขาต้องเป็นผู้ชนะ ไม่งั้นคงไม่ยกมากันทั้งบ้าน”
“ปีนี้ก็จะเป็นแบบเดียวกัน ผมอยากจะพูดอะไรนะหรือ? มานูเอล นอยเออร์ กับ อาร์เยน ร็อบเบน สมควรเป็นผู้ชนะ โดยเฉพาะ มานู เขาเป็นคนดีและไม่ถือตัว ส่วน อาร์เยน ก็เล่นได้อย่างน่าทึ่งใน บุนเดสลีกา รวมถึง เวิลด์ คัพ ที่ผ่านมา แต่ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องการเมืองอีก”
“บัลลงดอร์ ไม่ใช่เครื่องชี้วัดความเก่งกาจของนักเตะอีกแล้ว มันเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ ฟาบิโอ คันนาวาโร ได้รางวัลเมื่อปี 2006 เพราะเขาเป็นแชมป์โลก มันจบแค่ตรงนั้น ที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่าอิจฉาเพราะรางวัลไม่มีความหมายกับผมอีกแล้ว และผมก็มีความสุขกับชีวิตดีที่ มิวนิก และได้ยินเสียงแฟนๆ 7 หมื่นคน ส่งเสียงให้กำลังใจอยู่ด้านหลัง” ริเบรี จัดหนัก
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *