ASTVผู้จัดการรายวัน - ในขณะที่ ทัพนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติกำลังเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวลงแข่งขันศึกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014" ที่ประเทศ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน - 20 ธันวาคม 2557 โดยมี "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหอกจอมตีลังกาทีมชาติไทยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งเป้าหมายเดียวของ พลพรรค "ช้างศึก" กับการแข่งขันครั้งนี้คงจะไม่สามารถมีทางเลือกอื่นใดนอกจากตำแหน่งแชมป์เท่านั้น เพื่อเป็นการประกาศศักดิ์ดาทวงศักดิ์ศรีความเป็นเบอร์หนึ่งหนึ่งของอาเซียนแล้ว อีกนัยหนึ่งคงต้องเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งฟุตบอลทีมชาติไทย
ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 (นับตามปฎิทินไทย) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงมีพระราชดำริ จัดตั้ง "คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม" ขึ้นมาเพื่อเป็นทีมตัวแทนของประเทศ ในการแข่งขันฟุตบอลกับต่างชาติ ซึ่งแมตช์แรกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทีมฟุตบอล "ช้างศึก" เป็นการเจอกันระหว่าง ทีมชาวสยาม กับ ทีมสปอร์ต คลับ ซึ่งเป็นนักเตะจากยุโรป การแข่งขันนัดนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ ทีมชาติสยาม 2-1 และเป็นก้าวแรกของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดบันทึกประวัติศาสตร์เหล่านี้จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2545 มีการก่อตั้ง สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สปท.)
โดย จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม ได้พาย้อนอดีตถึงการก่อตั้งสมาคมฯ ว่าเป็นรับสั่งของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9 ) ที่ต้องการรวบรวมเรื่องราวของ พระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ไว้ที่ พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม
"ตอนแรกที่ตั้งสมาคมในปี 2545 เราต้องการเก็บสถิติเท่านั้น เก็บประวัตินักฟุตบอล และเก็บข้อมูล แต่พอตั้งได้ปีสองปี นักฟุตบอลรวมถึงแฟนบอลหลายคนก็เอาของมามอบให้ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย , เสื้อ หรือหนังสือ จนมาเกิดเรื่องขึ้นที่ภาพประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นภาพต้นฉบับในรัชกาลที่ 7 เก็บไว้ที่บ้านผม ภาพเสียไปครึ่งภาพ ก็เลยเริ่มฉุกคิดว่าเราคงต้องตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสำนักงาน พอสำนักพระราชวังรู้เข้า ในหลวงฯ อยากให้ทำที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนพระราชวังบางปะอิน อยากให้เรื่องของรัชกาลที่ 6 ทุกเรื่องอยู่ที่นี่ เหมือนบางปะอินเป็นเรื่องของรัชกาลที่ 5 เดชะบุญบารมี ฟุตบอลเกิดขึ้นจากรัชกาลที่6 ก็เลยได้ตำหนักทับแก้ว ถือว่าเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน"
อีกหนึ่งเหตุผลที่ สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย (สปท.) ต้องมาตั้ง ณ พระตำหนักทับแก้ว เนื่องจากมีหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็น คณะฟุตบอลถ้วยทองของหลวง หรือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ "มีภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งบ่งบอกว่า ที่นี่เคยเป็นที่ทำการคณะฟุตบอลถ้วยทองของหลวง มันสมเหตุสมผลทุกอย่าง แม้ว่าจะมีผู้แนะนำให้เราไปเช่าตึกหรูกลางกรุงเทพมหานคร แต่มันมีอะไรที่เกี่ยวกับฟุตบอลไทยหรือ? กลายเป็นว่าสะดวกคนมา แต่เรามองความเป็นมา รากเหง้า ผู้เข้าชมมาอาจจะต้องเดินทางออกมานอกเมือง แต่คุณได้มาตำหนักของพระองค์ท่าน กลับไปคุณอิ่มเอม เราได้เห็นของจริง และได้เดินในรอยเท้าของพระองค์ท่านรัชกาลที่ 6 ของจริง ฉะนั้นที่นี่คือบ้านของฟุตบอลไทย" ผอ.พิพิธภัณฑ์ลูกหนังกล่าว
แม้จะมีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ลูกหนังชาติ แต่สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย กลับไม่มีเงินทุนเป็นของตัวเอง หากแต่อยู่ได้โดยการสนับสนุนของเอกชนอย่าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่สนับสนุนเพียงปีละ 1.5 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มี นายวรวีร์ มะกูดี ดำรงตำแหน่งนายกฯ กลับไม่เคยเหลียวและแม้ว่าทาง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะส่งหนังสือของบแล้วก็ตาม "ผมเคยไปที่ สมาคมฟุตบอลฯ ทำหนังสือของบไป ซึ่งนับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้รับเงินจาก สมาคมฯ เลยแม้แต่บาทเดียว แม้ว่าเขาเคยขอตัวไปช่วยทำหนังสือรวมประวัติศาตร์ฟุตบอลและให้สัญญาว่าจะช่วย พิพิธภัณฑ์ฯ ก็ตาม"
อย่างไรก็ตาม ในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้ สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะจัดงานประเพณีกติกาฟุตบอล 119 ครั้งที่ 9 และงานครบรอบ 100 ปี ทีมชาติไทย เพื่อให้นักฟุตบอลทีมชาติไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน ได้ร่วมน้อมรำลึกและถวายสักการะ “พระบิดาแห่งฟุตบอลเมืองสยาม” ที่ พระราชวังสนามจันทร์ โดยนักฟุตบอลระดับตำนานตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 60 ราย นำโดย วิชิต แย้มบุญเรือง, นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์, ชัชชัย พหลแพทย์, เฉลิมวุฒิ สง่าพล, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พร้อมกันนี้ยังเชิญชวนแฟนฟุตบอลไทยเข้าร่วมงานฟรีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
