เอเยนซี - ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก เจแปนิส กรังด์ ปรีซ์ ที่ ซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น รอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา จบลงแบบไม่ราบรื่นเมื่อ จูลส์ เบียงคี นักขับจากทีม มารัสเซีย ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะจากอุบัติเหตุข้างสนาม จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยรถ เนื่องจากท้องฟ้าปิดเฮลิคอปเตอร์บินไม่ได้ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน เล่นเอา สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ได้รับผลกระทบเต็มๆ และถูกตั้งคำถามจากทั่วทุกสารทิศถึงการดูแลความปลอดภัยว่าหย่อนยานเกินไปหรือไม่
ร่างอันหมดสติของ เบียงคี ถูกทีมงานข้างสนามพากันนำขึ้นรถฉุกเฉินส่งโรงพยาบาลมิเอะห่างไป 10 ไมล์ ให้ทีมแพทย์เร่งทำการผ่าตัดหลังศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุรถหลุดโค้งไปชนกับรถเครนที่กำลังจอดกู้ซากรถของ อาเดรียน ซูทิล นักแข่งทีม เซาเบอร์ ในรอบที่ 43 ท่ามกลางฝนตกตลอดวัน ซึ่งแม้เจ้าตัวจะเริ่มหายใจเองได้แล้วหลังผ่าตัดไป 2 รอบ ทว่าก็ต้องอยู่ในความดูแลของทีมหมอแบบไม่ให้คลาดสายตา
หลังเกิดเหตุ แน่นอนว่า เอฟไอเอ และฝ่ายจัดการแข่งขันที่ ซูซูกะ กลายเป็นเป้าโจมตีของสื่อและนักขับเพื่อนร่วมอาชีพของนักซิ่งชาวฝรั่งเศสแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยประเด็นหลักหนีไม่พ้นเรื่องการสอดส่องดูแลความปลอดภัยบนสนาม เพราะก่อนหน้าวันแข่งจริง 2 วัน มีการพยากรณ์อากาศแล้วว่าอาจมีพายุไต้ฝุ่น “พันฝน” และฝนฟ้าคะนองเข้ามาป่วน ทว่าก็ยังปล่อยให้ทำการแข่งต่อ ผลก็คือนักแข่งทุกทีมต้องขับฝ่าสายฝนจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นมา
โดย อาเดรียน ซูทิล หนึ่งในนักแข่งที่โดนตกเป็นเหยื่อของสภาพอากาศครั้งนี้ แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเหมือน เบียงคี ต่อว่าฝ่ายจัดการแข่งขันที่ไม่ยอมเลื่อนเวลาแข่งให้เร็วกว่ากำหนดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอาจมีฝนตกหนัก “พวกเราไม่ได้ถูกถามความเห็นในเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงเราควรเริ่มแข่งขันก่อนที่ฝนจะตกลงมา มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับการตัดสินใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมกำหนดเองได้”
ขณะที่ กิลส์ ริชาร์ดส นักวิจารณ์ของ “เดอะ การ์เดียน” สื่อดังจากอังกฤษ กล่าวโจมตี ชาร์ลี ไวติง ผู้อำนวยการจัดแข่งขันอย่างรุนแรง ทำนองว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนักขับที่ต้องแข่งตอนฝนตกหนักจนส่งผลต่อทัศนวิสัยการมองเห็น โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ ซูซูกะ เมื่อปี 1976 นิกี เลาดา ตำนานแชมป์โลก 3 สมัย จาก เฟอร์รารี ตัดสินใจถอนตัวกลางคันเพราะฝนตกจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่มาคราวนี้กลับทำนิ่งเฉยไม่ดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ด้าน เอฟไอเอ แม้จะออกแถลงการณ์แก้ต่างภายหลังว่าระหว่างแข่งได้มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่โบกธงเหลืองถึง 2 ครั้ง เพื่อแจ้งให้ลดความเร็วและขับอย่างระมัดระวัง แต่ ริชาร์ดส ก็มองว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แถมยังโดนวิจารณ์หนักกว่าเดิมเนื่องจากทำนักขับรายหนึ่งอาจหมดอนาคตหรือเสียชีวิตได้ โดยคาดว่าบอร์ด เอฟวัน จะต้องตั้งโต๊ะประชุมหารือเพื่อหามาตรการควบคุมป้องกันที่รัดกุมมากกว่านี้
จากกรณีที่เกิดขึ้นกับ เบียงคี นับเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดของวงการรถสูตรหนึ่งในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่การจากไปของ ไอร์ตัน เซนนา ตำนานซิ่งชาวบราซิล ที่เสียชีวิตหลังพลาดชนกำแพงคอนกรีตที่ ซาน มาริโน ปี 1994 ซึ่งกับนักขับเลือดเฟรนช์ แม้มีโอกาสรอดพ้นจากความตาย ทว่าผลจากการที่สมองได้รับความกระทบกระเทือนก็อาจทำให้เข้าสู่ภาวะเจ้าชายนิทรา หรือเป็นโรคความจำเสื่อม หมดอนาคตจะได้สวมชุดลงบังคับรถต่อไป
สำหรับวงการกีฬาทั่วโลก ได้พยายามรณรงค์ป้องกันเรื่องการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องเข้าปะทะอย่าง อเมริกันฟุตบอล หรือ ฟุตบอล ที่เพิ่งมีการออกกฎใหม่ให้เจ้าหน้าที่ลงไปดูแลนักเตะ 3 นาทีหากได้รับบาดเจ็บหนักทางศีรษะ ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เบียงคี จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ เอฟไอเอ และทีมงานทุกฝ่ายต้องตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยกันมากกว่าเดิม เพราะหากไม่ระวังกันให้ดีผลที่ออกมาย่อมไม่คุ้มเสียแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *